หลายคนคงได้ไปเยือนกันแล้วสำหรับ ‘เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์’ แหล่งช็อปปิ้งใหม่ย่านเลียบทางด่วนรามอินทราที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเซ็นทรัลเฟสติวัลสาขาแรกในกรุงเทพฯ และยังเป็นศูนย์การค้าแบบโอเพ่นแอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย บนพื้นที่ขายกว่า 160,000 ตารางเมตรนี้มีร้านค้าและช็อปต่างๆ ให้เลือกช็อปกันแบบละลานตา รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน ใครไปที่นี่แล้วยังคิดไม่ออกว่าจะรับประทานอะไรดี 5 ร้านต่อไปนี้อาจกลายเป็นร้านในดวงใจคุณ
1.Kin Kao
จากครอบครัวที่ทำธุรกิจร้านอาหารมากว่า 30 ปี ก่อให้เกิด ‘Kin Kao’ ร้านอาหารไทยแท้ที่ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนในทุกเมนู ทั้งพริกแกงที่ตำเองทั้งหมด ผักสดที่หารับประทานยากอย่างใบกระเจี๊ยบ, แตงไทยอ่อน ฯลฯ รวมถึงมีเมนูกับข้าวสไตล์ไทยๆ รับประทานกับข้าวกล้องหรือข้าวหอมมะลินุ่มๆ ร้อนๆ จาก จ.ยโสธร พร้อมเครื่องดื่มดับร้อนอย่างชามะกรูด, น้ำตะไคร้ และวุ้นใบเตย

ถึงแม้เมนูส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นเมนูไทยแท้แบบโบราณ แต่สไตล์การตกแต่งร้านนั้นเป็นแบบร่วมสมัยเพื่อให้เข้าถึงคนยุคใหม่ ด้วยการเล่นกับลายพัดแบบไทยๆ และนำธีมสีน้ำเงินมาจากเสื้อม่อฮ่อมของชาวนา และนำต้นข้าวมาตกแต่งบนโต๊ะตามคอนเซ็ปต์ ‘ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว’นอกจากนี้ยังมีครัวเปิดด้านหน้าเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสนุกที่ได้มองวิธีการปรุงอาหารอีกด้วย
เมนูแนะนำ: ใบเหลียงผัดไข่, พะแนงซี่โครงหมู, ปลาตะเพียนต้มเค็มสูตรโบราณ, ปลาราดแสร้งว่า
ที่ตั้ง: ชั้น 1 โซน Bar & Bistro
เปิดให้บริการ: ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา: 11.00-21.30 น.
2. Wine I LOVE YOU Bar & Bistro
ร้านอาหารในใจของใครหลายๆ คนที่ยังคงคอนเซ็ปต์แรกเริ่มคือร้านนั่งดื่มไวน์ที่มีเครื่องดื่มหลากหลาย รวมทั้งมีอาหารที่ราคาเข้าถึงง่าย สามารถมารับประทานได้ทุกวัน ซึ่ง Wine I LOVE YOU Bar & Bistro ที่เซ็นทรัลฯ อีสต์วิลล์นี้เป็นสาขาแรกที่นอกจากจะมีไวน์หลากหลายแล้ว ยังมีเบียร์ไว้ให้บริการ ทั้งเบียร์ลาเกอร์และเบียร์สดร่วม 100 ชนิด รวมทั้งอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเมนูเบาๆ มื้อเช้า เมนูหนักท้องมื้อกลางวัน และเมนูสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในยามเย็น
เมนูแนะนำ: สลัดเอ้กเบเนดิกต์, ข้าวนาโช่ไข่เยิ้ม, ซี่โครงหมูสูตรดั้งเดิม, พิซซ่ามาร์การิต้า, เครปเค้กช็อกโกแลตมอลต์
ที่ตั้ง: ชั้น 1 โซน Bar & Bistro
เปิดให้บริการ: ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา: 11.00-22.00 น.
3. Seiryu Sushi Café
ชื่อร้าน ‘เซย์ริว’ มีความหมายว่า ‘มังกรสีน้ำเงิน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุรเทพของญี่ปุ่นที่ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ที่นี่จะพาคุณก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของซูชิที่มาพร้อมบรรยากาศสบายๆ สไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ เน้นความอร่อยและสดใหม่ด้วยวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบที่ถูกต้อง พร้อมกับการผสมผสานและนำสูตรมาประยุกต์จนเกิดเป็นซูชิทอล์กออฟเดอะทาวน์สนั่นโลกโซเชียล อาหารของที่นี่มีทั้งซูชิและครัวร้อน ซึ่งทุกสัปดาห์ทางร้านจะเลือกวัตถุดิบขึ้นมา 1 อย่างและลดราคา 50% (สั่งได้ 3 ชิ้น/ 1 คน)
เมนูแนะนำ: Hirame Usuzukuri, Chirashi Special, Premium Sushi Set B, ล็อบสเตอร์ผัดเนย
ที่ตั้ง: ชั้น 1
เปิดให้บริการ: ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา: 11.00-22.00 น.
4. The Raw Bar
รวมความสดใหม่ของอาหารจากท้องทะเลทั่วโลก ด้วยการนำเข้าล็อบสเตอร์แบบเป็นๆ มาเลี้ยงไว้ที่แทงก์ภายในร้าน หรือหอยนางรมที่สั่งเข้ามา 16-20 ชนิดต่อวันเพื่อความหลากหลายของวัตถุดิบ ซึ่งหอยของแต่ละประเทศก็จะมีรสชาติแตกต่างกันไป เช่น Washington ของอเมริกา เนื้อจะกรอบ หวาน, Fin De Claire ของฝรั่งเศส เนื้อจะนุ่ม รสชาติจะมันกว่า เป็นต้น ซึ่งทุกเมนูของที่นี่รับประกันความสดใหม่ และการันตีรสชาติด้วยดีกรีเชฟ Le Cordon Bleu

เมนูแนะนำ: NZ Mussels จับคู่กับ Green Salad และเครื่องดื่ม, เซตรวม Oyster นานาชาติ, Steamed Lobster, Kagoshima Wagyu Striploin
ที่ตั้ง: ชั้น 1 โซน Bar & Bistro
เปิดให้บริการ: ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา: 10.00-22.00 น.
5. Toast Company
เพียงแค่คุณก้าวเข้ามาในร้านที่เป็นสไตล์โรงอบขนมปังแห่งนี้ก็จะได้กลิ่นหอมของขนมปังที่อบสดใหม่ทุกวัน และจะทำให้ทุกคนได้สัมผัสอีกหนึ่งประสบการณ์ของขนมปังที่มากกว่าแค่คำว่าโฮลวีต, ไวท์เบรด เพราะเจ้าของร้านนี้ลงทุนไปค้นหาไอเดียถึงประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่ามีขนมปังที่อร่อยและมีหลากหลายชนิด ก่อนจะกลับมาบรรจงรังสรรค์ขนมปังมันหวาน, ขนมปังเอิร์ลเกรย์ ฯลฯ ให้คนไทยได้ลิ้มลองกัน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีคอนเซ็ปต์ว่าขนมปังไม่ใช่เพียงแค่ของหวาน แต่ยังสามารถนำมาทำเป็นของคาวรสชาติอร่อยได้อีกด้วย โดยหลายๆ เมนูได้มีการปรับรสชาติให้จัดจ้านเข้ากับคนไทย
เมนูแนะนำ: Mile High Roast Beef, Beef Sandwich, Pulled Pork Sandwich, Sticky Icky Mango, The Earl of Grey, Chocolate Smoothies
ที่ตั้ง: ชั้น 1
เปิดให้บริการ: ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา: 11.00-21.30 น.