
เช้านี้เชียงใหม่อากาศดี เช่นเดียวกับบรรยากาศอันร่มรื่นของศูนย์การเรียนวัดป่าเป้า ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดป่าเป้า วัดเก่าแก่ศิลปะแบบไทยใหญ่ในเขตอำเภอเมือง แต่วันนี้ความรู้สึกของเด็กๆและพ่อครู แม่ครู ดูจะคึกคักเป็นพิเศษเนื่องจากในช่วงสายทางโรงเรียนกำลังจะมีกิจกรรมร่วมกับ นิชคุณ หรเวชกุล หนึ่งใน Friend of UNICEF ซึ่งคราวนี้ขอมาลงพื้นที่ไกล เพื่อมาสัมผัสให้เห็นว่าการเรียนการสอนในสถานศึกษาที่ประกอบด้วยเด็กข้ามชาติร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มนั้น เป็นไปอย่างไร กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #โอกาสที่เท่าเทียม หรือ #FightUnfair ที่ UNICEF หรือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้สังคมไทยตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำของเด็ก ๆ ด้อยโอกาส ทั้งในด้านการศึกษาและสาธารณสุข เช่นเดียวกับการตอกย้ำให้เห็นว่าไม่ว่าเด็กคนดังกล่าวจะเป็นใคร มีสัญชาติใด หรือไร้สัญชาติ แต่ #เด็กก็คือเด็ก หรือ #AChildisAChild ที่เราควรให้ความใส่ใจและให้โอกาสที่เท่าเทียมไม่ต่างกัน
ทันทีที่เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงคลอไปกับการแสดงฟ้อนกิ่งกะหร่าและรำโต ซึ่งเป็นการแสดงพื้นเมืองของชาวไทยใหญ่เพื่อต้อนรับผู้มาเยือน และถือเป็นการเริ่มกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่น ก่อนจะนำไปสู่การแนะนำศูนย์การเรียนวัดป่าเป้า ที่เปิดโอกาสให้เด็กข้ามชาติมีโอกาสได้เข้าเรียนในระดับปฐมวัยได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดกว่า 219 คน มีครูผู้สอน 13 คน
“หลักสูตรการเรียนการสอนของเราเป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนด แม้เด็กจะเรียนภาษาไทยเป็นหลัก แต่ในหลักสูตรก็จะมีภาษาไทยใหญ่ และภาษาอังกฤษควบคู่กันไป เราเน้นให้เขามีทักษะชีวิต ทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยเพื่อให้สามารถใช้สื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกันเด็กทุกคนจะได้เรียนรู้ความเป็นชาติไทย ทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ซึมซับถึงเรื่องราวของแผ่นดินไทยและมีจิตสำนึกที่ดีต่อประเทศไทย” อาจารย์ดำรง มาตี๋ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านบวกครกน้อย ห้องเรียนวัดป่าเป้ากล่าว
แม้วันนี้จะไม่ใช่วันศุกร์ที่เด็กนักเรียนทั่วไปในจังหวัดเชียงใหม่จะเปลี่ยนมาใส่ชุดไทยหรือชุดพื้นเมืองแทนชุดนักเรียนปกติ แต่เด็กนักเรียนของศูนย์การเรียนวัดป่าเป้าก็พร้อมใจกันสวมชุดไทยใหญ่มาต้อนรับแขกของโรงเรียน นักเรียนบางส่วนที่ประจำซุ้มนิทรรศการแนะนำเรื่องราวของตนเองอย่างคล่องแคล่วด้วยภาษาไทยสำเนียงภาคกลาง มีทั้งซุ้มทำอาหารพื้นเมืองอย่างข้าวแรมฟืนทอดให้ลองชิม ซุ้มงานพื้นฐานอาชีพ รวมถึงซุ้มประกาศเกียรติคุณที่เด็กนักเรียนของที่นี่ไปคว้ารางวัลจากการแข่งขันทางวิชาการกับเด็กในโรงเรียนสายสามัญอื่นๆ
“ผมประทับใจกับการที่น้องๆไปแข่งขันและได้รางวัลทางวิชาการกลับมา” นิชคุณกล่าว “เพราะนี่แสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ทุกคนเขาเห็นคุณค่ากับโอกาสทางการศึกษาที่เขาได้รับ ที่โรงเรียนมอบให้ และที่ประเทศไทยให้กับเขา”
อาจารย์ดำรงอธิบายเกี่ยวกับการเรียนการสอนว่า “ถ้าโรงเรียนตั้งอยู่ในเขตที่ต้องรับผิดชอบด้านการศึกษา ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นเด็กไทย เด็กข้ามชาติ หรือไร้สัญชาติ เป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่ต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกกลุ่ม” ในที่นี้ศูนย์การเรียนวัดป่าเป้า อยู่ในความดูแลของโรงเรียนบวกครกน้อย สังกัดสพป. เชียงใหม่ เขต 1 “แต่หากพูดถึงในแง่ของความเป็นมนุษย์ เราถือว่าคนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเขาจะมาจากไหน เด็กทุกคนเริ่มต้นจากความไม่รู้เหมือนกัน จึงเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่จะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค”
กิจกรรมของนิชคุณในวันนี้หมดไปกับการแวะเข้าไปเยี่ยมชมห้องเรียนต่างๆ ในหลายระดับชั้น ตั้งแต่ ป.2 ถึง ป.4 เรียนคำศัพท์พื้นฐานของต่างภาษา เล่นเกมใบ้คำ ทำงานศิลปะ รวมถึงพูดคุยกับเด็กๆ ที่ล้วนต่างที่มา แต่มีจุดหมายร่วมกันคือการได้เรียนหนังสือ จุดสังเกตที่แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปของที่นี่คือเด็กๆในแต่ละห้องเรียนมีอายุที่คละกัน เด็กบางคนอายุ 13-15 ปี แต่ยังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หรือ 3 ทั้งๆ ที่หากเป็นไปตามเกณฑ์ของเด็กทั่วไป พวกเขาควรเรียนในระดับมัธยมศึกษาแล้ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะเด็กที่เข้ามาเรียนที่นี่ จะถูกคัดด้วยความรู้ภาษาไทย จากนั้นเมื่อเรียนไปหากความรู้ก้าวหน้าขึ้นเร็ว อาจเลื่อนชั้นแบบก้าวกระโดดได้ภายในหนึ่งภาคการศึกษา และเมื่อเรียนจบหลักสูตร ทุกคนจะมีความรู้เทียบเท่ากับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อ่านออกเขียนได้ มีพื้นฐานวิชาชีพติดตัว
“การได้ลงพื้นที่ในครั้งนี้สนุกดีครับ กิจกรรมหลายๆ อย่างที่ทำกับเด็กๆ เห็นได้ถึงความสดใสตามวัยเขา ได้สัมผัสถึงไหวพริบ ความฉลาด และความตั้งใจที่อยากเรียนรู้ของพวกเขา ทั้งๆ ที่เด็กบางคนอาจไม่รู้จักว่าผมเป็นใครด้วยซ้ำ” นิชคุณกล่าว ก่อนเสริมว่า “สิ่งที่ผมกับยูนิเซฟพยายามทำตอนนี้คือการสื่อออกไปว่า สิ่งที่เราทำคือการช่วย ‘เด็ก’ ที่ต้องการโอกาสและที่ขาดโอกาส ไม่ว่าจะเป็น เด็กยากจน เด็กพิการ เด็กไร้พ่อแม่ หรือแม้แต่เด็กข้ามชาติเองก็ถือเป็นเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน เราไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง ผมหวังว่าคนไทยและทุกคนจะได้รู้ถึงคำว่า ‘โอกาส’ สำคัญขนาดไหนสำหรับเด็กๆ ไม่ว่าเขาจะมาจากชาติใด หรือมีสภาพร่างกายอย่างไร แต่เขาคือหนึ่งในอนาคตของชาติเรา”
“ตอนที่ผมนั่งคุยกับเด็กๆ ชั้น ป.6 ผมก็ถามเขาว่าน้องๆ มาอยู่เมืองไทยแล้ว น้องๆคิดว่าที่นี่ (ประเทศไทย) คือบ้าน หรือว่าที่นั่น (บ้านเดิม) คือบ้าน พวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คือบ้านเขา เขามองประเทศไทยเป็นประเทศที่เขารัก คำตอบนี้ทำให้ผมได้ฉุกคิดว่า ถ้าคนที่บ้านนี้ดูแลเขาดี เขาก็จะดูแลบ้านของเขาให้ดีที่สุดเช่นกัน ตรงนี้สำคัญมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กมาจากไหน เราต้องให้โอกาสเขาโดยเฉพาะด้านการศึกษาสำหรับเด็กๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ความรู้เป็นสิ่งสำคัญแน่นอน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคม การศึกษาเป็นขั้นแรกของการได้เข้ามาอยู่ในสังคม จะช่วยให้เด็กๆได้พัฒนาและเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ ถือเป็นการเตรียมตัวว่าโตขึ้นเขาอยากเป็นอะไร”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้นิชคุณมองเห็นว่าการศึกษาที่เด็กๆ ได้รับนั้นเป็นสิ่งมีค่าเพียงใด ตอนที่เขาตั้งคำถามกับเด็กๆ ว่าโตขึ้นน้องๆอยากเป็นอะไร บางคนบอกว่าอยากเป็นนักบิน เป็นทหาร เป็นนักร้อง นักแสดง การที่ทุกคนมีความฝัน หรือกล้าที่จะฝัน เป็นเพราะว่า “เขามีโอกาสฝัน นั่นเป็นเพราะเราให้โอกาสเขาในการได้เรียนหนังสือ สิ่งที่เขาตอบแสดงให้เราได้เห็นว่าเขารู้สึกขอบคุณ ในโอกาสที่เราได้มอบให้” นิชคุณกล่าว
ศูนย์การเรียนวัดป่าเป้าเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของโอกาสทางการศึกษาที่เด็กข้ามชาติซึ่งมีจำนวนมากกว่าสองแสนคนทั่วประเทศได้รับ ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันผลักดันเพื่อโอกาสที่เท่าเทียมทางการศึกษาของเด็กทุกคน
“ผมดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของยูนิเซฟ ตั้งแต่ที่ได้ทำงานร่วมกันมา ยูนิเซฟให้ความสำคัญกับเรื่องของโอกาสทางการศึกษาของเด็กๆ มาก ซึ่งนั่นถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศ เพราะการให้โอกาสกับสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ จะทำให้เด็กๆ เติบโตมาอย่างมีศักยภาพ ผมอยากให้ทุกคนให้โอกาสเด็กๆ เพราะเด็กก็คือเด็ก เขารู้เท่าที่เราให้เขารู้ เขามีเท่าที่โอกาสจะทำให้เขาได้มี เรามาร่วมให้โอกาสเด็กๆ ให้มีการศึกษาที่เท่าเทียมกันนะครับ”
#โอกาสที่เท่าเทียม #เด็กก็คือเด็ก #FightUnfair #AChildIsAChild
Photo credit : UNICEF 2017/Jonas Gratzer
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments