เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีและสื่อดิจิตอล ทำให้คนในปัจจุบันมีวิถีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นโดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอย จากเดิมหากเราต้องการซื้อของสักชิ้นคงจะต้องแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปซื้อตามแหล่งศูนย์การค้าต่างๆ แต่ในปัจจุบันหากคุณไม่รีบอยากจะได้ของเดี๋ยวนี้เลย คุณก็แค่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนของคุณ สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ง่ายๆเพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านอุปกรณ์ดิจิตอลที่สะดวกสบายเป็นที่สุด
มีเว็บไซต์ต่างๆ มากมายที่ก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของตลาดช็อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตมากขึ้นทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกโซเชียลมีเดียที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้เข้ากระเป๋า ความเหมือนกันของร้านค้าออนไลน์นั่นคือความสะดวกสบายใจการกดซื้อและสั่งสินค้า แต่สิ่งที่ตลาดออนไลน์แข่งขันกันอยู่จะเป็นเรื่องของการบริการและการอำนวยความสะดวกต่างๆให้แก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ดูเข้าใจง่ายและสวยงาม การจัดหมวดหมู่ของสินค้าเพื่อง่ายต่อการค้นหา หรือเพิ่มช่อง Search เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถกรอกข้อมูลที่ต้องการจะหาได้อย่างง่ายดายและฉับไว การสร้างความแตกต่างก็เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ได้เปรียบมากกว่าผู้แข่งขัน ทำให้การสร้างเว็บไซต์ที่เจาะจงลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้นกลายเป็นที่นิยมและดูเหมือนจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์อย่าง Zalora ที่เจาะจงกลุ่มลูกค้าที่รักในการแต่งตัวและชอบอัพเดทเทรนด์แฟชั่นอยู่เสมอ มีเสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆเกี่ยวกับแฟชั่นให้เลือกหลากหลาย มีการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน กระบวนการสั่งสินค้าง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีบริการชำระผ่าน บัตรเครดิต Master Card ที่ช่วยให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
จากข้อมูลของ Nielsen Media Index จะเห็นว่าคนไทยช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมากเกินเท่าตัวในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี นั้นมีการเติบโตสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในปี 2014 เป็น 2.2% ในปี 2015 มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในทุกกลุ่มช่วงอายุสูงถึง 321% ส่วนกลุ่มวัยทำงานอายุ 25-39 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดในปี 2014 ที่ 0.8% ตกลงมาเป็นกลุ่มที่ 2 รองจากกลุ่มวัยรุ่นในปี 2015 ที่ 2.0% แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมากที่ 218% ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มอายุ 40-59 ปี แม้เป็นกลุ่มที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์น้อยที่สุด แต่ก็มีอัตราเติบโตที่สูงมากเช่นกันที่ 152% โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.3% ในปี 2014 มาเป็น 1.1% ในปี 2015 เรามาดูกันต่อว่า กลุ่มคนแต่ละช่วงอายุจะซื้อสินค้า และบริการอะไรบ้างจากออนไลน์ จากข้อมูลของ Nielsen Media Index พบว่ากลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี จะซื้อเสื้อผ้าออนไลน์มากที่สุดที่ 39% รองลงมาจะเป็นการสั่งอาหาร และเครื่องดื่มออนไลน์ที่ 29% และของสะสมที่ 10% ตามลำดับ สำหรับกลุ่มวัยทำงานอายุ 25-39 ปี เสื้อผ้ายังคงเป็นสินค้าที่ถูกซื้อผ่านออนไลน์มากที่สุดที่ 36% รองลงมาคือ หนังสือที่ 19% และเครื่องประดับ 14% ส่วนกลุ่ม 40-59 ปี เสื้อผ้าจะตกเป็นอันดับ 2 ที่ 21% แต่จะซื้อเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุดที่ 22% และซื้อบริการท่องเที่ยวทั้งตั๋วเครื่องบินหรือแพ็กเกจท่องเที่ยวผ่านออนไลน์ถึง 12%
ทั้งนี้จะเห็นว่าสินค้า และบริการสำหรับทั้ง 3 กลุ่มนั้นคล้ายๆ กันคือ มีเสื้อผ้า และเครื่องประดับติดอยู่ในอันดับ 1-3 ทั้งนั้น แต่ยังมีสินค้า และบริการบางกลุ่มที่สามารถเข้าถึงบางกลุ่มช่วงอายุได้ดี เช่น กลุ่มอายุ 15-24 ปี จะเป็นอาหาร และเครื่องดื่ม กลุ่มอายุ 25-39 ปี จะเป็นหนังสือ และกลุ่มอายุ 40-59 ปี จะเป็นท่องเที่ยว อีกข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่ากลุ่มอายุ 15-24 ปี และกลุ่มอายุ 25-39 ปี จะเป็นกลุ่มที่ช็อปปิ้งออนไลน์สูงที่สุด แต่กลุ่มอายุ 40-59 ปี จะเป็นกลุ่มที่คลิกโฆษณาออนไลน์มากที่สุด โดยในปี 2015 กลุ่มนี้เคยคลิกโฆษณาออนไลน์ถึง 60% ส่วนกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปีนั้น คลิกโฆษณาออนไลน์มากขึ้นจาก 49% ในปี 2014 เป็น 55% ในปี 2015 ส่วนกลุ่มวัยทำงานอายุ 25-39 ปี คลิกโฆษณาออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2014 เคยคลิกอยู่ 56% เพิ่มขึ้นมาเป็น 59% ในปี 2015
จากข้อมูลที่ได้นำเสนอไปจะเห็นว่า ทุกช่วงกลุ่มอายุของคนไทยนั้นใช้ช็อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างมาก รวมถึงแบรนด์เองที่เข้าสู่โลกออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันจึงสูงมากขึ้นอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ โดยแต่ละแบรนด์ต่างออกโปรโมชันออนไลน์ สินค้าลดราคา มาดึงดูดผู้บริโภค และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจตนให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าผู้บริโภคเป็นผู้ได้ประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าและบริการเจ้าอื่นได้ทันที ถ้าได้รับข้อเสนอที่ดีกว่า ดังนั้น การสร้างฐานลูกค้าทั้งใหม่ และเก่าให้เกิดความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกกับแบรนด์ของเรา รวมถึงการโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคของเราด้วยข้อความที่ถูกต้อง และจริงใจก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อใจ และภักดีในแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณภายสวยๆจาก performinsider.com
Comments
comments
