
Gravity Of Love หนังใหม่ของ เต้ย – จรินทร์พร, บอย – ปกรณ์ และ หลุยส์ สก็อต ยกขบวนกันไปถ่ายทำไกลถึง เซนได โดยผู้อำนวยการสร้างป้ายแดง เป๊ป – ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม ครั้งนี้ผู้อำนวยการสร้างยังแอบเขียนเรื่องราวท่องเที่ยวเกี่ยวกับโลเคชั่นที่ไปถ่ายมาให้ผู้อ่าน OK! ได้ตามรอยกันอีกด้วย จะสวยงามแค่ไหนลองชมภาพ ก่อนจะดูหนังฉบับเต็มในเดือนพฤษภาคมนี้
ย้อนกลับไปราว 6 ปีก่อน เซนได เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากข่าวมหาภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิที่สร้างความสูญเสียทั้งบ้านเมือง และจิตใจของชาวญี่ปุ่นอย่างแสนสาหัส แต่วันนี้เซนไดกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เสาะแสวงหาความงดงามทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความศรัทธา และธรรมชาติ ที่หลอมรวมด้วยหัวจิตหัวใจแห่งชนชาตินักสู้อย่างชาวเซนได วันนี้ผมจึงอยากพาคุณไปท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ แต่น่ารักในเขตนี้ เริ่มกันที่เมือง มารุโมริ (Marumori)
สเน่ห์ของเมืองมารุโมริ คือความเก่าของบ้านเรือนในสไตล์ Kura อันเป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแท้ๆ มีการตกแต่งผนังด้านนอกด้วยปูนปลาสเตอร์ ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองการค้าที่โด่งดังจากการค้าขายดอกคำฝอย ทุกวันนี้ก็ยังคงมีร่องรอยคลังสินค้าที่เป็นทั้งร้านค้า และที่อยู่อาศัยของพ่อค้าหลงเหลืออยู่ ในเมืองนี้เราจะได้เห็นผลงานเครื่องปั้นดินเผาแบบญี่ปุ่นแท้ๆ อีกด้วย
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดก็คือคฤหาสน์ ไซริ-ยะชิกิ (Sairi-Yashiki) ที่นี่สร้างขึ้นโดยตระกูลไซโตอันเป็นตระกูลพ่อค้าชื่อดังของเมืองนี้ตั้งแต่ปี 1848 ปัจจุบันภายในมีการจัดแสดงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผลงานศิลปะต่างๆ ให้คนเข้าชม นอกจากนี้ยังอยากแนะนำให้คุณแวะไปตรงข้ามทางเข้าคฤหาสน์ เดินออกจากที่จอดรถเลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลจะมีร้านขนมปังเล็กๆ แต่น่ารักของคุณป้าท่านหนึ่ง ชื่อร้าน Pan Kuu ขนมทุกชิ้นในร้านจะไม่ใส่สารกันบูด แถมอินเทรนด์เป็นกลูเตนฟรีอีกด้วย มีขนมปังหลากหลายไส้ให้เลือกที่ห้ามพลาดคือ มูสคัสตาร์ดรสต่างๆ ขอแนะนำรสชาเขียวกับช็อคโกแลต รสชาติหวานปานกลางไม่เลี่ยน แต่ว่าหอมมันจากนมคุณภาพดีมาตรฐานญี่ปุ่น ไม่ไกลกันจะมีร้านขายไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนโฮมเมด ชื่อร้าน Gelateria La Festa เป็นร้านที่โดดเด่นและแตกต่างจากร้านรอบข้างอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องรสชาติของไอศกรีมนั้น ไม่ต้องพูดถึง อร่อยแบบลองแล้วจะติดใจ
สำหรับใครที่รักธรรชาติ ต้องไม่พลาดสวนมารุโมริ ฟูโดซัง (Marumori Fudoson Park) ในฤดูร้อนชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการแคมปิ้งก็จะขนเต๊นท์ ขนครอบครัวมาใกล้ชิดธรรมชาติด้วยกัน โดยจะมีเตาธรรมชาติไว้ให้บริการสำหรับปรุงอาหาร มีห้องน้ำรวมที่สะดวกสบาย และสะอาดมาก ที่เมืองมารุโมริแห่งนี้
พวกเราเข้าพักกันที่โรงแรม Ichikamasaki Hotel & Resort ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ เรียวกังเปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1428 หรือราว 589 ปีมาแล้ว เป็นโรงแรมที่มีออนเซ็นทั้งส่วนรวม ส่วนตัว และออนเซ็นสำหรับครอบครัว เขาบอกว่าใต้โรงแรมเป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่ถูกสูบขึ้นมาใช้ในโรงแรม อาหารที่เสิร์ฟให้ผู้มาพักก็เป็นแนวแนวญี่ปุ่นแท้ๆ เรื่องความปราณีตในการตกแต่งอาหารเรียกได้ว่าสวยไม่กล้ากิน (แต่ก็จัดการเรียบทุกจาน)
ห่างจากเมืองมารุโมริไปไม่ไกลก็จะถึงหมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ ( Zao Fox Villege) อยู่ในจังหวัดมิยากิ เรียกได้ว่าที่นี่คือเดสทิเนชั่นที่พลาดไม่ได้ เพราะคุณจะได้เจอกับสุนัขจิ้งจอกตัวเป็นๆ มากกว่า 6 สายพันธุ์ ทุกตัวจะได้รับการดูแลและฉีดวัคซีนโดยรัฐบาล เราสามารถเข้าไปเดินลั้ลลาท่ามกลางฝูงสุนัขจิ้งจอกเป็นร้อยๆ ตัว
โดยน้องจิ้งจอกทั้งหลายจะไม่เข้ามายุ่งกับนักท่องเที่ยว เนื่องจากนิสัยของสุนัขจิ้งจอกนั้นค่อนข้างขี้อาย และขี้กลัวครับ แต่ทว่าเราก็ต้องปฎิบัติตามกฎข้อบังคับนั่นก็คือห้ามให้อาหาร (นอกจากในที่ ที่จัดไว้ให้) ห้ามเข้าไปจับหรือลูบตัวน้องจิ้งจอก ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลช ไม่ถือกระเป๋าหรือเป้ที่มีสายระโยงระยาง เดินชมแบบต่างคนต่างเคารพซึ่งกัน และกัน แล้วจะไม่เกิดปัญหาใดๆ
ก่อนนั่งรถไฟกลับโตเกียวจะต้องผ่านเข้าเมือง เซนได แนะนำว่าก่อนกลับเมืองไทย ควรไปขอพรเจ้าแม่กวนอิม เซนได ไดคันนน (Sendai Daikannon) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง องค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาวบริสุทธิ์ทั้งองค์ยืนสง่าสูงกว่า 100 เมตร ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมปางค์ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก รวมถึงยังมีพระพุทธรูปอื่นๆ อีกถึง 108 องค์
ใครที่แข็งแรงฟิตๆ หน่อยก็เดินบันไดวนชมความสวยงามได้จนถึงจุดสูงสุดที่ชั้น 12 แต่ถ้าเดินไม่ไหวก็มีลิฟท์ให้บริการครับ ไฮไลท์ในการมาเที่ยวชมเจ้าแม่กวนอิมแห่งเซนไดนี้อยู่ที่ชั้น 4 ชั้นนี้ให้ขอพรเกี่ยวกับความรัก แต่ถ้าใครเลยวัยปัปปี้เลิฟมาแล้วก็เลยไปชั้น 7 ขอพรเกี่ยวกับสุขภาพได้เลยครับ ซึ่งชั้นอื่นๆ ก็จะมีความหมายของการขอพรแตกต่างกันไป
ส่วนชั้นบนสุดจะมีห้องตรงกลางที่ถือเป็นหัวใจของเจ้าแม่กวนอิม โดยข้างๆ จะมีพระสังกัจจายน์องค์ยืนแกะสลักด้วยไม้ ว่ากันว่าให้เอามือลูบท่านเพื่อขอพรเรื่องโชคลาภ เงินทอง เรียกว่าถูกใจผมที่สุดในบรรดา 12 ชั้นก็ว่าได้ เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ที่โด่งดังสุดๆ ก็ตอนที่เมืองเซนไดประสบภัยพิบัติแผ่นดิไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะว่าองค์เจ้าแม่ยังคงตั้งตระหง่านท่ามกลางความวิปโยคของแผ่นดิน ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ วันที่มาสักการะเห็นนักธุรกิจมาขอพรกันเยอะมาก เพราะเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจมั่นคงดั่งเจ้าแม่กวนอิมที่ผ่านภัยพิบัติมาได้หลายต่อหลายครั้ง
หนุ่มสาวคู่ใดที่อยู่ในห้วงของความรัก ต้องมาแวะที่หัวใจแห่ง เซนได (Akiu) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมือง แอ่งหินที่ถูกกาลเวลา และธรรมชาติสลักเสลามานานนับร้อยๆ ปีจนมีรูปทรงเป็นหลุมหินรูปหัวใจนี้ เชื่อกันว่าหากมากับคู่รัก ชีวิตคู่ก็จะดำเนินไปด้วยความมั่นคงดั่งหินผา ซึ่งชาวญี่ปุ่นหลายคู่ก็เดินทางมาขอแต่งงานกันที่นี่เพื่อให้หัวใจแห่งเซนไดช่วยเป็นพยานรักหรือบางคนก็จะไปยืนตรงสะพานแล้วโยนเหรียญให้ตกลงในแอ่งหัวใจเพื่อเสี่ยงทายขอพรเรื่องความรักอีกด้วย
พอมีเรื่องความรักก็ว่ากันต่อเรื่องครอบครัวและลูก ชาวเซนไดเชื่อกันว่าวัดโจกิซัง (Jogi Nyorai Saihoji Temple) มีความศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้สมหวังกับคู่ครอง สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์จะช่วยให้คลอดได้ง่าย ใกล้ๆ วัดนี้จะมีศาลเจ้า (ถ้าหันหน้าเข้าหาวัดทางซ้ายมือจะมีทางเดินเหมือนเดินเข้าป่า) จะมีน้ำธรรมชาติที่ไหลออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ และจะมีป้ายเขียนว่า Holy Water ว่ากันว่าถ้าดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่นี้แล้วอายุจะยืนยาว
เดินเลยขึ้นไปอีกนิด จะเจอกับศาลซึ่งเป็นต้นไม้ 2 สายพันธุ์ ที่โตขึ้นมาข้างๆ กันแล้วโน้มเข้าหาเกี่ยวรัดโอบกอดกันอย่างน่าอัศจรรย์ โดยต้นไม้ทั้งสองได้แห้งตายไปแล้ว แต่ทว่ายังโอบกอดกันให้เห็นอยู่เป็นสัญลักษณ์ของความรักตราบชั่วนิรันดร์นั่นเอง ซึ่งที่ตรงนี้ที่ผู้คนมาขอพรเรื่องความรักให้สมหวัง
เลยลงมาไม่ไกลก็จะมีวัดเล็กๆ อีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ฝังร่างของโชกุน ดะเตะ มะซะมุเนะ (Date Masamune) ท่านเป็นทั้งไดเมียว และซามูไรที่มีชื่อเสียงมากในด้านการทูตและเทคโนโลยีตะวันตกและเคยได้เขียนจดหมายถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่5 เป็นภาษาละตินอีกด้วย ด้านในจะประดับด้วยโคมที่มีกระดิ่งนับร้อยๆ ใบ เป็นองค์ประกอบที่งดงามอลังการมาก
ออกมาจากวัดจะมีร้านค้าต่างๆ ที่พลาดไม่ได้สำหรับของขึ้นชื่อถิ่นนี้ก็คือ เต้าหู้ยักษ์ทอด ทานเปล่าๆ ก็อร่อยได้ใจ หรือจะราดโชยุก็อร่อยสไตล์ญี่ปุ่น และยังมีน้ำเต้าหู้สดๆ ให้เลือกซื้อดื่มแก้ฝืดคอด้วย เรียกว่าใครมาห้ามพลาดเมนูเต้าหู้ยักษ์นี้นะครับ
ปิดท้ายทริปเซนไดขอพาทุกท่านไปทานอาหารต้นตำหรับที่สร้างชื่อเสียงให้ที่นี่นั่นก็คือ ลิ้นวัวย่าง แนะนำให้ไปที่ร้าน Kotaro ซึ่งมีชื่อเสียงมากในเซนได เป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อวัวโดยเฉพาะเมนูลิ้นวัวย่างของที่นี่หอม นุ่ม ชุ่มลิ้นจริงๆ แถมเป็นร้านที่คนท้องถิ่นนิยมรับประทาน
ถ้ากำลังอยากหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว ขอแนะนำให้ลองมาใช้ชีวิตที่ไม่ยิดติกับนาฬิกาที่เซนไดครับ รับรองไม่ผิดหวัง
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments