
เป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ดังระดับโลก One Direction มานานถึง 7 ปีจนเริ่มอิ่มตัวแล้ว หลัง 4 หนุ่มหล่อของวง ทั้งเลียม เพย์น, แฮร์รี่ สไตล์ส, ลูอี ทอมลินสัน และไนออลล์ โฮแรน ขอพักวงชั่วคราวแบบไม่มีกำหนดตั้งแต่ต้นปี 2016 เพื่อให้แต่ละคนได้มีโอกาสทำโปรเจ็กต์ส่วนตัวที่สนใจ ล่าสุดหนุ่มๆ ทั้ง 4 คนก็ปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวของตัวเองออกมา ซึ่งสไตล์เพลงก็แตกต่างกันไป แต่ที่ OK! ขอนำเสนอคือหนุ่มหล่อเสียงแหบเสน่ห์แฮร์รี่ สไตล์ส ที่ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิต Harry Styles ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม แฮร์รี่นำเสนองานเพลงที่ดูโตขึ้น ฉีกกฎจากการเป็นเพลงบอยแบนด์ในแบบเดิมๆ มาพร้อมดนตรีที่มีกลิ่นอายซอฟต์ร็อกที่ทำให้เขาดูเท่และมีเสน่ห์ยวนใจสาวๆ ราวกับเป็นศิลปินร็อกรุ่นใหญ่ระดับเลเจนด์ ตอกย้ำเส้นทางสตาร์แบบฉายเดี่ยวของแฮร์รี่ ด้วยการที่เจ้าตัวมีหนังเรื่องแรกในชีวิต Dunkirk ลงโรงฉาย ซึ่งเป็นหนังสงครามของคริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับที่ทุกคนยอมรับในความสามารถ ทั้งหมดนี้นับเป็นก้าวแรกที่ถือว่าไปได้สวยสำหรับหนุ่มอังกฤษวัย 23 ปีคนนี้ มีเรื่องราวอะไรจากงานเพลงอัลบั้มแรกของแฮร์รี่ที่น่าสนใจบ้าง และเขารู้สึกอย่างไรกับผลงานการแสดงเรื่องแรกในชีวิต OK! พาคุณไปอัพเดตโลกใบใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยวของหนุ่มแฮร์รี่กัน
THE FIRST ALBUM: ‘HARRY STYLES’
อัลบั้ม Harry Styles เป็นอัลบั้มในค่ายเพลงชื่อ Erskine Records ของแฮร์รี่เอง มาพร้อมกลิ่นอายดนตรีซอฟต์ร็อกที่แฮร์รี่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว มีทั้งหมด 10 เพลงด้วยกัน คือ “Meet Me in the Hallway”, “Sign of the Times”, “Carolina”, “Two Ghosts”, “Sweet Creature”, “Only Angel”, “Kiwi”, “Ever Since New York”, “Woman”, “From the Dining Table” แฮร์รี่มีส่วนร่วมในการเขียนเพลงทุกเพลง เปิดตัวอัลบั้มด้วยเพลงบัลลาดเพราะๆ “Sign of the Times” เมื่อเดือนเมษายน เพลงของแฮร์รี่ทำตำแหน่งในชาร์ตได้ดี และนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชมว่าอัลบั้มของเขาใช้ได้เลยทีเดียว “เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมแต่งแล้วรู้สึกภูมิใจที่สุดในอัลบั้ม” แฮร์รี่บอก ส่วนหน้าปกอัลบั้มนี่ก็มีกิมมิก ไม่โชว์ให้เห็นใบหน้า อวดให้เห็นแต่แผ่นหลังแซมกระของหนุ่มแฮร์รี่เท่านั้น แต่ไม่เห็นหน้าไม่เป็นไร เพราะแฟนคลับสาวๆ ก็เต็มใจซื้ออัลบั้มของเขามาฟังให้เคลิบเคลิ้มอยู่แล้ว!
THE ALBUM WAS LARGELY RECORDED IN JAMAICA
หลังจากถ่ายหนังเรื่อง Dunkirk ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เสร็จ แฮร์รี่และทีมงานบินไปบันทึกเสียงเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มไกลถึงจาเมกานาน 2 เดือนเลยทีเดียว โดยตอนนั้นแฮร์รี่กับวงดนตรีของเขาใช้ชีวิตอยู่ในวิลล่าขนาด 2 ชั้น ที่อัดแน่นด้วยเครื่องดนตรีมากมาย พวกเขาอาจเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการว่ายน้ำอย่างแฮปปี้แล้วค่อยไปโฟกัสกับการทำเพลงกันอย่างเต็มที่ และถ้าว่างจากงานเพลงเมื่อไร แฮร์รี่กับทีมงานก็จะชอบดูหนังและซีรีส์ทาง Netflix ด้วยกัน
“ผมไปทำเพลงไกลถึงจาเมกาเพราะไม่อยากทำเพลงในที่ที่ทำให้ผมเสียสมาธิ ถ้าทำเพลงในลอนดอน แอลเอ หรือเมืองอื่นๆ ที่มีผู้คนมากมาย มันคงจะยาก ถ้าทำอัลบั้ม ปกติเราใช้เวลาในสตูดิโอสัก 10 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็มีพักกินข้าวและกลับบ้านใช่ไหม แต่ผมอยากจดจ่อและทุ่มเทกับงานเพลงอย่างเต็มที่ จนกลายเป็นว่าทีมงานกับผมทำเพลงกันตลอดเวลา มากกว่าเริ่มทำงานตอน 9 โมงแล้วเลิกตอน 5 โมงเย็นเสียอีก อีกอย่างคือผมไม่อยากอยู่ใกล้คนที่อาจจะมาแนะนำผมว่าเพลงของผมควรจะเป็นแบบไหนบ่อยๆ น่ะ”
หลังจากปลีกตัวไปทำอัลบั้มพักใหญ่ แฮร์รี่ก็ไม่ปล่อยให้แฟนเพลงคิดถึงนาน “ผมรู้สึกว่าตัวเองจำศีลนานเกินไปแล้ว เหมือนเราฟังเพลงที่ตัวเองทำอยู่แต่ในสตูดิโอ และตอนนี้ก็ถึงเวลาปล่อยเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน” นอกจากนี้แฮร์รี่ยังพูดถึงข้อดีของการเป็นศิลปินให้ฟังว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทั้งเดินทาง เล่นดนตรี และทำงานเพลงไปด้วย แต่สำหรับผม เพลงของศิลปินคนโปรดของผมไม่ใช่เพลงที่พวกเขาเล่าว่าชีวิตของตัวเองเลิศเลอขนาดไหน นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราอยากฟังหรอก เราอยากรู้มากกว่าว่าทำไมศิลปินเหล่านี้ถึงเลือกที่จะอยู่คนเดียวที่ไหนสักแห่ง ผมว่าเพลงแบบนั้นต่างหากที่เราฟังแล้วรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ผมว่าเนื้อเพลงแบบนั้นน่าสนใจมากกว่าเนื้อเพลงที่พวกเขาเล่าว่าตัวเองจิบแชมเปญตอนกินมื้อเย็นเสียอีก”
MAKING THE ALBUM WAS LIKE THERAPY
แฮร์รี่บอกว่า “การทำเพลงอัลบั้มนี้เป็นการบำบัดชั้นดีสำหรับผม ผมว่าการพูดคุยอะไรบางอย่างกับเครื่องดนตรีมันง่ายกว่าการพูดกับคนเยอะเลย เวลาทำเพลงคือเวลาที่ผมปลดปล่อยตัวเองให้เปราะบางที่สุดได้ มันน่าตื่นเต้นนะที่ได้แสดงความเป็นตัวเองในด้านที่รู้สึกว่าไม่เคยแสดงออกมามาก่อนให้คนอื่นเห็น” เมื่อถามถึงการแต่งเพลง แฮร์รี่บอกว่าเขาอยากนำเสนอเนื้อเพลงที่ตรงไปตรงมาเหมือนแฮร์รี่ นิลส์สัน ศิลปินคลาสสิกร็อกรุ่นใหญ่ที่เขาชื่นชมเป็นการส่วนตัว “ตอนทำอัลบั้มนี้ผมฟังเพลงของแฮร์รี่ นิลส์สัน เยอะมาก เนื้อเพลงของเขาจริงใจ ตรงไปตรงมา และเจ๋งมาก ผมว่าคงเพราะเขาไม่เคยพยายามแต่งเนื้อเพลงให้มันฟังดูเจ๋งน่ะ” นอกจากแฮร์รี่ นิลส์สัน แล้ว แฮร์รี่ยังชอบฟังเพลงคลาสิกร็อก คันทรี บลูส์ และโซล ของศิลปินรุ่นใหญ่อย่างคีธ วิตลีย์, ชักกี้ โอทิส และวง Fleetwood Mac ด้วย
HARRY GOES THE ROCK ROUTE
ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีป๊อปสตาร์สายเมนสตรีมที่หันไปทำเพลงสไตล์อื่นนอกจากเพลงป๊อปที่คุ้นเคยเท่าไร แต่แฮร์รี่กล้าเสี่ยงกับการนำดนตรีร็อกรุ่นใหญ่มาเป็นส่วนผสมในอัลบั้ม ซึ่งแตกต่างจากดนตรีป๊อปติดหูของวง One Direction “หลายคนเวลาทำอัลบั้ม พวกเขามักคิดว่า ‘เราทำเพลงแบบนี้กันเถอะ คนจะได้เก็ต’ แต่ผมอยากทำอัลบั้มที่ผมอยากฟัง อัลบั้มที่ถ้ากลับมาฟังอีก ผมจะไม่มีทางเสียใจที่ทำเพลงเหล่านั้น เวลาทำอัลบั้ม ส่วนใหญ่ผมมักถามตัวเองว่า ‘เพลงแบบไหนกันนะที่เราอยากฟัง’ มากกว่ามานั่งคิดว่า ‘จะปรับเพลงที่ทำยังไงให้มันเหมาะเป็นเพลงสำหรับเปิดในวิทยุ’ น่ะ”
HIS MASSIVE FEMALE FANS
แจ้งเกิดจากการเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ แน่นอนว่าแฟนคลับส่วนใหญ่ของแฮร์รี่จะต้องเป็นเด็กสาววัยรุ่น ซึ่งแฮร์รี่ก็รู้เรื่องนี้ และเขาก็ให้เกียรติแฟนคลับเสมอ “เวลาที่ศิลปินมีแฟนเพลงเป็นสาวๆ วัยรุ่น คนมักคิดกันว่าแฟนๆ เหล่านั้นคงเอาแต่กรี๊ดศิลปิน โดยไม่ได้สนใจฟังเพลงเท่าไร แต่ที่จริงแล้ว ผมเชื่อว่าไม่ว่าผมจะทำอะไร แฟนเพลงล้วนคาดหวังในผลงานของผมมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน ปกติแฟนคลับเนี่ยเป็นคนแรกๆ เลยนะที่บอกเราว่างานของเราใช้ได้ไหม ดีพอหรือเปล่า ผมมองว่ามันคงง่ายไปหน่อยถ้าจะด่วนสรุปว่าแฟนเพลงวัยรุ่นสาวๆ ของผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน”
‘DUNKIRK’ WAS A REAL CHALLENGE
ใช่แต่จะปล่อยงานเพลงมาให้แฟนคลับได้ฟินเท่านั้น ล่าสุดแฮร์รี่ยังมีหนังเรื่องแรกในชีวิตเข้าฉายด้วย แม้จะไม่ได้เป็นนักแสดงนำ แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นว่าหนุ่มคนนี้ไม่ปฏิเสธเมื่อมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต แถมยังลงทุนตัดผมสั้นเพื่อรับบททหารหนุ่ม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไว้ผมยาวจนเป็นซิกเนเจอร์สไตล์มานาน หนังเรื่องนั้นคือ Dunkirk หนังแอ็กชั่นทริลเลอร์ที่อิงเรื่องราวจากบันทึกเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื้อเรื่องพูดถึงการอพยพทหารฝ่ายสัมพันธมิตรจากท่าเรือดันเคิร์ก ซึ่งปฏิบัติการครั้งนั้น สามารถรักษาชีวิตของกลุ่มทหารฝ่ายสัมพันธมิตรไว้ได้กว่า 330,000 คนจากการปิดล้อมของเยอรมัน Dunkirk กำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน อีกหนึ่งสุดยอดผู้กำกับของฮอลลีวูด โดยมีนักแสดงมากฝีมือนำแสดงเพียบ ทั้งทอม ฮาร์ดี้, คิลเลียน เมอร์ฟี, มาร์ค ไรแลนซ์ ฯลฯ
แฮร์รี่เปิดใจว่า “การเป็นนักแสดงเป็นเรื่องท้าทายจริงๆ ตอนถ่ายหนังเรื่องนี้นักแสดงต้องอึดกันมาก เราถ่ายหนังกันเหนื่อยลากเลือด ตอนกลางคืนนี่หลับสบายเลยล่ะ แต่ผมชอบการแสดงนะ ชอบที่ได้ลองสวมบทบาทเป็นคนอื่นดูบ้าง” ทางด้านโนแลน ผู้กำกับที่เป็นคนแคสต์แฮร์รี่ให้เล่นบทนี้เปิดใจกับหนังสือพิมพ์ Los Angeles Times ว่า “สำหรับบทของแฮร์รี่ ผมกับทีมงานอยากได้หนุ่มหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาเล่น ที่จริงแฮร์รี่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีคนรู้จักอะไรขนาดนั้น แต่เขาไม่เคยเล่นหนังมาก่อน ก็เลยมาลองทดสอบบทดู ผมแคสต์เขาจากเด็กหนุ่มที่มีคาแรกเตอร์หลากหลายเป็นพันๆ คน และสุดท้ายเขาก็ได้รับบทนี้”
[Photo Credit: BEC-Tero Music, Instagram/ dunkirkmovie]
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments