By

ได้รับมอบมง (กุฎ) จาก The Star หญิงคนแรกแก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น (แชมป์จากเวที The Star 4) ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับมาตังระดับดาว ศรีระวงศ์ สาวน้อยวัย 15 จากอุดรธานี เจ้าของน้ำเสียงทรงคุณภาพและ ลีลาสุดมั่นที่พิชิตใจคนดูจนไต่ระดับมา คว้าแชมป์ The Star 11 ได้สำเร็จ งานนี้ เรียกได้ว่าถ้าไม่เจ๋งจริง The Star หญิงคนที่ 2อย่างมาตังคงไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นอีกครั้งบนเวทีนี้แน่ๆ

สาวเสียงดีจากเมืองอุดรธานี
มาตังเป็นคนจังหวัดอุดรธานี อำเภอหนองหานค่ะ เป็นคนตลก ขี้เล่น เฮฮา เป็นมิตรกับทุกคน คุยด้วยง่าย จะออกแนวซนๆ ห้าวๆ แก่นๆ หน่อย ไม่เป็นผู้หญิงจ๋า และไม่ค่อยชอบแต่งตัว ตอนเด็กๆ พ่อชอบเปิดเพลงให้ฟังทุกเช้าจนเริ่มชินและรู้สึกว่าอยากร้องเพลงตามให้เหมือน พอแม่เห็นว่าร้องเพลงได้ ก็เลยบอกว่าลอง ไปประกวดไหม หลังจากนั้นก็จับไปประกวดตั้งแต่อายุประมาณ 8 ขวบ

ไต่ระดับดาว
ตอนเด็กๆ เริ่มจากประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง เพราะเวทีประกวดร้องเพลงสตริงหายาก ช่วงอายุ 8-13 จะไม่ค่อยได้รางวัล แค่เข้ารอบในระดับที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ฟังคอมเม้นต์จากกรรมการหลายๆ คน เช่น เวลาร้องเพลงชอบหลับตา ไม่สบตาคนดู หรือไม่สื่ออารมณ์ จนจับทางได้ว่าควรร้องเพลงอย่างไร ก็เริ่มมาได้รางวัลในช่วงหลังๆ (ทำไมคิดอยากลองประกวดในเวทีที่ใหญ่ขึ้นล่ะ) ส่วนใหญ่ที่เห็นหนูประกวดร้องเพลงออกทีวี แม่จะเป็นคนแนะนำทุกเวที อย่างรายการ เสียงสวรรค์ พิชิตฝัน หรือ Masterkey เวทีแจ้งเกิด ที่เริ่มประกวดร้องเพลงสตริง จากนั้นก็เป็น The Voice Kids Thailand ซีชั่น 2 จริงๆ เคยไปตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่ไม่ผ่านรอบออดิชั่น ก็เลยอยากลองประกวดอีกรอบ ซึ่งครั้งนี้ผ่านรอบบลายด์ออดิชั่น แต่ยังไม่ใช่ดวงของเราอยู่ดี เพราะไม่ผ่านรอบแบทเทิล

เวทีค้นฟ้าคว้าดาว
จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะประกวด The Star ปีนี้ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม แต่พอมีประกาศ รับสมัคร แม่ชวนให้ลองดูบรรยากาศก็เลยมา ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะอายุเพิ่ง 15 แต่ผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ (กดดันไหม เพราะแชมป์จากเวทีนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย) ตอนแรกหนูอคติกับรายการ The Star นะ แม้บางคนที่เข้ารอบจะเสียงดี แต่ส่วนใหญ่ก็หน้าตาดี พอนึกย้อนกลับไปคนที่ได้แชมป์ก็เก่งและ มีความสามารถทั้งนั้น ถามว่ากดดันไหม หนูว่าผู้ชายที่ได้แชมป์ก็ผลงานดีจริงๆ ล่ะ สำหรับหนูที่มาประกวดปีแรกและยังเด็กด้วย ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้แชมป์หรือกดดันอะไร คือพอรู้ว่าได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายก็ดีสุดๆ แล้ว เพราะมันเป็นอะไรที่เกินจากความตั้งใจของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (ตอนนั้นไม่มีเรื่องอะไรที่รู้สึกกังวลเลยหรือ) ตอนเข้ารอบ 25 คน ซึ่งทุกคนเก่งและตั้งใจกันจริงๆ แต่หนูไม่ได้มุ่งมั่นขนาดนั้น เพราะมีอีกเวทีประกวดกับเพื่อนๆ วง Avenger รออยู่ ก็เลยรู้สึกผิดและไม่อยากทิ้งเพื่อนด้วย พอมีชื่อติดเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายก็ไปเคลียร์และขอโทษเพื่อนๆ แล้วเลือกเวที The Star พร้อมกับเรียกความมุ่งมั่นของตัวเองกลับมา รู้สึกว่าอยากทำ ทุกสัปดาห์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ ไม่อยากให้ตัวเองมานั่งเสียดายทีหลัง

เบื้องหลังรอยยิ้มและความมั่นใจบนเวที
The Star ไม่เหมือนเวทีประกวดของหนูที่ ผ่านมา เพราะกรรมการก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าเราจะเข้ารอบไหม มันขึ้นอยู่กับคนดู แล้ว บางครั้งหนูก็เครียด เพราะยังจำเนื้อเพลง ไม่ได้ก็ไปนั่งท่องข้างเวที แต่พออยู่บนเวที ก็ต้องทำตัวให้ดูสนุก ซึ่งระหว่างที่ประกวด The Star เขาจะให้เรียนแอ็คติ้งเพื่อถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของเพลงออกมาให้ได้ด้วย คือบนเวทีอาจเห็นว่าหนูดูร่าเริง แต่ ความจริงก็เครียดไม่น้อยเหมือนกัน (แล้ว เรื่องที่ต้องเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเป็นสาวมั่น แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็ม ใส่รองเท้าส้นสูง ชุดเกาะอก หรือกระโปรงสั้นล่ะ) ตอนแรก ที่เห็นชุดคอนเสิร์ตเปิดตัวก็ตกใจ โอ้โห! ไม่อยากใส่เลย แต่ถ้าต้องใส่ก็พยายามมั่นใจ เพราะหนูรู้สึกว่าคนดูตั้งใจมาดูเรา เราก็ต้องตั้งใจที่จะทำให้เขามีความสุข หลังๆ ก็เลย ไม่กังวลเรื่องชุดแล้ว มีแต่ลุ้นว่าจะได้ใส่ชุดอะไร (คิดว่าเพราะอะไรคนดูถึงโหวตให้มาตัง) คิดว่าน่าจะเป็นเสน่ห์บนเวทีมากกว่า เพราะถ้าเทียบระหว่างบนเวทีกับหลังเวที หนูจะ ต่างกันมาก บางคนบอกว่าบนเวทีดูผู้ใหญ่ แต่ทำไมตัวจริงเด็กจัง

ภูมิใจกับการเป็น The Star 11
แค่ได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายก็ภูมิใจสุดๆ แล้วที่ได้นามสกุล The Star นี้มา พอยิ่งได้เข้ารอบลึกๆ มีคนคอยติดตามก็ยิ่งรู้สึกดี การได้รางวัลจากเวที The Star ทำให้หนูภูมิใจมาก เพราะเหมือนเราได้สานต่อสิ่งที่พ่อแม่สนับสนุนมาตั้งแต่เด็กๆ ให้ประสบความสำเร็จและไปถึงฝั่งแล้วก้าวหนึ่ง หลังจากนี้ก็อยากให้เขาเลิกสนับสนุนได้แล้ว เพราะหนูอยากทำมันด้วยตัวเอง (เห็นว่าตอนนี้ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม) ใช่ค่ะ ย้ายมาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ก็ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ ไม่ใช่ให้เขาปรับตัวเข้าหาเราฝ่ายเดียว
เข้าใกล้ฝันที่จะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง แค่ได้มีซิงเกิ้ลเพลง อัศจรรย์ของหัวใจ เป็นของตัวเองก็ดีใจมากแล้ว ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้จัดคอนเสิร์ตของตัวเองจริงๆ คงชุลมุน คิดนู่นนี่นั่นเยอะไปหมดเหมือนกัน อย่างที่คิดไว้ก็ น่าจะเป็นแนวตลกโปกฮา มีช่วงทอล์กบ้าง แล้วก็เชิญศิลปิน ที่ชอบมากๆ มาเป็นแขกรับเชิญ (มีใครบ้าง) วง Clash และ พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ค่ะ (พอจะบอกได้ไหมว่าเป้าหมายต่อไปของมาตังคืออะไร) ก็คงทำอัลบั้มให้ทุกคนได้ติดตาม แล้วถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาสอะไรหนูก็พร้อมจะเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาตัวเองค่ะ

นิตยสาร OK! ฉบับ 251 5 มิถุนายน 2558

About the Author

 

Leave a Reply

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>