ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย สำหรับสาวเก่ง ‘ปรีดิ์อัญ-ชนกภรณ์ การุณยธัช’ ที่เปลี่ยนคำว่า ‘แพ้’ ให้เป็น ‘ความสำเร็จ’ เริ่มจากการคว้าแชมป์ระดับประเทศด้วยวัยเพียง 15 ปี! ล่าสุดชื่อของเธอกำลังกลายเป็นที่จดจำในฐานะนักกีฬาขี่ม้าไทยคนแรกที่จะได้เข้าไปแข่งรายการระดับโลก FEI World Equestrian Games Tryon 2018 ในประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง โดยมีอาหารม้าและผลิตภัณฑ์ MaxWin ร่วมเป็นแรงสนับสนุนสำคัญให้นักกีฬาสาววัย 19 ปี คนนี้นำชื่อเสียงกลับมาเมืองไทยได้สำเร็จ ถึงแม้ชัยชนะจะเป็นเป้าหมายของทุกคน แต่สิ่งที่ทำให้ปรีดิ์อัญก้าวขึ้นมายืนในจุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะการขยันเก็บเกี่ยวกับประสบการณ์เพื่อเรียนรู้ที่จะแพ้และชนะ ซึ่งนั่นล่ะคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอกลายมาเป็น ‘นักกีฬาขี่ม้าดาวรุ่ง’ ที่ใครๆ ก็ชื่นชมเฉกเช่นทุกวันนี้
ตอนนี้ปรีดิ์อัญเป็นที่รู้จักในฐานะนักกีฬาไทยคนแรกที่จะได้ไปแข่งรายการ FEI World Equestrian Games Tryon 2018 ประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ได้ยินว่ารายการนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับกีฬาขี่ม้าแล้วใช่ไหม
ใช่ค่ะ สำหรับนักกีฬาขี่ม้าถือว่าใหญ่ที่สุดแล้ว มันเป็นการแข่งที่ไม่มีโควต้าเหมือน Olympic Games ว่าส่งนักกีฬาเข้าร่วมได้กี่ประเทศ เพราะทุกประเทศส่งได้ไม่จำกัด 4 คน ดังนั้นจะมีจำนวนคู่แข่งเยอะกว่า ปีหน้าเขาอาจเปลี่ยนกฏ แต่ที่ผ่านมาเขาจะให้ผู้เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ขี่ม้าของอีก 3 คน คือมันเป็นการแข่งเพื่อวัดฝีมือจริงๆ ไม่ใช่แค่ขี่ม้าแบบเดียว แต่คุณต้องขี่ม้าได้ทุกแบบ มันเป็นความฝันสูงสุดของหนูเลยที่อยากไปแข่งรายการนี้ พอจะได้ไปแข่งก็รู้สึกดี แล้วจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด
ได้ยินว่าปรีดิ์อัญเริ่มขี่ม้าตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะอะไรถึงหลงรักกีฬาขี่ม้า
คุณพ่อคุณแม่จะส่งเสริมให้เล่นกีฬาตั้งแต่เล็กๆ เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าเสียเวลาไปกับกีฬาดีกว่าทำอย่างอื่น พอโฟกัสกับกีฬาก็จะทำให้มีวินัย รวมถึงสุขภาพแข็งแรงด้วย แต่ที่มาขี่ม้า เพราะพี่สาว (เปรมอัฐ-วรัญภรณ์ การุณยธัช) เป็นคนเริ่ม คือตอนแรกหนูไม่ได้ชอบ เพราะจะอินฟุตบอลหรือกรีฑามากกว่า พอต้องไปนั่งรอพี่ขี่ม้าก็เริ่มหัดบ้าง คือถ้าขี่ม้าปกติไม่กลัวนะ แต่ตอนกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางแรกๆ จะกลัวมาก จนอายุ 12 ปี ได้ไปเจอกับม้าคู่ใจและครูที่ใช่ มันก็เปลี่ยนทัศนคติไปเลย แล้วรู้สึกว่าการขี่ม้าคือทุกอย่างของเรา จากนั้นอีกประมาณ 2 ปี ก็เป็นแชมป์ประเทศไทยและได้รับถ้วยพระราชทานฯ The King’s Cup ปี 2012
การขี่ม้ามีเทคนิคให้เรียนรู้อย่างไร
การขี่ม้ามี 2 ชีวิต เป็นกีฬาที่อยู่กับปัจจุบัน การเตรียมตัวสำคัญก็จริง แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจปวดท้อง หรือม้าอาจเตะคอกจนเจ็บ ดังนั้นควรโฟกัสอยู่กับปัจจุบันแล้วทำให้ดีที่สุด มันจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เรียนรู้ทุกวัน เพราะม้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนคน เราในฐานะเจ้าของควรรู้จักมันให้ดีที่สุดยิ่งกว่าหมอ เวลาเกิดอะไรขึ้นกับม้า เราควรรู้เป็นคนแรกและแก้ปัญหาทันที อย่าปล่อยให้บานปลาย
ม้าคือสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์และความรู้สึกไม่ต่างกับคน ในฐานะนักกีฬาขี่ม้าต้องดูแลม้าของตัวเองอย่างไร ต้องดูแลไปถึงเรื่องการกินเลยไหม
ทุกอย่างสำคัญหมดค่ะ อาหารการกินก็สำคัญมาก คือไม่ได้จบแค่ม้าดี คนขี่ดี แต่ยังมีเบื้องหลังอย่างอื่นมากมาย เช่น ช่างทำเกือกม้า อาหาร น้ำ ยา มันสัมพันธ์กันหมด อย่างอาหารก็ต้องดูว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับเขา (ม้าชอบอาหารหลากหลายเหมือนคนไหม) ไม่ค่ะ ม้าไม่มีอารมณ์เบื่ออาหาร แต่จะมีอารมณ์ไม่ชอบ สมมติถ้าใส่ยานี้จะกินน้อย เพราะไม่ชอบกลิ่น ซึ่งก็ต้องพยายามหาอย่างอื่นมาผสมให้มันกินได้
นักกีฬาขี่ม้าที่มีผลงานดีๆ อย่างปรีดิ์อัญต้องซ้อมหนักขนาดไหน
เมื่อก่อนซ้อมหนักมากจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย คือหนูเรียนที่อังกฤษ แต่ม้าที่ใช้แข่งอยู่ฝรั่งเศส ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซ้อมทุกวัน ทำได้แค่หนึ่งคือไปยิมเพื่อออกกำลังกาย สองคือเรื่องของจิตใจ เราต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้ ทุกวันหนูจะใช้เวลา 10 นาที หลับตาแล้วจินตนาการว่าอยู่ในสนามแข่ง มองภาพว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะทำอย่างไร จริงๆ ซ้อมหนักแค่ไหนไม่สำคัญนะ สำคัญว่าต้องใช้ช่วงเวลาที่ซ้อมให้เกิดประโยชน์ที่สุด บางทีซ้อม 30 นาที ม้า OK! ก็เลิก บางทีอาจแค่ 15 นาที คือเราต้องคิดเผื่อม้าด้วยว่าวันนี้ต้องการอะไร ไม่ใช่ซ้อม 1 ชั่วโมงทุกวัน เพราะซื้อชั่วโมงมาเท่านี้ จริงอยู่ว่ายิ่งซ้อมยิ่งเก่ง แต่นั่นหมายความว่าต้องมีม้าหลายตัว การขี่ม้าก็เหมือนขับรถ คนขับรถทุกวันกับสัปดาห์ละหนใครจะเก่งกว่ากัน มันก็ต้องเป็นคนขับรถทุกวันอยู่แล้ว
ถ้าสัดส่วนชีวิต 100% แบ่งให้การขี่ม้าเท่าไร
80% ค่ะ ที่บอกแบบนี้เพราะถ้าไม่ขี่ม้าก็มองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเหมือนกัน ณ ตอนนี้การขี่ม้าคือทุกอย่างสำหรับหนูจริงๆ โชคดีที่ที่บ้านไม่ซีเรียสเรื่องเรียนจึงไม่กดดัน แค่เรียนจบให้ได้ความรู้ ไม่ใช่เพื่อเอาเกรด หนูเรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอนนี้กำลังขึ้นปี 3 แล้ว (ปกติแข่งเยอะขนาดไหน) ปีที่ลงแข่งเยอะที่สุดคือ 36 โปรแกรม นั่นก็ทั้งปีแล้ว เพราะอย่างแข่งที่สเปนก็ใช้เวลาเดินทาง 3-4 วัน ส่วนใหญ่หนูอยู่ต่างประเทศ เพราะไปแข่งแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตั้งแต่อายุ 15 ปีแล้ว กลับมาเมืองไทยก็แค่แป๊บเดียวเพื่อต่อพาสปอร์ต แล้วกลับไปแข่งต่อ
ตอนนี้ปรีดิ์อัญเป็นเหมือนฮีโร่ของคนที่รักกีฬาขี่ม้าไปแล้ว มีคำแนะนำอะไรกับคนที่อยากประสบความสำเร็จอย่างปรีดิ์อัญไหม
อย่ากลัวแพ้ค่ะ หนูมีวันนี้ได้ก็เพราะคำว่าแพ้ ทุกครั้งที่เราแพ้จะได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง คือเราต้องเรียนรู้ที่จะแพ้เพื่อขัดเกลาตัวเอง เมื่อถึงวันหนึ่งที่ไม่มีข้อผิดพลาดนั้นแล้ว ความสำเร็จก็จะเข้ามาเอง ทุกคนเริ่มจากแพ้หมด ไม่มีใครชนะมาตั้งแต่เกิด เราต้องทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ขนาดครูของหนูเป็นแชมป์ระดับโลก เขายังฟังหนูเลย ทุกคนมีไอเดียใหม่ๆ แล้วโลกก็หมุนตลอดเวลา อีกอย่างคือต้องมีเป้าหมาย ถ้าเชื่อว่าตัวเองไปถึงเป้าหมายนั้นได้ก็จะไม่ยอมแพ้
อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของปรีดิ์อัญในฐานะนักกีฬาขี่ม้า
ตอนนี้ผ่านเข้าไปรายการ FEI World Equestrian Games Tryon 2018 ที่เคยเป็นเป้าหมายสูงสุดได้แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากไปแข่ง Asian Games แล้วได้สักเหรียญ ต่อจากนี้ 2 ปีก็อยากไปแข่ง Olympic Games แต่เป้าหมายสูงสุดของหนูจริงๆ คืออยากทำให้ดีที่สุดในทุกสนาม คือยิ่งชนะก็ยิ่งกดดันตัวเอง เพราะอยากให้ผลลัพธ์มันสม่ำเสมอ ไม่ใช่ชนะรายการเดียวแล้วจบ
เซเลบริตี้: ชนกภรณ์ การุณยธัช
แต่งหน้า-ทำผม: เอกวรา ภิญโญ
ช่างภาพ: ทินกร วงเบญจศิลป์
ผู้ช่วยช่างภาพ: ธนพร พิกุล, ธีรภัทร รัตนกุลชัยนันท์
สัมภาษณ์: มยุรี จิตเอื้ออารีกุล
OK! Magazine Thailand Issue 295
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่…
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
Comments
comments
