
Anantara Dhigu Maldives Resort คือสวรรค์กลางลากูนแห่งมัลดีฟส์ที่แท้จริง เพราะอย่างที่รู้กันว่าหมู่เกาะมัลดีฟส์ มีรีสอร์ทสุดหรูให้เลือกมากมายในสไตล์ที่แตกต่างกัน บางเกาะตั้งอยู่ห่างไกลคือต้องใช้เครื่องบินภายในประเทศเพื่อเดินทางไปถึง ข้อดีคือคุณจะได้เห็นภูมิประเทศคล้ายไข่ดาวทะเลของมัลดีฟส์ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและเวลาที่เสียไป ในขณะที่รีสอร์ทใกล้เมืองหลวง คุณจะได้สัมผัสน้ำทะเลสีฟ้าใสไม่ต่างกัน ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่า และวิวทิวทัศน์ในพื้นราบก็ไม่ได้แตกต่างจากเกาะที่ห่างไกลเลย แต่สำหรับ Anantara Dhigu Maldives มีจุดเด่นคืออยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียง 25 นาทีเท่านั้น แต่ก็ยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและเงียบสงบ
คำแนะนำสำหรับการเลือกเที่ยวบินสู่มัลดีฟส์คือควรเลือกเวลาไปถึงใกล้ๆ เที่ยงวันเผื่อเวลาสำหรับการเช็คอินเข้ารีสอร์ท เพราะเอาเข้าจริงเมืองหลวงอย่างมาเล่ก็อาจจะไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจให้เราเดินเล่นฆ่าเวลามากนัก ครั้งนี้เราเลือกไปกับสายการบิน Bangkok Airways มีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพตอน 09.20 น. ถึงมัลดีฟส์ตอน 11.45น ใช้เวลาไปถึงรีสอร์ทอีกนิดหน่อยก็เช็คอินเข้าพักได้พอดี
อีกอย่างเป็นไฟล์ที่ไม่เช้าเกินไปถึงสนามบินสัก 07.00 น. มีเวลาเอ็นจอยกับของอร่อยในเลาจน์ของการสายการบินแบบกำลังดี ส่วนใครที่ถือบัตรพรีเมียร์ฟลายเออร์โบนัสหรือบินในชั้นบิสเนสก็มีสิทธิ์เข้าเลาจน์บลูริบบอนคลับที่มีเก้าอี้นวด ห้องอาบน้ำส่วนตัวเสิร์ฟอาหารอุ่นร้อนรสอร่อยอย่าง ข้าวต้มบะกุ๊ดเต๋ บะหมี่ เกี๊ยวกุ้ง ฯลฯ และแน่นอนที่พลาดไม่ได้คือข้าวต้มมัด และนำ้ใบข้าว บอกได้เลยว่ากินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่นี่
Anantara Dhigu Maldives ตั้งอยู่ที่เกาะดิกูฟิโนลู ทางตอนใต้ของหมู่เกาะมาเล่ อะทอล (the South Male Atoll) ใช้เวลาเดินทางด้วยสปีดโบ๊ทเพียง 25 นาทีก็ถึงรีสอร์ท ความโดดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือมีเกาะถึง 3 เกาะที่เดินทางถึงกันได้ด้วยเรือข้ามฟาก
ซึ่งอีก 2 เกาะก็เป็นรีสอร์ทในเครือ Anantara คือ Anantara Veli รีสอร์ทสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น และ Naladhu รีสอร์ทอารมณ์เกาะส่วนตัวมีวิลล่าเพียง 20 หลัง โดยทั้ง 3 แห่งสามารถใช้บริการร้านอาหารและสปาร่วมกันได้
ข้อดีอีกอย่างของการเป็นหมู่เกาะก็คือแต่ละเกาะจะบังคลื่นลมทำให้ลากูนตรงกลางเป็นท้องน้ำที่เงียบสงบ ในขณะที่ชายฝั่งของเกาะ Naladhu เป็นทะเลเปิดจึงเหมาะมากสำหรับนักเซิร์ฟที่อยากลองกีฬาเอ็กสตรีม
ความประทับใจแรกเมื่อก้าวถึง Anantara Dhigu Maldives Resort ก็คือการต้อนรับโดยพนักงานที่ออกมาลั่นกลองในแบบมัลดีฟส์พร้อมเวลคัมดริ้งเย็นๆ ก่อนเข้าไปเช็คอินในห้องพักที่มีให้เลือกถึง 9 ประเภท
ที่เด่นๆ ก็คือห้องแบบ Sunrise Beach Villa และ Sunset Beach Villa วิลล่าริมชายหาดที่มีให้ทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน ของประดับตกแต่งสีเทอร์ควอยส์ให้อารมณ์ทะเล พร้อมห้องอาบน้ำแบบเปิดโล่ง เรนเชาว์เวอร์ และอ่างอาบน้ำแบบเทอร์ราซโซขนาดใหญ่ จากวิลล่าเพียงไม่กี่ก้าวก็เดินไปถึงชายหาดพร้อมศาลาส่วนตัวให้ดื่มด่ำกับท้องทะเลอย่างเต็มอิ่ม
ส่วนห้องพักแบบ Over Water Suite หรือห้องพักกลางน้ำก็มีให้เลือกทั้งมุมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ตัววิลล่าทำจากไม้สีเข้มกับหลังคาทรงกลมมนตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลดูสะดุดตา ส่วนด้านในใช้ของประดับตกแต่งโทนสีร้อนเพิ่มความสดใส
ที่ระเบีบงมีเดย์เบดและบันไดให้ลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ ไฮไลท์อีกอย่างของห้องแบบ Over Water Suite ก็คือห้องน้ำในส่วนของอ่างอาบน้ำที่วางไว้ตรงกลางห้องอย่างเหมาะเจาะกับวิวลากูนด้านหลังที่ใครเห็นก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้
Anantara Dhigu Maldives Resort มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กราว 12 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมครบครันเช่นฟิตเนส และสนามเทนนิสกลางแจ้ง คุณสามารถเดินเล่นรอบเกาะได้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ดีทางรีสอร์ทมีจักรยานให้ผู้เข้าพักปั่นรอบๆ รีสอร์ทก็ได้
ส่วนกิจกรรมทางน้ำก็มีให้เลือกทั้งการพายแพดเดิลบอร์ดไปรอบๆ เกาะ หรือไปถ่ายภาพบนเปลญวนและชิงช้ากลางลากูนซึ่งถือว่าเป็นซิกเนอเจอร์ของที่นี่เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพายเรือคายักไปปิกนิกบนเกาะเล็กๆ ชื่อ Gulhifushi ที่เป็นเหมือนบีชคลับของทางรีสอร์ทพร้อมบริการดำน้ำสน๊อกเกอริ่งสำรวจแนวประการังรอบๆ เกาะอีกด้วย
อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่าที่นี่สามารถใช้บริการห้องอาหารและสปากับอีก 2 รีสอร์ทใกล้ๆ ได้ด้วย ทำให้แขกที่เข้าพักได้ลองอาหารที่หลากหลายเริ่มตั้งแต่บุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่ห้องอาหารฟูชิคาเฟ่ท์ (Fushi Café) ซึ่งตั้งอยู่บนหาดทรายขาวติดกับท่าเรือของรีสอร์ท บริการสเตชั่นปรุงอาหารสดใหม่ และอาหารนานาชาติ ที่ชอบมากก็คือ Egg of The Day เมนูไข่ที่สลับสับเปลี่ยนไปทุกๆวัน รวมถึงขนมแพนเค้กอร่อยๆ ที่ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน
ส่วนห้องอาหารซี. ไฟร์. ซอลท์. (Sea. Fire. Salt.) ตั้งอยู่อีกด้านของเกาะ เป็นห้องอาหารที่มีระเบียงไม้กว้างตั้งอยู่เหนือน้ำทะเล เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ พร้อมเนื้อนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ที่เด่นมากๆ ก็คือที่นี่มีเกลือหลากหลายชนิด พร้อมท์กูรู คอยให้คำแนะนำในการจับคู่เกลือให้เข้ากับอาหาร
ส่วนใครที่อยากทานอาหารแบบง่ายๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ต้องไปที่ อควา (Aqua) บาร์สุดเก๋บนเกาะตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้พูลริมมหาสมุทรอินเดีย ให้ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินแบบชิลล์สุดๆ
เมื่อข้ามไปที่ Anantara Veli ก็จะได้พบกับห้องอาหาร 73 ดีกรี (73 Degrees) เป็นอาคารศาลาโดยเสิร์ฟทั้งอาหารเช้า และมื้อค่ำในแบบกึ่งบุฟเฟต์ ในช่วงที่เราเดินทางไปเป็นช่วงลอยกระทงพอดีทางรีอสอร์ทจึงจัดกิจกรรมลอยกระทงน่ารักๆ ที่ห้องอาหารนี้ให้สมกับเป็นเครือโรงแรมสัญชาติไทย
ส่วนแฟนอาหารญี่ปุ่นต้องไปที่ห้องอาหารญี่ปุ่นโอริกามิ (Origami) ให้บริการอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย และในบางคืนก็มีการจัดบุฟเฟ่ต์ซึ่งมีอาหารญี่ปุ่นนานาชนิดมาเสิร์ฟให้แบบไม่อั้น
ปิดท้ายที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ประจำเกาะเลยก็ว่าได้คือห้องอาหารไทยบ้านฮูรา (Baan Huraa) เป็นเรือนไทยไม้สักที่ตั้งอยู่กลางลากูนเหนือแนวปะการัง ใช้การเดินทางด้วยเรือไม้ท้องถิ่นในสไตล์มัลดีเวี่ยนเพื่อไปถึง
ที่นี่เสิร์ฟอาหารไทยต้นตำรับจากหลากหลายภาค บริการโดยพนักงานชาวไทย มั่นใจได้ว่ารสชาติจัดจ้านแบบไทยแท้แน่นอน เราติดใจ Catch of The Day ของที่นี่ คือการนำปลาท้องถิ่นที่จับได้ในแต่ละวันการันตรีว่าสดจริงมาปรุงเป็นอาหารไทยรสชาติถูกปาก ช่วยบรรเทาความคิดถึงเมืองไทยได้มากทีเดียว
ใครมาเที่ยวมัลดีฟส์ก็คงอยากชิลล์ให้ถึงขีดสุด เราขอแนะนำให้ลองใช้บริการ Anantara Spa ด้วยเทคนิคการนวดผสมผสานศาตร์แบบตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน ที่พิเศษยิ่งกว่าคือตัวสปาตั้งอยู่บนวิลล่ากลางน้ำจำนวน 6 ห้องกับวิวมหาสมุทรอินเดีย
นอกจากนี้ยังมีศาลาเปิดโล่งสำหรับนวดไทยอีก 2 หลัง ทำสปาเสร็จแล้วยังได้เอ็นจอยกับ Relaxation Deck ริมทะเล พร้อมจากุซซี่ให้ได้ลงไปแช่ผ่อนคลายได้แบบไม่จำกัดเวลา แนะนำให้จองสปาในช่วงบ่ายแก่ๆ คุณจะได้เอ็นจอยกับแสงพระอาทิตย์ยามเย็นที่ Relaxation Deck อย่างพอดิบพอดี
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมที่อยากแนะนำคือ การดำน้ำกับปลาฉลาม! โดยการนั่งเรืออกจากเกาะไปประมาณ 45 นาที คุณก็จะได้พบกับฝูงฉลาม แต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะเป็นฉลามสายพันธ์ุที่ไม่ทำร้ายคน ถ้าคุณโชคดีมันก็แค่ว่ายน้ำเอาจมูกมาชนเท่านั้นเอง
หลังจากที่ได้ไปสำรวจ Anantara Dhigu Maldives Resort สิ่งที่รู้สึกได้เลยก็คือความสุขสงบอบอุ่น สัมผัสได้ถึงบริการที่ดีแบบไทย ในวิวทิวทัศน์และบรรยากาศระดับโลก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่สร้างความประทับใจแบบนี้ Anantara Dhigu Maldives Resor คือคำตอบ โทร: +960 664 4100 Email: dhigumaldives@anantara.com และ dhigu-maldives.anantara.com
Travel info
สายการบินบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินตรงเส้นทางกรุงเทพฯ – มัลดีฟส์ ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน ผู้โดยสารทุกท่าน สามารถใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารบูทีคเลาจน์ ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สำหรับผู้โดยสารชั้นบลูริบบอนคลาส (ชั้นธุรกิจ) รวมไปถึงผู้โดยสารที่ถือบัตรฟลายเออร์โบนัสระดับพรีเมียร์ ทางสายการบินฯ จัดห้องรับรองผู้โดยสารบลูริบบอนคลับเพิ่มบริการพิเศษ อย่างห้องสมุดส่วนตัวที่สามารถใช้เป็นห้องประชุมขนาดเล็กได้ เก้าอี้นวดที่ช่วยผ่อนคลายและห้องอาบน้ำส่วนตัว ที่นั่งชั้นชั้นธุรกิจ แต่ละที่นั่จะได้รับ ไอแพดส่วนตัวเพื่อรับชมความบันเทิงตามความต้องการ โดยมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 47 นิ้ว และกว้าง 28 นิ้ว และมีบริการเมนูพิเศษ รวมถึงเครื่องดื่มที่หลากหลาย นอกจากนี้ ผู้โดยสารชั้นชั้นธุรกิจยังได้รับสิทธิพิเศษ อาทิเช่น เช็คอินด้วยความสะดวกรวดเร็ว ณ บลูริบบอนคลาส เช็คอินเคาน์เตอร์ พร้อมน้ำหนักสัมภาระ 30 กิโลกรัมต่อท่าน พร้อมสิทธิในการรับกระเป๋าก่อน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ www.bangkokair.com หรือ Call Center โทร.1771
ติดตามความเคลื่อนไหวของ OK! Magazine Thailand ได้ที่…
Website : www.okmagazine-thai.com
Instagram : @okmagazinethailand
Facebook : @okmagthailand
Twitter : @okthailand
Comments
comments