
“พรุ่งนี้กับชาติหน้า อะไรจะมาถึงก่อนกัน” ประโยคนี้ใช้ดีกับ ‘กฤต วงศาโรจน์’ เพราะจากเหตุการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ด้วยวัยเพียง 22 ปี เขาก็เป็นเหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดี แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หมอปฎิเสธการรักษาเพราะเห็นว่าเขาคงไม่รอด เปลี่ยนโรงพยาบาลมาแล้ว 2 ครั้ง นอนสลบไป 4 เดือน! ตื่นมาพร้อมกับรู้ว่าตัวเองเป็นอัมพาตครึ่งตัว และที่แย่ไปกว่านั้นคือความจำเสื่อม
เมื่อความทรงจำหายไปประกอบกับร่างกายที่ไม่สมประกอบ แน่นอนว่าชีวิตแต่ละวันผ่านไปไม่ง่ายเลย แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจเขาเชื่อเสมอว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พลังของความเชื่อนี่เองที่ทำให้เขากลับมาเหมือนเดิมแม้จะไม่ 100% กฤตในวันนี้พกพาความแข็งแกร่ง ฝึกฝนจนได้เข้าไปติด 1 ใน10 จากการแข่งขัน R U Tough Enough? โครงการเฟ้นหาคนแกร่งพันธุ์อึด จัดโดยช่อง KIX นอกจากความแกร่งภายนอกแล้ว เรายังมองเห็นไปถึงความแกร่งในหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน
อยากให้เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นหน่อย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเรียนอยู่ Stamford International University หัวหิน วันนั้นกำลังจะขับรถกลับบ้านที่ราชบุรี มันเป็นช่วงกลางดึกทางก็มืดๆ ประมาณตี 2 ครับ จริงๆ แล้วไม่อยากขับออกมาเลย แต่พอดีตอนนั้นเครียดเรื่องแฟนบอกเลิก ทำใจไม่ได้เพราะเป็นแฟนคนแรกด้วย ตอนนั้นมันเหมือนอารมณ์ชั่ววูบก็ขับออกมาเลย ประกอบกับช่วงนั้นอดนอนมาหลายวัน จู่ๆ ก็เหมือนวูบไม่รู้ตัวทำให้รู้ว่าหลับในเป็นแบบนี้นี่เอง อีกอย่างทางขับจากหัวหินไปราชบุรีมันจะมีต้นไม้เยอะเลยมองไม่ค่อยเห็นทาง ผมคงไปชนต้นใดสักต้นหนึ่งเข้าอย่างจัง
นาทีที่ชนยังรู้สึกตัวไหม
ไม่รู้สึกตัวแล้วครับ แม่เล่าว่าผมกระเด็นออกมานอกตัวรถ โดนกระจกบาดที่ตัว รถพังทั้งคัน ผมไปฟื้นที่โรงพยาบาล นอนตาลอยไม่รู้เรื่อง แม่บอกว่าเหมือนปลาทูถูกตีหัว ชักดิ้นชักงออยู่อย่างนั้น ผมอยู่ห้องไอซียูนานมาก เพราะเลือดคั่งในสมอง ย้ายโรงพยาบาลไป 4 ครั้ง โรงพยาบาลที่แรกดูแลไม่ค่อยดี หมอบอกว่าไม่น่ารอด เคสแบบผมไม่มีใครกล้ารักษาเลย หรือถ้ารอดก็ต้องนอนเป็นผัก ขยับตัวไม่ได้ต้องให้อาหารทางสายยาง แต่ทุกคนที่บ้านก็ยังหวังปาฎิหาริย์
หลังจากฟื้นขึ้นมามีอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ตอนที่ฟื้นขึ้นมา อย่างแรกเลยคือขาไม่มีความรู้สึก ขยับตัวไม่ได้ เพราะขาดออกซิเจนไป 3 นาที สมองเลยไม่สั่งการและเป็นอัมพาต สมองส่วนที่กระทบแรงที่สุดคือโซนเกี่ยวกับความทรงจำ ผมจำใครไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เรียกชื่อ สิ่งของก็ผิดหมด อย่างน้ำผมจะเรียกว่าทีวี ตู้เย็น อย่างสีเสื้อผมก็ไม่รู้ว่าสีอะไร เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง สมองต้องสร้างการเรียนรู้ขึ้นมาใหม่ แม่ก็เสียใจมาก เขาบอกว่าผมเหมือนผีเข้าพูดไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นรักษาแบบไหนก็เอาหมดครับ โรงพยาบาลเอาไม่อยู่ก็หันหน้าเข้าวัด สมองอีกส่วนที่เสียไปคือโซนความอิ่ม ความหิวก็สั่งการไม่ได้ คือผมจะหิวทั้งวัน กินทั้งวัน กินทุกชั่วโมง กินอิ่มได้ไม่นานก็บอกยังไม่ได้กินข้าวเลย ต้องเดินไปซื้อมาอีก เหมือนเป็นอัลไซเมอร์
อาการหนักขนาดนี้ ใช้วิธีการรักษาอย่างไรบ้างและใช้เวลาฟื้นตัวนานแค่ไหน
ผมรักษาที่โรงพยาบาลเปาโลเป็นที่สุดท้าย ที่ที่คุณหมอเก่งมาก ผ่าตัดสมองดูดเลือดคั่งในสมองไป 70% หลังจากนั้นก็ใช้หลายวิธีครับ หลักๆ คือการกายภาพบำบัด ต้องฝึกเดินหนักกว่าคนอื่นด้วย ผมพยายามจะขยับตัวแต่พอไม่ได้ก็หงุดหงิดมากๆเพราะผมอยากกลับมาเดินได้เร็วๆ ตอนที่เริ่มขยับตัวได้ก็ปีนออกมาจนร่วงตกพื้นไปหลายครั้ง แม่ก็ต้องหารั้วมากั้น ใช้เวลาทำกายภาพบำบัดประมาณ 1 ปีกว่า อย่างมือตอนแรกก็ขยับไม่ได้ก็พยายามกำและแบมือบ่อยๆ ส่วนช่วงขาฝึกตีขาด้วยท่าว่ายน้ำ และเดินบนลู่วิ่ง แรกๆ ก็เดินเป๋ไปคนละทิศคนละทาง ทุกวันนี้ยังเดินไม่ค่อยตรงจะเดินปัดๆ นิดนึงเป็นผลกระทบมาจากสมอง จนคนถามว่าเป็นเกย์หรือเปล่าทำไมเดินบิดก้น คือมันไม่ใช่อ่ะครับ อีกอย่างคือผมกินยารักษาต่อเนื่องมา 5 ปี ห้ามขาด เหลืออีก 1 ปีก็จบคอร์สและกินน้ำมันตับปลา 3,000 มิลลิกรัม ช่วยให้สมองกลับมาไวด้วย
จากคนที่เป็นอัมพาต ก้าวแรกของการฝึกเดินยากแค่ไหน
พอเริ่มก้าวขาได้ ดีใจมาก รู้สึกเหมือนมีความหวังขึ้นมา กว่าที่ผมจะเดินได้มันทรมานสุดๆ ช่วงแรกที่เดินบอกเลยว่าเจ็บมาก แต่ละก้าวมันเหมือนมีเข็มมาแทงๆ ตลอดเวลา คำว่าเจ็บร้าวกระดูกมันเป็นแบบนี้เอง ผมยังงงตัวเองว่าทนได้ไง แต่ผมเป็นคนไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ถ้าผมเดินไม่ได้ต่อไปผมจะทำงานอะไรได้ ไม่อยากให้พ่อแม่มาเข็นผมไปไหนต่อไหนโดยที่ผมช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย
เรียนรู้อะไรบ้างหลังจากจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าอะไรทำให้เราผ่านจุดตรงนั้นมาได้
ความเชื่อที่ว่าเราจะไม่ยอมแพ้ครับ ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ตอนวัยรุ่นเราใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เที่ยวเล่นไปวันๆ อยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยสนใจครอบครัว หลังจากเราสูญเสียอิสระภาพไป วันที่เราอยู่คนเดียว รู้เลยว่าใครรักเราบ้าง พ่อแม่ญาติพี่น้องช่วยเหลือเต็มที่ ค่าผ่าตัด ค่ารักษา หมดเป็นล้านๆ ก็ยอม ผมดีใจมากที่มีครอบครัวที่รักเราขนาดนี้ ตอนนี้ผมใช้ชีวิตระวังมากขึ้น อยากทำงานเก็บเงินเพื่อดูแลพ่อแม่ ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมได้หนึ่งแสนบาทคงเอาไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ตอนนี้จะแบ่งให้แม่ครึ่งหนึ่งและเรียนต่อปริญญาโท ผมอยากเป็นตัวแทนบอกผ่านไปถึงคนที่กำลังท้อแท้ว่าอย่าสิ้นหวัง เราเกือบจะลาโลกไปแล้วยังกลับมาได้เลย
มาพูดถึงความแกร่งของตัวเองในการเข้าประกวดโครงการ R U Tough Enough กันหน่อย
ผมเล่นฟิตเนสมา 9 ปี แล้วครับ เพราะเป็นนักวิ่ง นักว่ายน้ำมาก่อน บังเอิญไปเห็นโปสเตอร์รับสมัครก็เลยลองเข้ามาดู นี่เป็นการประกวดครั้งแรกในชีวิต และที่ลงสมัครเพราะอยากจะพิสูจน์ว่าคนที่เคยประสบอุบัติเหตุแบบผมก็ยังสามารถกลับมาได้เหมือนเดิม แถมยังแข็งแรงกว่าเดิมด้วย
ทราบมาว่าเคยอ้วนมาก่อน มีวิธีลดน้ำหนักยังไงบ้าง
ผมเคยอ้วนที่สุดน้ำหนัก 95 กก. ลดเหลือ 60 กก. ภายใน 2 เดือน สืบเนื่องมาจากตอนที่ป่วยกินเยอะมากๆ น้ำหนักเลยพุ่งกระฉูด วิธีลดความอ้วนคือการออกกำลังกายและคุมอาหาร ผมตื่นตอนตี 5 มาวิ่ง 2 ชั่วโมงครับ ตอนเย็นไปว่ายน้ำอีก 2 ชั่วโมง วันไหนเข้าฟิตเนสก็เล่นวันละ 4 ชม. ช่วงนั้นกินแต่ผักกับกล้วยทุกวันเลย มันก็ลดลงเร็วมาก
เตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับรอบ 10 คนสุดท้ายที่กำลังจะประกาศผลผู้ชนะเลิศเร็วๆ นี้แล้ว
จัดตารางการฝึกแบบเข้มข้นขึ้นครับ ผมจะเปลี่ยนการคาร์ดิโอสลับกัน คาร์ดิโอมี 2 แบบคือ เดินปรับชัน แล้วก็วิ่งสปีดขึ้นภูเขา ผมจะวิ่งสปีดขึ้นภูเขา 2 นาทีแล้วเดินสลับ 5 รอบ คือรอบนึงประมาณ 2 นาที เทคนิคสำหรับอาหารก่อนเล่นจะจิบน้ำหวานให้เข้าเส้นเลือด กินขนมปังโฮลวีต หลังเล่นถ้าอารมณ์ดีก็จะกินไก่ปั่น เพราะรสชาติมันไม่ค่อยอร่อย ต้องฝืนนิดนึงครับ
ใครคือไอดอลของคุณ
ไอดอลของผม ถ้าเอาด้านความเท่ผมชอบ The Rock ในกลุ่มนักมวยปล้ำเขามีกล้ามที่สวยมาก อีกอย่างผมชอบรอยสัก คนมีรอยสักที่กล้ามจะดูมีเสน่ห์มาก ผมเห็นแล้วเลยไปสักบ้างเป็นรูปเสือตรงหัวใจ ส่วนคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาเล่นกล้ามคือรุ่นพี่ผมเอง เป็นนักเพาะกายทีมชาติ เราอยากตัวใหญ่มีกล้ามแบบนั้นบ้างก็เลยไปเล่นดู การเล่นเป็นคู่มันช่วยกระตุ้นให้เราอยากเอาชนะด้วย ผมเล่นคู่กับเขามา 8 ปี
ความแกร่งในแบบฉบับของคุณเป็นอย่างไร?
คิดว่าต้องมีใจที่แข็งแรงก่อน ถึงจะมีร่างกายที่แข็งแรงตามมา เพราะฉะนั้นความแกร่งขึ้นอยู่กับใจก่อนเลยทุกอย่าง ถ้าเรามีใจที่มุ่งมั่นเหมือนกับมีวินัย คือต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง และเราต้องไปถึงจุดนั้นโดยที่ไม่วอกแวกครับ
โปรดติดตามและร่วมลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันเฟ้นหาคนพันธุ์อึด R U Tough Enough? (อาร์ ยู ทัฟ อีนาฟ) ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 1 แสนบาท ได้ในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560 เวลา 18.00น. โซนสแควร์ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments