
เมืองไทยมีเชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ ระดับโลกก็มี ‘มิชลินสตาร์’ นี่ล่ะที่เป็นเครื่องการันตีว่าอาหารของร้านนั้นๆ อร่อยและได้มาตรฐาน ซึ่งบางร้านก็ดังเพราะได้มิชลินสตาร์จนมีคิวจองยาวเหยียดเป็นเดือนๆ บางคนถึงกับลงทุนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อชิมโดยเฉพาะ มิชลินสตาร์คืออะไร และกว่าจะได้มิชลินสตาร์มานั้นต้องทำอย่างไรไปดูกัน
จุดเริ่มต้นของมิชลินสตาร์
มิชลินสตาร์ เกิดจากบริษัทยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ‘มิชลิน’ โดยเมื่อราวๆ ค.ศ.1900 การเดินทางด้วยรถยนต์ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก 2 พี่น้อง อังเดรและเอดเวิร์ด มิชลิน จึงผุดไอเดียกระตุ้นยอดขายยางรถยนต์ของตนเอง โดยหาวิธีให้คนใช้รถยนต์ในการออกเดินทางมากขึ้น จึงทำไกด์บุ๊กสีแดงเล่มเล็กๆ ชื่อว่า ‘มิชลินไกด์’ แจกฟรี ภายในมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแนะนำโรงแรมและปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านอาหาร ซึ่งมีการ ‘ให้ดาว’ การันตีสำหรับร้านอาหารที่น่าสนใจ

ดาวของมิชลินสตาร์
มีด้วยกัน 3 ระดับ คือ
1 ดาว คือ ร้านอาหารที่อร่อยเมื่อเทียบกับร้านอาหารประเภทเดียวกัน หากผ่านไปยังเส้นทางนั้นก็ควรแวะไปชิม
2 ดาว คือ ร้านอาหารทึ่อร่อยมากเป็นพิเศษ ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อไปชิม
3 ดาว คือ ร้านอาหารที่ต้องไปชิมก่อนตายสักครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ควรดั้นด้นไปชิม
ซึ่งดาวของมิชลินสามารถให้เพิ่มได้ หรือหากรักษามาตรฐานไว้ไม่ได้ก็จะถูกยึดคืนได้เช่นกัน ทำให้มีร้านอาหารหลายแห่งประกาศไม่รับมิชลินสตาร์ เพราะไม่อยากรู้สึกกดดันและอยู่ในกฎเกณฑ์มากเกินไป

ทำอย่างไรถึงจะได้มิชลินสตาร์
หลายคนคงอยากรู้ว่าการที่ร้านอาหารแต่ละแห่งจะได้รับมิชลินสตาร์นั้นต้องทำอย่างไรและมีองค์ประกอบอะไรบ้าง น้องติ่มซำไปสืบมาให้แล้วค่ะ ทางผู้ให้มิชลินสตาร์จะมี ‘นักชิมนิรนาม’ แฝงตัวอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้คนจากหลากหลายอาชีพ ทั้งหมอ, ทนายความ, นักธุรกิจ ฯลฯ ที่ยินดีตระเวนชิมโดยไม่เปิดเผยตัว ต้องผ่านการอบรมอย่างเข้มข้นเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน และยึดถือคำมั่นสัญญา 5 ข้อ คือ การไม่เปิดเผยตัว, ความเป็นอิสระ, การคัดเลือกสถานที่และการตัดสินใจ, การปรับปรุงรายปี และความมีมาตรฐาน ทำให้รางวัลมิชลินสตาร์ได้รับความน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันมิชลินไกด์บุ๊กนี้มีอยู่หลากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศต้นกำเนิดอย่างฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เกรทบริเทนและไอร์แลนด์ ฯลฯ รวมถึงมิชลินไกด์บุ๊กสำหรับเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์ก, ชิคาโก, ซานฟรานซิสโก ฯลฯ ซึ่งเมืองหลวงที่ได้มิชลินสตาร์มากที่สุดคือ ‘โตเกียว’ ประเทศญี่ปุ่น (ร้านราเม็งขนาด 9 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้นแค่ 260 บาทก็อร่อยจนได้มิชลินสตาร์ด้วยนะ สึโก้ย!) รองลงมาคือปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่จนถึงขณะนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีร้านอาหารที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์ มีเพียงแต่ร้านอาหารที่เปิดโดยเชฟมิชลินสตาร์ หรือร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่มาเปิดสาขาในประเทศไทยเท่านั้น
อยากชิมอาหารระดับมิชลินสตาร์ต้องไปที่ไหน
ในประเทศไทยมีร้านอาหารที่เปิดโดยเชฟมิชลินสตาร์ เช่น ร้าน J’aime ณ โรงแรมยูสาทร โดยเชฟ Jean-Michel Lorain ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในฝรั่งเศส ‘Côte Saint Jacques’ ซึ่งได้มิชลินสตาร์ 3 ดาวติดต่อกันมานานกว่า 25 ปี, ร้าน L’atelier de Joel Robuchon ที่ชั้น 5 มหานครคิวบ์ โดยเชฟ Joel Robuchon ผู้ได้รับการขนานนามว่า ‘Chef of the Century’ เพราะเป็นเชฟที่ครอบครองมิชลินสตาร์มากที่สุดจากหลากหลายร้านอาหารทั่วโลก ฯลฯ นอกจากนี้ตามโรงแรมใหญ่ๆ ก็มักจะเชิญเชฟมิชลินสตาร์มาปรุงอาหารคอร์สพิเศษให้ได้ชิมกันด้วยนะ





ส่วนร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่มาเปิดสาขาในประเทศไทย เริ่มจากร้านที่หลายคนรู้จักกันดี อย่าง Tim Ho Wan ติ่มซำชื่อดังจากฮ่องกงที่ได้รับมิชลินสตาร์ระดับ 3 ดาว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่ราคาย่อมเยาที่สุดในโลก! ไปทีไรก็เห็นคนรอต่อแถวกันยาวเหยียด (ของอร่อยก็แบบนี้ล่ะ) เมนูที่ห้ามพลาดคือ ‘จตุรเทพแห่งติ่มซำ’ อันได้แก่ ซาลาเปาอบไส้หมูแดง, ขนมผักกาด, มาไลโกว และก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้ตับหมู ลิ้มลองกันได้ที่ Terminal 21, The Street รัชดา และ Gateway เอกมัยค่ะ




Comments
comments