
เปลี่ยนโหมดจากป๊อปไอคอนมาเป็นมูฟวี่สตาร์ชั่วคราว สำหรับนักร้องสาวเลดี้ กาก้า หลังจากเคยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิง สาขามินิซีรีส์หรือภาพยนตร์สำหรับฉายทางโทรทัศน์ จากเรื่อง American Horror Story: Hotel บนเวทีใหญ่อย่าง Golden Globe Awards ในปี 2016 มาแล้ว ล่าสุดกาก้าขอพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในฐานะเพอร์ฟอร์เมอร์คุณภาพของฮอลลีวูด ใน A Star Is Born หนังมิวสิคัลดราม่าเรื่องล่าสุด นี่นับเป็นหนังเรื่องแรกที่เธอรับบทนักแสดงนำเต็มตัว ประกบคู่กับพระเอกรูปหล่อมาดเซอร์แบรดลีย์ คูเปอร์ สำหรับ A Star Is Born ในเวอร์ชั่น 2018 นี้ เป็นเวอร์ชั่นที่ 4 ของฮอลลีวูด โดย 3 เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ทั้งในปี 1937, 1954 และ 1976 ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น หากแต่เวอร์ชั่น 2018 ก็ไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็นการพิสูจน์ฝีมือการนั่งแท่นผู้กำกับเป็นครั้งแรกในชีวิตของแบรดลีย์ อีกทั้งเขายังรับบทนักแสดงนำด้วย การแสดงของทั้งคู่จะได้ใจคนดูแค่ไหน ติดตามกันในโรงภาพยนตร์ในเดือนตุลาคมนี้
เลดี้ กาก้า จากป๊อปสตาร์สู่มูฟวี่สตาร์ และแบรดลีย์ คูเปอร์ จากมูฟวี่สตาร์สู่ศิลปิน
การแจ้งเกิดอีกครั้งของดาวเด่นฮอลลีวูดใน A Star Is Born
หนังรักสุดดราม่าที่อาจทำให้คุณต้องปาดน้ำตา
The Plot
A Star Is Born เล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของคู่รักนักดนตรี ฝ่ายชายคือร็อกแอนด์โรลสตาร์มากประสบการณ์ชื่อแจ็คสัน เมน (แบรดลีย์ คูเปอร์) ผู้ค้นพบและตกหลุมรักแอลลี่ (เลดี้ กาก้า) ศิลปินสาวที่เพิ่งจะยอมแพ้ให้กับความฝันในการเป็นนักร้องของตัวเอง จนกระทั่งแจ็คสันเกลี้ยกล่อมให้เธอก้าวเข้าสู่แสงสปอร์ตไลต์ แม้หน้าที่การงานของแอลลี่จะไปได้สวย ทว่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวของเธอกลับพังลง เช่นเดียวกับแจ็คสันที่ต้องต่อสู้กับปีศาจภายในจิตใจของตัวเอง รวมทั้งต้องรับมือกับการเสพติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และอาการซึมเศร้าอีกด้วย
No Makeup Please
กาก้าย้อนความหลังถึงช่วงที่แบรดลีย์มาทดสอบหน้ากล้องเธอถึงที่บ้านในปี 2016 ตอนนั้นเธอกำลังเดินลงมาจากบันได เขาเข้ามาใกล้ๆ และมองหน้าเธอ สังเกตคอนซีลเลอร์ มาสคาร่า และลิปสติก เธอเห็นเขาถือของบางอย่างในมือ และเชื่อหรือไม่ว่านั่นคือกระดาษเช็ดเครื่องสำอาง แบรดลีย์พูดว่า “ต้องเช็ดออกให้หมด” จากนั้นเขาก็เช็ดเมคอัพบนใบหน้าของกาก้าออกจนหมดเกลี้ยง! นักร้องสาวบอกว่าบทแอลลี่ที่เธอได้รับ ทำให้เธอไม่สามารถทำตัวเป็นผู้หญิงที่ปกติมักใช้เวลาแต่งหน้าก่อนขึ้นแสดงคอนเสิร์ตหลายชั่วโมงได้อีกต่อไป เธอต้องปล่อยให้กล้องซูมมาที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งทาแค่ครีมบำรุงมานาน 8 ชั่วโมง และลิปมันเท่านั้น “แบรดลีย์ทำแบบนี้ก็ถูกแล้วล่ะ เพราะตัวละครที่ฉันเล่นต้องแสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดขนาดไหน เขาทำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ทำเอาฉันไม่มั่นใจในตัวเองมากๆ”
The Difference Between Gaga & Ally
แม้ในเรื่องกาก้าจะรับบทแอลลี่ซึ่งเป็นนักร้องเหมือนกับเธอ แต่ในชีวิตจริง สตาร์สาวบอกว่าเธอกับแอลลี่มีความแตกต่างกันอยู่ “แอลลี่ยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงและไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เธอไม่เชื่อว่าตัวเองสวยพอและมีคุณสมบัติดีพอที่จะเป็นนักร้องได้ สำหรับฉัน ช่วงแรกๆ ที่ทำงานเพลง ฉันเจอคำว่า ‘ไม่’ บ่อยมาก แต่ฉันก็ไม่เคยยอมแพ้ เมื่อตัดสินใจว่าจะเป็นนักร้อง ฉันก็ทุ่มเทสุดตัว ทั้งขนเปียโนไปเล่นตามบาร์ต่างๆ โทรหาคนนั้นคนนี้บ้าง แกล้งปลอมตัวเป็นผู้จัดการตัวเองเพื่อให้ได้งานบ้าง ฉันเชื่อมั่นในตัวเองมากๆ ว่าฉันเป็นศิลปินได้แน่นอน และจะไม่หยุดจนกว่าจะทำได้อย่างที่ฝันไว้ นี่ล่ะคือความแตกต่างระหว่างฉันกับแอลลี่”
Things Take Time
กาก้าบอกว่ากว่าที่เธอจะคุ้นชินกับชีวิตในกองถ่ายของหนังเรื่องนี้ เธอก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน หลังเตรียมความพร้อมก่อนการถ่ายทำอยู่หลายเดือน วันแรกที่ปรากฏตัวในกองถ่าย กาก้าท่องจำบทของเธอมาได้อย่างแม่นยำ แบรดลีย์มาร่วมเข้าฉากกับเธอด้วย แต่เขากลับเริ่มต้นด้วยการพูดประโยคที่ไม่ตรงกับบท เพราะอยากจะให้กาก้ารู้สึกผ่อนคลายขึ้น แต่กลายเป็นว่าเธอไม่เก็ตและก็เอาแต่พูดประโยคเดิมๆ ของตัวเองอยู่อย่างนั้น “ฉันเอาแต่พูดประโยคเดิมๆ จนสุดท้ายแบรดลีย์ถามฉันว่า OK! หรือเปล่า แล้วฉันก็ร้องไห้ (หัวเราะ) หลังจากนั้นฉันก็เก็ตค่ะ เราเข้าฉากด้วยกัน และฉันก็ไม่ยึดติดกับบทมากเท่าช่วงแรกๆ”
A Close Relationship on Set
ยิ่งร่วมงานกันมากเท่าไร กาก้ากับแบรดลีย์ก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น และแบรดลีย์ยังหาทางลัดในการเพิ่มระดับอารมณ์ให้บทแอลลี่ของกาก้าได้ด้วย ถ้าเขาอยากให้กาก้ารู้สึกอบอุ่น เขาจะกระซิบว่า “โทนี่” เพราะรู้ว่ากาก้ากับศิลปินรุ่นใหญ่โทนี่ เบนเนตต์ สนิทกันมาก ถ้าพูดชื่อนี้เมื่อไร เธอจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นทันที แต่ถ้าเขาอยากให้เธอโฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะพูดว่า “นินจา” หรือ “นักฆ่า” นอกจากนี้กาก้ายังตอบคำถามแบรดลีย์และแชร์ประสบการณ์จริงทั้งบนและหลังเวทีของการเป็นศิลปิน รวมทั้งประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องยาเสพติดให้แบรดลีย์ฟัง โดยเธอบอกว่าหลังกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง การจะหายาเสพติดนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ทางด้านแบรดลีย์เผยว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขากับกาก้ารู้สึกเชื่อมโยงกัน “ผมกับกาก้าคอนเน็กต์กันทันทีตรงที่เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกครั้งที่ผมเจอคนที่โตมาโดยได้รับความรักความอบอุ่นมากๆ เหมือนกัน ผมจะสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้เลย นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ลูกสาวรู้สึก อยากให้แกรู้สึกว่าได้รับความรักตลอดเวลา” ปัจจุบันแบรดลีย์ใช้ชีวิตครอบครัวกับอิรินา เชย์ค นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ชาวรัสเซีย และทั้งคู่มีลูกสาวชื่อเลอา วัย 1 ขวบด้วยกัน 1 คน
What Makes Gaga Feel Beautiful
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้กาก้ารู้สึกสวยจากข้างใน เธอตอบแบบสวยๆ ว่า “บอกตามตรงฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกดีจากข้างใน คือการที่ฉันได้เห็นแฟนๆ มีความสุข เวลาเห็นหรือได้ยินว่าเพลงของฉันทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆ สุดท้ายแล้วฉันอาจจะเล่นหนังมากมาย หรือมีเพลงออกมาเพียบ แต่สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การให้แฟนๆ มาบอกว่าฉันสวยจังหรืออะไรแบบนั้น ฉันอยากให้พวกเขาบอกว่าดูผลงานของฉันแล้วร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง และหนังทำให้พวกเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง”
Bradley as Jackson Maine
แบรดลีย์ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทเรื่องการแสดงไม่แพ้นักแสดงคนอื่นๆ และเพื่อที่จะสวมบทบาทของร็อกสตาร์แจ็คสัน เมน ให้เหมือนจริงที่สุด เขาลงทุนเรียนกีตาร์และฝึกร้องเพลงอย่างจริงจังราว 1 ปีครึ่ง และยังแต่งเพลงร่วมกับกาก้าเพื่อใช้ประกอบในหนังด้วย “ทั้งหมดนี้เพราะกาก้าเลย เธอทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากๆ” แบรดลีย์กล่าว ในขณะที่กาก้าเผยความรู้สึกถึงพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงของแบรดลีย์ว่า “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแบรดลีย์จะร้องเพลงได้ เสียงเขาดีมาก เหมือนเขาร้องมาจากใจเลย ในหนังเราร้องประสานเสียงกันเยอะ มันมีบางอย่างที่ทำให้เราทั้งคู่รู้สึกคลิกกันเวลาที่ได้ร้องเพลงด้วยกันค่ะ” นอกจากนี้เมื่อรู้ว่าจะต้องรับบทร็อกสตาร์ แบรดลีย์เห็นภาพทันทีว่าเขาควรจะศึกษาลุค บุคลิก ท่าทาง และวิถีร็อกสตาร์ได้จากใคร “ผมนึกถึงเอ็ดดี้ เวดเดอร์ นักร้องนำวง Pearl Jam ผมเลยตัดสินใจบินไปใช้เวลากับเขาราว 4-5 วันที่ซีแอตเทิล และถามคำถามเขาราว 9,000 คำถามเห็นจะได้ (หัวเราะ) และเขาก็แชร์เรื่องราวต่างๆ และเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่มีแต่ศิลปินเท่านั้นที่รู้ให้ผมฟัง รวมทั้งการรับมือกับความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเองด้วย เขาเยี่ยมมากๆ”
What Bradley Wants to Say with His Version
นักแสดงและผู้กำกับลูกหนึ่งอย่างแบรดลีย์เปิดใจถึงสิ่งที่เขาอยากให้ผู้ชมได้รับกลับไปหลังจากดูหนังเรื่องนี้ “ตอนทำหนังเรื่องนี้ ผมรู้ดีว่าผมอยากเล่าเรื่องราวความรักเรื่องหนึ่ง อยากเล่าว่าการมีความรักของคน 2 คนมันยากแค่ไหน แม้ว่าคน 2 คนนั้นจะรักกัน และไม่ได้มีเรื่องนอกใจเข้ามาเกี่ยวข้องเลยก็ตาม ทั้งคู่อุทิศตัวให้กันและกันอย่างแท้จริง แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ทำไมการมีความรักมันถึงได้ยากนักล่ะ อีกข้อหนึ่งคือผมรักเสียงดนตรีและคิดว่าวิธีสื่อความรู้สึกที่เรียลที่สุดคือการสื่อผ่านดนตรีและเสียงร้องของเรา เพราะคุณไม่สามารถซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้แน่ๆ ผมคิดว่าการเล่าเรื่องราวความรักและอารมณ์ความรู้สึกผ่านเสียงดนตรีเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก”
[Photo Credit: Instagram/ ladygaga]
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments