
ศรีลังกา ดินแดนที่อยู่ใกล้ๆเมืองไทย แต่ออกจะท้าทายมากสำหรับผู้ที่ไม่เคยไป แต่เมื่อ OK! ได้ไปเยือน ศรีลังกา ก็พบว่าช่วงเวลา 4 วัน 3 คืนกับทริป Journey to Sri Lanka with KTC กลับกลายเป็นทริปสุดประทับใจที่ทำให้ยิ้มกว้างทุกครั้งที่นึกถึงเพราะเป็นเหมือนการเปิดประสบการณ์สู่โลกอีกใบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เราออกเดินทางด้วยสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์เพื่อเดินไปท่าอากาศยานนานาชาติบันดารานายาเกโคลอมโบประเทศศรีลังกา ที่นี่เป็นเมืองหลวงของประเทศซึ่งมีอาณาเขตติดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย บรรยกาศภายในเมืองสวยงาม ผังเมืองเป็นระเบียบ และมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ในช่วงที่ศรีลังกาเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษได้มีการก่อสร้างอาคารในรูปแบบเดียวกับตะวันตก ทำให้สถาปัตยกรรมในเมืองนี้เป็นแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกแบบอังกฤษและตะวันออกแบบอินเดีย
พักกินข้าวเที่ยงเรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่เมืองกอลล์ (Gall ) เมืองชายทะเลที่สวยและมีเสน่ห์ด้วยระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงบวกๆ ของการนั่งรถบอกได้เลยว่าหลับไปอีกหลายงีบ ระหว่างทาง เรายังได้รู้ว่าคนที่นี่จะทักทายด้วยคำว่า “อายุบวร” เฉกเช่นเดียวกับคำว่า “สวัสดี” ของบ้านเรา
ในที่สุดเราก็เดินทางไปถึงในช่วงบ่ายทางไกด์มีเกมส์สนุกๆให้ให้ทุกคนเล่นเกมเช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญโดยมีรถตุ๊กตุ๊กพาหนะสุดชิคของเมืองพาเราไปทุกที่และมีคุณลุงใจดีชาวศรีลังกาทำหน้าที่คนขับและไกด์จำเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ของที่นี่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่งดงามเราได้มีโอกาสไปดูประภาคารกอลล์ (Galle Lighthouse) ซึ่งเป็นประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1848 มีอายุถึง 168 ปี ที่นี่เป็นจุดชมวิวยอดนิยมซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล
ไม่ไกลกันมากยังมีสุเหร่ามีรา (Meera Mosque) ที่มีอายุประมาณ 300 ปีตั้งอยู่ เรียกได้ว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกอลล์
นอกจากนี้ยังได้แวะไปชม ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Gall Front) ที่สร้างขึ้นครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกส สมัยเข้ามาปกครองศรีลังกาในปี คริสต์ศตวรรษที่ 16 ในยุคล่าอาณานิคม ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้เป็นป้อมที่ใหญ่ที่สุดที่ยังมีอยู่ในเอเชีย และเป็นหนึ่งในมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย
เนื่องจากวันแรกเราได้เยี่ยมชมเส้นทางที่อิ่มเอมไปด้วยประวัติศาสตร์พอมาถึงวันที่ 2 ทาง KTC เลยเปลี่ยนโหมดด้วยการพาเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ ในช่วงเช้าเราเดินทางมาถึงเมืองมาริสซ่า (Mirissa) เมืองที่อยู่ใต้สุดของศรีลังกา และซิ่งรถตุ๊ก ตุ๊ก ไปยังขึ้นเรือสองชั้นออกสู่มหาสมุทรอินเดียเพื่อชมวาฬและโลมา
ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นวาฬสีน้ำเงิน สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสนุกคงอยู่ที่ต้องรอลุ้นว่าจะได้เจอพวกมันหรือไม่เพราะนี่เป็นการชมปลาท่ามกลางมหาสมุทรที่ยากจะคาดเดา
พอตกบ่ายพักร่างกายเสร็จแล้วก็เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถจิ๊บซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติยาลากันบ้างการเดินทางนี้ควบคุมโดย Ranger มากประสบการณ์ ที่จะพาเราไปชมวิถีสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติอย่างไกล้ชิด ได้สนุกกับการถ่ายรูปสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงแอบส่องเสือดาว ซึ่งแอบนอนอยู่บนกิ่งไม้ไกลๆ
นอกจากนี้ยังได้เห็นช้างที่เดินมาในระยะประชิด อีกทั้งเหล่านกยูงก็ยังขยันออกมาอวดโฉม รำแพนหาง เดินประดุจเจ้าถิ่นอีกหลายตัว รวมถึงจระเข้ ฝูงกวางดาว หมูป่า ควายป่า นกเงือก และนกกว่า 130 สายพันธุ์ก็ใช้ชีวิตอยู่ในอุทยานแห่งนี้อย่างสุขสงบ
อีก 2 ไฮไลท์ที่ KTC เขาจัดให้ในวันต่อไปคือชมการตกปลาสไตล์ศรีลังกา ที่เรียกว่า ตกปลาบนไม้ค้ำ ( Still Fishing) ซึ่งเป็นวิธีตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวประมงที่ประเทศนี้ เป็นการนั่งทรงตัวอยู่บนไม้ค้ำที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2 เมตร ซึ่งชาวประมงจะตกปลาในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น เที่ยงวันและพระอาทิตย์ตกดิน
พอตกบ่ายเราเดินทางเข้าโคลอมโบอีกครั้ง เพื่อไปที่วัดคงคาราม วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดนิกายสยามวงศ์ มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปะ และมีพิธีมงคล “การรับพระธาตุ” โดยเป็นการนำพระธาตุมาเทินบนศีรษะเพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามความเชื่อที่ว่าหากท่านใดทำพิธีมงคลบูชารับพระธาตุนี้จะทำให้หมดเคราะห์ตัดกรรมและโชคดีตลอดไปนอกจากนี้ภายในวัดยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ที่นำหน่อมาจากเมืองอนุราชปุระให้ประชาชนมาสักการะอีกด้วย
สรุปทริปการเดินทางกับ KTC ครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ศรีลังกาไม่ได้ยากอย่างที่คิด อีกทั้งช่วงนี้ยังฟรีค่าวีซ่าถึงวันที่ 30 เมษายนนี้อีกด้วย ตอนนี้ ทาง KTC ก็มีโปรโมชั่นดีๆ กับทริปสนุกๆ แบบนี้อยู่ ติดตามดูได้ที่นี่ ส่วนใครที่มองว่าไปศรีลังกาแล้วจะต้องมาไหว้พระอย่างเดียวครั้งนี้คงเป็นการเปิดมุมมองใหม่ศรีลังกาเป็นที่ความงดงามทางธรรมชาติยังบริสุทธิ์ผู้คนใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลฟ์มีความเป็นตัวของตัวเองจึงไม่แปลกใจที่วันนี้ศรีลงกาจะติดอันดับประเทศที่น่าเที่ยวมากที่สุดประเทศหนึ่งไปแล้ว
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
Website : www.okmagazine-thai.com
Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments