เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวที่ภาคอีสาน จุดมุ่งหมายของหลายๆ คนก็คงจะเป็นจังหวัดนครราชสีมา ที่ถือเป็นประตูด่านแรก หรือจังหวัดขอนแก่นที่มีจุดท่องเที่ยวมากมายและมีประชากรหนาแน่นทีเดียว แต่คราวนี้ OK! ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กับการพาไปเที่ยวในจังหวัดที่นักท่องเที่ยวอาจจะไม่ค่อยนึกถึงอย่างจังหวัดสกลนคร ที่ตั้งอยู่ทางภาคอีสานตอนบน ติดกับจังหวัดอุดรธานี และใกล้กับพรมแดนประเทศลาว นอกจาก ‘พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์’ แล้วก็ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นกัน เราไปทำความรู้จักกับจังหวัดนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า
ทันทีที่เดินทางถึงจังหวัดสกลนคร เราก็มุ่งหน้าไปยัง อ.ภูพาน เพื่อเยี่ยมชม ‘สวนวรรณวงศ์’ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกหมากเม่า เนื่องด้วยสภาพดิน น้ำ และอากาศที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลหมากเม่าที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication หรือ GI) ของ อ.ภูพาน เลยทีเดียว เจ้าผลไม้ชนิดนี้ถือเป็นยาชั้นดี มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และชะลอความแก่ชรา โดยหมากเม่าสามารถนำมาทำเป็นไวน์และน้ำหมากเม่าพร้อมดื่ม ที่ทางสวนวรรณวงศ์คั้นสดๆ และลงมือบรรจุด้วยตนเอง รับรองว่าสะอาดทุกขั้นตอน
จากนั้นเราก็เดินทางไปยัง ‘กลุ่มทอผ้าย้อมคราม บ้านอูนดง’ อ.พรรณานิคม ที่นี่มีสินค้า OTOP ขึ้นชื่อคือ ‘ผ้าผิวสวย’ OK! ได้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นผ้าทอสักผืนหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย เริ่มตั้งแต่การนำเส้นฝ้ายไปย้อมครามให้ได้สีที่ต้องการ ต่อด้วยการเข็นฝ้ายให้เป็นเส้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปทอ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการทอผ้าด้วยมือ ซึ่งทั้งหมดนี้คือภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆ หลังจากฟังเรื่องราวต่างๆ แล้วก็มีกิจกรรมให้ทำ นั่นคือการย้อมผ้าครามแบบ D.I.Y ที่ทุกคนสามารถครีเอตชิ้นงานออกมาได้ในแบบของตัวเอง เสร็จแล้วยังมีสินค้าแปรรูปจากฝ้ายย้อมคราม อาทิ ผ้าพื้นตัดเสื้อสำเร็จรูป, กระเป๋า, ผ้าพันคอ, หมวก ฯลฯ
ช็อปปิ้งกันแล้วก็เดินทางต่อไปที่ ‘วัดภูริทัตตถิราวาส’ หรือ ‘วัดป่าบ้านหนองผือ’ บรรยากาศรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความสงบและสร้างร่มเงา วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา เพราะเป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จำพรรษาอยู่นานที่สุด แม้ท่านจะมรณภาพไปเกือบ 70 ปีแล้ว แต่ทางวัดก็ยังคงรักษาสภาพของกุฏิ, ศาลาโรงธรรม, ศาลาฉันภัตตาหาร, ทางเดินจงกรม รวมทั้งของใช้ของท่าน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและคนรุ่นหลังได้มาซึมซับความสงบและความสมถะในการใช้ชีวิตของหลวงปู่มั่น ก่อนจะนำไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
วันแรกในสกลนครผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราชมแสงของพระอาทิตย์ตกดินที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ช่างเป็นบรรยากาศยามเย็นที่งดงามยิ่งนัก อย่าลืมเข้าไปสักการะขอพรจากหลวงพ่อพระองค์แสนที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ก่อนจะไปเดินเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามที่ ‘ถนนผ้าคราม’ ซึ่งเป็นถนนคนเดินบริเวณหน้าวัดพระธาตุเชิงชุมฯ
ข้าวคืออาหารหลักของคนไทย แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้สัมผัสถึงกรรมวิธีการปลูกข้าว เราจึงไปพบกับชาวบ้านนาบ่อ ที่ อ.วาริชภูมิ เพื่อเรียนรู้การผลิตข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี ซึ่งที่นี่ใช้การผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าด้วยกัน เมื่อคนเมืองอย่างเราได้ลองชิมข้าวฮางหอมฯ ก็ถึงกับตาโตด้วยความตื่นเต้น เพราะเป็นข้าวที่มีรสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น ยิ่งถ้านึ่งใหม่ๆ ก็จะมีกลิ่นน้ำนมหอมอบอวล จุดเด่นของข้าวชนิดนี้คือเมล็ดข้าวสวยงาม ไม่แตกหัก จมูกข้าว รำข้าว และเส้นใยอาหารยังอยู่ครบ จึงได้สารอาหารแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคเหน็บชา และลดไขมันในเลือด เรียกได้ว่าได้ทั้งรสชาติอร่อย และได้ทั้งคุณค่าทางอาหารเลยทีเดียว
นอกจากการไปเยี่ยมชมกลุ่มทอผ้าย้อมคราม บ้านอูนดง และเดินเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามที่ถนนผ้าครามแล้ว เรายังได้ไปที่ ‘ร้านครามสกล’ ซึ่งที่นี่มีเปิดเวิร์กช็อปการย้อมผ้าครามในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด, ผ้าคลุมไหล่, กระเป๋า ฯลฯ ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราได้เอ็นจอยกับกรรมวิธีการย้อมผ้าคราม สมกับเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการย้อมผ้าครามจริงๆ
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการเยี่ยมชม ‘ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน’ ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยผู้มาเยือนจะได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
(ขอบคุณภาพจากพิชญา สิทธิโชควงกมล)
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments
