
เสียงร้องที่คลอด้วยกีตาร์โปร่ง ฟังสบายๆ จากแจ็ค จอห์นสัน และเจสัน มราซ คือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้สิงโต นำโชค ทะนัดรัมย์ สร้างสรรค์เพลงของตัวเองให้ออกมามีกลิ่นอายแบบเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นเพลง Wake up, ฮู้ฮู, ทิ้ง ฯลฯ ต่างทำให้เรารู้สึกได้ถึงเสียงลม เสียงคลื่น ความชิลล์เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ริมทะเล “เวลาฟังเพลวแนว Surf Music ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันง่ายดี เมื่อก่อนตอนเราเล่นดนตรีก็พยายามเล่นให้มันยากๆ เราจะได้ดูเก่ง จะได้ดูเป็นนักดนตรี (หัวเราะ) แล้วพอมาฟังเพลงของแจ็ค จอห์นสัน ก็รู้สึกว่า จริงๆ เล่นแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ถ้าเราเล่าเรื่องเปลี่ยนโลกไม่ได้ เราก็เล่าเรื่องความรักเล็กๆ อะไรก็ได้ที่เป็นตัวเรา ไม่ต้องทำให้ตัวเองเก่งมากเพื่อเป็นนักดนตรีขนาดนั้นหรอก เราแต่งเพลงง่ายๆ ดีกว่า เพราะฟังเพลงเขาแล้วเราเข้าใจได้เลย คือเพลงมันมีหลายแนวมากนะครับ แต่สุดท้ายสำหรับผมก็ตอบได้แค่ 1-2 อย่างคือเพราะกับไม่เพราะ ผมเลยทำเพลงที่เพราะสำหรับตัวเอง แล้วถ้าคนอื่นเห็นด้วยก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วว่ามีคนชื่นชอบแบบเดียวกัน แต่บางคนอาจจะบอกว่า เพลงอะไรฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็เป็นไปได้หมด
เวลาผมฟังเพลงแนวนี้ผมมักจะคิดถึงทะเลที่ภูเก็ต เพราะผมเริ่มฟังเพลงแจ็ค จอห์นสัน และ เจสัน มราซ ตอนที่อยู่ภูเก็ต ผมว่าเราฟังเพลงไหน ที่ไหน ตอนอายุเท่าไหร่ พอกลับไปฟังอีกที มันจะพาเราย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น”
สิงโตเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ แต่กลับหลงรักทะเลเป็นชีวิตจิตใจ สิ่งที่จะทำให้เขาเข้าใกล้ความฝันได้คือพาตัวเองไปใช้ชีวิตที่ภูเก็ตแล้วทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบคือร้องเพลง เล่นดนตรี “ปกติคนชอบทะเลก็จะมาเที่ยวช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือลาพักร้อนมาเที่ยวบ้าง เก็บเงินมาเที่ยวบ้าง แป๊ปเดียวก็กลับ แต่ผมรู้สึกว่ามันน้อยไป อยากอยู่เลยได้ไหม ก็เลยถามตัวเองว่า ถ้าอยากอยู่ริมทะเล ด้วยวิชาชีพแบบนี้ รายได้เท่านี้ เราจะทำยังไงให้อยู่ได้นานๆ เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ไปเล่นดนตรีที่ริมทะเลแล้วกัน แถวนั้นก็น่าจะมีคนฟัง เลยพาตัวเองมาอยู่ที่ภูเก็ต ตอนแรกผมวาดฝันเหมือนในหนังเลย คือเล่นริมหาด มีบ้านริมทะเลดีไซน์เหมือนบ้านชาวประมงนิดหนึ่ง ตกแต่งด้วยกล้วยไม้ เตียงไม้ ลมพัดเย็นๆ แต่ความจริงผมอยู่ในเมือง เป็นตึกแถวร้างๆ และเช่าอยู่ตรงห้องข้างบน (หัวเราะ) แต่เพื่อขยับเข้าใกล้ความฝันอีกนิด พอเล่นดนตรีเสร็จ ถ้าเมื่อไหร่อยากไปทะเล ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปเลย สรุปว่าการเล่นดนตรีของผมก็ไม่ได้เล่นที่หาด แต่ไปเล่นดนตรีในเมือง นานๆ มีฝรั่งมาเจอทีก็ชวนไปเล่นที่โรงแรมนี้หน่อย”
เพลงที่สิงโตรู้สึกประทับใจจนนำมาร้องอยู่บ่อยๆ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ภูเก็ตคือ Better Together ของแจ็ค จอห์นสัน เขาเล่าด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่า เขาร้องจนมีกลุ่มแฟนเพลงมาขอให้ร้องให้ฟังเวลาที่ไปเล่นตามร้านต่างๆ และเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ว่าเขาร้องเพลงแนวนี้ เมื่อร้องเพลงแรกเสร็จจึงมักต่อด้วยเพลง Lucky ของเจสัน มราซ และโคลบี้ คาเลต์ ตามด้วยเพลง Make it mine ของเจสัน มราช เช่นเดียวกัน “จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เรียงติดกันขนาดนั้นหรอกครับ แต่ 3 เพลงนี้เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้รู้สึกว่าอยากมีเพลงเป็นของตัวเองในแบบนี้ สไตล์อย่างนี้ เพราะสำหรับผม เวลาเล่นแล้วจะรู้สึกว่าง่ายจังเลย ทำไมสนุกขนาดนี้ ถึงจะมีเสียงเอื้อนอะไรเยอะแยะ แต่ก็ยังมีความง่ายอยู่ พอชอบมากๆ ก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงแนวนี้”
อีกหนึ่งความชอบของนักร้องหนุ่มอารมณ์ดี ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการรู้จักเพลง Surf Music คือการเล่น Surf Bord ที่ประจำที่เขาชอบเล่นสมัยยังใช้ชีวิตอยู่ภูเก็ตคือหาดกะตะ เขาบอกว่าที่นั่นเป็นเพียงหาดเดียวที่มีคลื่นให้เล่น Surf ได้ “ที่มาของการเล่น Surf Bord เหมือนกับเรื่องดนตรีเลย คือเล่นแล้วดูเท่ (หัวเราะ) อยากทำ อยากเล่นเป็น พอลองไปเล่นก็พบว่ามันไม่เท่และเล่นยากมาก แต่ก็สอนอะไรเราเยอะเลย คือถ้าจะเล่นให้เป็นเราต้องลงไปเล่น ต้องเจอคลื่นถล่ม ช่วงที่คลื่นถล่มเราจะทำอย่างไรให้ตัวเองไม่ตกใจ เพราะคลื่นแต่ะละคลื่นก็จะไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ทุกคลื่น อย่างเช่นคลื่นนี้เราจับได้แน่ๆ แต่สรุปว่าจับไม่ได้ เราพลาด หรือบางคลื่นก็ต้องว่ายน้ำให้ตัวเองสัมพันธ์กับคลื่น ถ้าคลื่นมาช้าแต่เราว่ายช้ากว่า ก็จะไม่ติดคลื่นนั้น แต่ถ้าคลื่นมาเร็ว แล้วเราเกิดรีบจ้วงจนคลื่นช้ากว่าก็จะหัวทิ่มเลย ต้องใจเย็นๆ การเล่น Surf สอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน จังหวะพอช่วงที่คลื่นมา เราก็ไปตามจังหวะนั้น แต่บางช่วงไม่มีคลื่นเลยเราก็ต้องนั่งรอ ใจเย็นๆ
ผมว่าถ้าใครได้ลองเล่นก็จะชอบเหมือนผมนะครับ เพราะพอจับสมดุลของตัวเองกับคลื่นได้แล้ว เราจะคอนโทรลบอร์ดกับคลื่นธรรมชาติให้ไปด้วยกัน และคลื่นนี่แหละจะเป็นแรงขับทำให้บอร์ดพุ่งไปข้างหน้าเหมือนเรือ ผมเล่นประมาณ 6-7 ปีกว่าจะเข้าที่ เพราะช่วงที่มาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เล่น แต่ตอนนี้มีกลุ่มหนึ่งชื่อ Surf Aholic Thailand เขาจะเช็คคลื่น แล้วก็พบว่าหัวหินสามารถเซิร์ฟได้ในบางฤดู ระยองก็เหมือนกัน พอได้รู้จักกัน เขาก็เลยโทรมาชวน วันไหนว่างก็จะไปเซิร์ฟกับเขา ตอนนี้ก็เลยคิดว่าน่าจะมีบอร์ดเป็นของตัวเองได้แล้ว เพราะถ้าไปยืมเขาบ่อยๆ ก็เกรงใจเหมือนกันครับ”
เครดิตภาพ : insatgram @singtonumchok
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments