
ปลายปีก่อน “คุณแอน- จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” สร้างเสียงฮือฮาให้วงการคอนเทนต์ระดับประเทศด้วยการพา เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย เข้าสู่ความเป็นบริษัทมหาชนอย่างเต็มตัว แถมยังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญกับการเป็นนักธุรกิจสตรีข้ามเพศคนแรกและคนเดียวของตลาดหลักทรัพย์ ที่ดูแลทรัพย์สินอันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 6,000 ล้านบาท
ในปีนี้ความแรงของเธอยังไม่หยุดยั้งเพียงเท่านั้น เมื่อล่าสุด! เธอหยิบซีรีส์อินเดียระดับไฮเอ็นท์มาป้อนสู่ตลาด ในชื่อโปรเจกต์ ภารตะพันล้าน ไม่ว่าจะเป็น อโศกมหารา, ศิวะพระมหาเทพ, สีดาราม ศึกรักมหาลงกา, รามายณะ, หนุมาน หรือแม้แต่ นาคิน จนกลายเป็นกระแสใหม่ของความบันเทิง ไม่ผิดจากคำพูดของเธอที่ว่า “อินเดียมาแน่ๆ” หลายคนกล่าวว่าเธอเป็นแม่หมอ ที่หยิบจับอะไรก็เหมือนมีตาทิพย์หยั่งรู้ว่าคอนเทนต์นั้นต้องดังเป็นพลุแตก แต่เธอกลับแย้งว่าแท้จริงแล้วทุกสิ่งล้วนมีสูตร เพียงแค่ค้นให้เจอแล้วความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม และเพื่อตอกย้ำความสำเร็จ คราวนี้คุณแอนจึงขอมาในชุดมหารานีและมหาเทวีสีทองอร่าม พร้อมเปิดโอกาสให้ OK! ล้วงสูตรลับที่ว่า ก่อนจะถกสาหรี่คุยเรื่องเสน่ห์แห่งอินเดียที่ทำให้เธอต้องยอมทุ่มทุนคว้าเอาซีรีส์ระดับตำนานมาเสิร์ฟอย่างเต็มอัตรา!
Q : ก่อนจะไปถึงความสำเร็จของซีรีส์ภารตะ ช่วยเล่าให้ฟังสักนิดว่าเทคนิคความสำเร็จก่อนจะมาเป็นเจเคเอ็น ยุคบริษัทมหาชนนั้นอยู่ตรงไหน
“หลักการของเราตั้งแต่เริ่มแรกเลยก็คือ การเปลี่ยนก้อนหิน หรือของที่ดูไม่มีค่า ของที่คนมองข้าม แต่สตรีข้ามเพศคนนี้ไม่เคยมองข้ามให้กลายเป็นทองคำ เรามองทุกอย่างด้วยจิตใจที่ละเอียดว่าของอันนี้สามารถนำไปทำเงินได้ ถ้ามองอย่างลึกซึ่งบวกกับไอเดียที่ดี ตั้งแต่เริ่มต้นเอาสารคดี Walking with Dinosaurs เข้ามาตอนดิฉันอายุราวๆ 20 ตอนแรกที่นำมาลงเป็นม้วนวิดีโอขายแต่ไม่มีคนซื้อเลย แม้แต่ร้านวิดีโอหรือศูนย์เช่าในสมัยนั้นก็แทบไม่มีใครเอา คนเห็นเขาก็บอกว่า ใครจะดูสารคดีกัน ตอนนั้นเราก็กลุ้มอกกลุ้มใจ คิดไม่ออกจนนอนดึก ก็เปิดทีวีดูเห็นจอร์จกับซาร่า กำลังขายเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมดเลย เราก็คิดว่าถ้าคนดูได้รู้จักสารคดีนี้สักหน่อย เขาจะรู้ว่ามันดีจริง และมันไม่ใช่ก้อนหินไร้ค่า รุ่งขึ้นดิฉันก็โทร.หาทีวีไดเรคเลยค่ะ คิดง่ายๆ ว่าอย่างน้อยเขาก็มีอะไรให้ขายเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งนอกเหนือจากเครื่องออกกำลังกาย ปรากฏว่าจากการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้สารคดีขายได้อย่างถล่มทลาย ได้เงินมา 10 ล้านแรกแบบตกใจมาก ทีนี้เลยชักติดใจประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ของสตรีข้ามเพศอย่างเรามันก็พลุ่งพล่าน เวลาเราเห็นอะไรที่คนอื่นเขาไม่ทำ แล้วเราจับมาปั้นหรือบิ้วท์ขึ้นมาได้ยิ่งสนุก จากนั้นเราก็เริ่มติดต่อไป BBC, National Geographic, History Channel, Discovery Channel ต่อไปยังซีรีส์ฮอลลีวู้ด แล้วตามด้วยซีรีส์เกาหลี ซึ่งแต่ละอย่างแต่ก่อนไม่มีใครบอกอยากดูเลย อีกอย่างที่ทำให้เราต้องยึดโจทย์เปลี่ยนก้อนหินเป็นทองคำ เพราะเราไม่มีเงินทุนมากมายไปซื้อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องละ 20-30 ล้านเข้ามาฉาย
Q : คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกซีรีส์เข้ามา และคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกิดแน่ๆ
“เทคนิคเวลาเลือกซีรีส์ของดิฉันคือต้องห้ามใช้สมองเลือก ต้องใช้ใจเท่านั้น เริ่มจากเราต้องคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก และแค่ดูว่าพระเอกคนนี้น่ากินหรือไม่ก็ยังไม่พอ ต้องดูว่าเรื่องสนุกไหม ตัวอิจฉาตัวนี้เราอยากตบหรือเปล่า ซึ่งกล้าพูดได้เลยว่าการเป็นผู้หญิงข้ามเพศของตนเองช่วยในจุดนี้ได้มากที่สุด ถ้าไม่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ ไม่สามารถทำงานนี้ได้เลย เนื่องจากคนที่ดูทีวีโดยเฉพาะในประเทศไทยคือผู้หญิง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ดูแล้วเราต้องสามารถที่จะบอกได้ว่า ฉันจะดูเรื่องนี้จนจบหรือฉันจะไม่ดู ฉะนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ดูละครเกาหลี เราจะรู้สึกตลอดว่า เฮ้ย! ทำไมพระเอกน่ารักจัง หล่อดีนะ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนชอบผู้ชายฝรั่ง แต่ทำไมพอเห็นหน้าลุคอาตี๋แล้วดูน่ารัก มีบทกุ๊กกิ๊กที่มีเสน่ห์ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่นำซีรีส์เกาหลีเข้ามา”
Q : แล้วซีรีส์ชุดภารตะพันล้านมีที่มาอย่างไรคะ ทั้งๆ ที่หากย้อนกลับไปช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเกาหลีก็ยังดูเป็นเทรนด์ที่ขายได้เรื่อยๆ
“โจทย์เดิมเลยค่ะ การที่เราเริ่มมองซีรีส์อินเดีย เพราะว่ามันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเอาเลย…(เน้นเสียงยาว) แต่เรามองว่ามันต้องมีทางเป็นไปได้ เพราะซีรีส์อินเดียนี่เป็นเรื่องโปรดของดิฉันมาก นั่งดูด้วยหัวใจเลย เราก็มองว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายที่หล่อขึ้นหรือดูสะอาดสะอ้านขึ้น แต่ด้วยบทของพระเอกในละครอินเดียที่เป็นสุภาพบุรุษ มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และการถ่ายทำที่ไม่น่าเกลียด เรียกว่าเป็นระดับ World Class ขึ้นด้วยซ้ำ เพราะบริษัทระดับโลกอย่าง Fox และ Sony ยังเลือกไปลงทุนที่นั่น ยิ่งพอเราได้นั่งดูแล้วยิ่งติดหนึบเลย แล้วบทเขาจะผูกให้มีฮุคอยู่ทุกๆ ตอนเวลาจะจบ มีเงื่อนต่อให้ลุ้นแบบที่ทำให้เรารู้สึกว่า ฉันอยากจะฆ่าผู้กำกับจริงๆ ทำไมมาตัดบทตอนนี้ ฉันกำลังสนุก ซึ่งนั่นก็ทำให้เราต้องดูตอนต่อไป เพราะฉะนั้นหัวใจในการเลือก ถ้าเป็นเรื่องคอนเทนต์ โดยเฉพาะละครต้องใช้หัวใจดู แต่ในเรื่องการดำเนินธุรกิจเราทำด้วยสมองนะคะ”
Q : พูดแบบนี้แสดงว่าคุณแอนเลือกเองหมดทุกเรื่อง
“ทุกเรื่องค่ะ ซึ่งพอทำมานานๆ เข้าหลักการของเราก็จะกลายมาเป็นไบเบิ้ลหรือตำราในการเทรนให้ทีมงานด้วย เรียกว่าแต่ละเรื่องต้องมีแพทเทิร์นมาตรฐาน ที่พิสูจน์แล้วว่าทำเงินได้ และมีเรตติ้งที่ดี การจะได้เรตติ้ง 5-10 อย่างที่เราเคยทำกันมาแล้วได้มาจากอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องมีกลไกเสมอซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความลับของแต่ละบริษัท ที่จะปรุงมาเสิร์ฟผู้ชมอย่างไรให้สำเร็จ ”
Q : คุณจับเรื่องคอนเทนต์มานานกว่า 18 ปี ได้แบรนด์ระดับโลกใหญ่ๆ มาอยู่ในมือเกือบหมด บอกเราหน่อยได้ไหมว่าคุณทำได้อย่างไร
“อยู่ที่คำว่า Trust หรือความไว้วางใจคำเดียว พูดคำไหนต้องเป็นนั้น เอาใจเขามาใส่ใจเรา รวมถึงต้องเป็นคนที่รู้จักของที่นำเข้ามาจริง ซึ่งดูได้จากคุณภาพในการทำงานของเราทั้ง 18 ปีที่ทำมา ต้องบอกว่าเราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายของแต่ละแบรนด์ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่เคยมีแบรนด์ไหนหลุดไปเลย นั่นเป็นเพราะเราตั้งใจ แล้วเราก็รู้ว่าทุกๆ แบรนด์เขามีหัวใจในการทำงาน เขารักและภูมิใจในผลงานของเขา เราก็ต้องสวมวิญญาณว่า ถ้าเราเป็นเขา แต่ละอันเราจะปั้นต่ออย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่สำคัญมากเลยในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรียนรู้ตลอดเวลาและเอาความคิดสร้างสรรค์ใส่เข้าไป ไม่ใช่ว่านำเข้ามาอย่างไรก็ขายไปอย่างนั้น เพราะเราถือว่าตัวเองเป็นนักปรุงคอนเทนต์ด้วยเป็นการพัฒนาและจัดจำหน่าย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรักและชอบเรา คิดดูว่าถ้านี่เป็นสินค้าของเราแล้วเรามีพาร์ทเนอร์ที่คิดแบบนี้ เราก็ไม่อยากจะเปลี่ยนคนแน่ ”
Q : ตอนนี้ที่คุณตัดสินใจเปลี่ยนรูปลักษณ์และเป็นสตรีข้ามเพศอย่างเต็มตัว มีผลอย่างไรบ้างไหมกับการเจรจาทางธุรกิจ
“พูดตามตรงว่าดีขึ้นเสียอีก เพราะมันทำลายกำแพงของทุกๆ คนที่มองเรา และยังแสดงให้เห็นถึง Sincerity ความจริงใจที่ทุกๆ คนเห็นตรงกันว่า เราเป็นตัวเรา เรายอมรับในตัวเราเอง เวลาได้เจอลูกค้าหรือใครที่รู้จักเรา ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจและมีความสุขไปกับเรามากๆ จนเราสัมผัสได้ว่าทุกคนรักเรามากขึ้น และที่อะเมซซิ่งยิ่งกว่าคือเป็นทั้งคนไทยและต่างประเทศ ยิ่งเขาให้การยอมรับและยิ่งรักเรา เวลาทำงานหรือคุยกันก็ยิ่งสนุกมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆว่าการเปลี่ยนตัวเองครั้งนี้ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย สามารถใส่ชุดผู้หญิงที่ชอบมาก และการไปทำหน้ามาใหม่ที่เกาหลีก็ชอบมาก เพราะดูดีกว่าตอนเป็นผู้ชายละกัน (หัวเราะ) เรารู้สึกว่ามีอะไรสนุกให้ทำอีกเยอะ แค่เราเป็นตัวเราเอง เคารพตัวเอง และให้เกียรติตัวเอง แล้วทุกคนก็จะให้เกียรติตัวเราเช่นกัน”
“สิ่งที่ภูมิใจในวันนี้คือเรากล้าพูดได้เต็มปากว่า ในวันที่เราประสบความสำเร็จหลายพันล้านว่า เป็นเพราะฉันเจ๋งจริง ฉันตัวจริง และทุกสิ่งมาจากสมองและสองมือฉันจริงๆ ข้อสำคัญคือฉันเป็นสตรีข้ามเพศตัวจริงที่ลบคำสบประมาทได้ว่า LGBT ก็มีการงานที่ดีได้ เรามีบทพิสูจน์แล้วว่าเราเป็นผู้นำได้ เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ได้ เป็นซีอีโอของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้ มันก็เป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เราก็เป็นมนุษย์ที่มีสมองได้เหมือนกัน ไม่ใช่ผิดเพี้ยนหรือไม่เจริญ”
Q : เคล็ดลับที่ทำให้ JKN ประสบความสำเร็จอยู่ตรงไหน
“ตรงที่เราไม่ได้แค่ซื้อลิขสิทธิ์รายการต่างๆ เข้ามาแล้วก็ขายออกไป ส่วนหนึ่งเพราะบริษัทเราทำมานาน มีรากฐานที่แข็งแกร่ง อีกส่วนคือการทำงานอย่างหนัก เมื่อได้แบรนด์ ได้คอนเทนต์มาแล้ว เราต้องทำมาร์เก็ตติ้ง และต้องทำให้เนื้อหาจับต้องได้มากขึ้นด้วยการ Localize คอนเทนต์ให้เข้ามาสู่หัวใจคนไทย ทำให้คนไทยรู้สึกว่าย่อยง่าย บริโภคง่าย รู้จักและเข้าใจ เราทำแปล พากย์ไทย ทำเพลงไทย โดยเชิญนักแต่งเพลงเบอร์ต้นและนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ เบอร์หนึ่งมาถ่ายทอด เช่น ธงไชย แมคอินไตย์, นันทิดา แก้วบัวสาย,ใหม่ เจริญปุระ, ทาทา ยัง ฯลฯ นอกจากนี้เรายังทำในสิ่งที่เรียกว่า Superstar Marketing นำดาราไทย ซูเปอร์สตาร์ไทยมาเพิ่มคุณค่าให้กับคอนเทนต์ที่ทรงพลังอยู่แล้ว เช่น การให้ คุณตู่- นพพล โกมารชุน เป็นผู้พากย์สารคดี People’s King คุณนก-สินจัย เปล่งพานิช พากย์สารคดี My Queen ถึงได้บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเป็นการเรียนรู้ด้วยชีวิต”
Q : สำหรับงาน JKN Mega Showcase 7-11-17 Diamond Gold สุดอลังที่จัดขึ้นเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งที่ทุ่มทุนขนาดนี้เพื่อเป็นการคืนกำไรให้คนดูด้วยหรือเปล่าคะ
จริงๆ มีสองอย่างค่ะ หนึ่งเราทำเพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพให้กับคู่ค้าที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ ให้เขาเห็นว่าเรามีไอเทมใหม่ๆ อะไรบ้างในปีที่ผ่านมาและปีถัดไป โชว์ให้ดูว่าพอคอนเทนต์เหล่านั้นเข้ามาสู่เมืองไทยแล้ว เราทำอย่างไรให้มันเด่น เลิศ ดัง ได้บ้าง และสามารถเป็น Turn-Key Solution ให้กับทุกคนได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการคืนกำไรให้กับท่านผู้ชม เพราะเรามีแฟนคลับเยอะมาก เราเปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งพอเขาได้เห็นศิลปินในดวงใจ เขาก็จะดีใจมาก ไม่เฉพาะแต่ซูเปอร์สตาร์คนไทย แต่รวมถึงต่างประเทศด้วย ตอน Golden Carpet เราเปิดตัวให้ออกมาทีละคน ผู้ชมก็ฮือฮาป่าแตก วี๊ดกรี๊ดกร๊าดกัน ช่วงคอนเสิร์ตก็มี ใหม่ เจริญปุระ, แคทรียา อิงลิช, มาเรียม เกรย์, เก่ง- ธชย, ว่าน ธนกฤต ฯลฯ มาร้องเพลง มีอะไรมาให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอด นี่คือความตั้งใจของเรา เราเตรียมงานกันหลายเดือนมากค่ะ ยังคุยกันเล่นๆเลยว่าถ้าไม่ใช่สตรีข้ามเพศแบบดิฉันและทีมงาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ในบริษัทดิฉันก็มีแต่ Transgender เต็มไปหมด จะไม่สามารถคิดงานนี้ได้เลย มันเป็นดีเอ็นเอที่อยู่ในสตรีข้ามเพศของพวกเราค่ะ
คงต้องดูว่าในปี 2018 นี้ คุณแอนจะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรแก่ผู้ชมอีกบ้าง แต่ที่แน่ๆ เราคงได้เห็นความสามารถของผู้บริหารคนสวยนี้แล้วว่า นอกจากวิสัยทัศน์แล้ว การเป็นตัวของตัวเองสามารถผลักดันความสำเร็จเข้ามาในชีวิตได้อย่างไร…
พบกับบทสัมภาษณ์เต็มๆ ของ “คุณแอน- จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ผู้บริหารแห่ง JKN ได้ใน OK! Magazine ฉบับเดือนธันวาคม 2560 และฉบับมกราคม 2561
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่…
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments