
ใครว่าเที่ยวนครวัดต้องเที่ยวแบบลุยๆ ครั้งนี้ OK! มีโปรโมชั่นโรงแรมสุดหรูอย่าง เลอ เมอริเดียน อังกอร์ที่คุณจะพาครอบครัวไปเที่ยวอย่างสบายๆ ติดตามโปรโมชั่นที่น่าสนใจได้ตอนท้ายเรื่องได้เลย
เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวใหญ่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแวดวงโบราณคดีนั่นคือการค้นพบอาณาจักรเขมรโบราณที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในยุคเดียวกันโดยมีขนาดเท่ากับกรุงพนมเปญในปัจจุบัน ซึ่งนั่นคือยุคก่อนที่จะสร้างนครวัดเสียด้วยซ้ำ เอาเข้าจริงแค่นครวัดเองก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนรุ่นหลัง ถึงขนาดที่นักโบราณคดีชาวอังกฤษอย่างอาร์โนลด์ ทอยน์บีเคยกล่าวไว้ว่า “See Angor Wat and die” นั่นทำให้นักเดินทางทั่วโลกต่างบรรจุนครวัดเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
ทุกวันนี้การเดินทางสู่นครวัดอาจไม่ได้ยากลำบากเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้มีโรงแรมระดับ 5 ดาวเปิดให้บริการเพื่อต่อเติมความฝันของเหล่านักผจญภัยผู้ต้องการสัมผัสความยิ่งใหญ่ของมหานครแห่งอดีต แต่ก็ไม่อาจละทิ้งความสะดวกสบายของชีวิตปัจจุบัน หนึ่งในนั้นคือโรงแรม เลอ เมอริเดียน อังกอร์ที่มีความโดดเด่นตรงที่การผสมผสานวัฒนธรรมยุโรปเข้ากับเขมรโบราณในการตกแต่ง และเลือกใช้วัสดุที่ทำจากไม้ เซรามิคและหินเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้ได้กลิ่นอายความเป็นเขมรที่ดูร่วมสมัยขึ้น มีห้องพักถึง 213 ห้องและห้องสวีทอีก 9 ห้อง ที่สำคัญที่นี่คือโรงแรม 5 ดาวที่ใกล้กับนครวัดมากที่สุด นั่นคือห่างเพียง 5 กิโลเมตร ห่างจากนครธมเพียง 8 กิโลเมตร และห่างจากปราสาทตาพรหมเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
ด้วยระยะทางที่ใกล้มากอย่างนี้ทำให้โปรแกรมแรกของการมาเยือนความยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างการตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดตอนเช้าตรู่ดูไม่ใช่เรื่องยากเย็นจนเกินไป หลังจากซื้อบัตรเข้าชมแบบ One-day pass ในราคา 20 เหรียญ เราก็ก้าวเข้าสู่นครวัด เหมือนการเดินทางย้อนอดีตนับพันปี
ปราสาทหินแห่งนี้เป็นเทวสถานประจำพระองค์ของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สร้างตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 12 ลองนับดูก็รุ่นราวคราวเดียวกับมหาวิหารมหาวิหารน็อทร์-ดามของฝรั่งเศสแต่ความขรึมขลังนั้นต่างกันมาก ว่ากันว่านครวัดคือสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมรในยุครุ่งเรือง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตรใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้ช้างกว่า 40,000 เชือก และใช้ช่างฝีมือในการเแกะสลักถึง 5,000 คน ที่ไม่ได้มีแค่ฝีมือแต่ยังเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เห็นได้จากเสื้อผ้าและทรงผมของนางอัปสรา 1,636 นางที่ไม่ซ้ำกันเลย บางนางต้องบอกว่าเปรี้ยวกว่านักร้องสาวฮิปฮอปอย่างนิกกี้ มินาจเสียด้วยซ้ำ
ความลี้ลับของนครวัดเป็นที่โจษจันทั่วโลกจากบันทึกของอองรี มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศสที่พูดถึงนครร้างที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า หากแต่ความเป็นจริงนครวัดไม่เคยไร้ผู้คน จากศาสนสถานที่ถวายแด่พระวิษณุก็เปลี่ยนเป็นวัดในพุทธศาสนา เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะเห็นร่องรอยของทั้งศาสนาฮินดูและพุทธผสมปนเปกันไป ที่ไม่ควรพลาดคือภาพนูนต่ำที่ยาวที่สุดในโลกบริเวณระเบียงคดว่าด้วยเรื่องราวของสงครามในยุคนั้นเรื่องรามเกียรติ์
ต่อกันที่นครธม เมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรขะแมร์ สร้างขั้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กินอาณาเขตครอบคลุมกว่า 9 ตารางกิโลเมตร น่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่สะพานที่กำลังพาเราเข้าไปสู่ซุ้มประตู ทั้งสองฝั่งของสะพานว่าด้วยเรื่องราวการของฝ่ายอสูรและเทวดาที่พร้อมใจกันดึงนาคเพื่อกวนเกษียรสมุทรเพื่อน้ำอมฤต ไกด์เล่าให้ฟังว่าพิธีกรรมนี้เองที่ทำให้เกิดนางอัปสรานัยว่าสาวที่เกิดจากพิธีศักดิ์สิทธิ์คือโบนัสที่ทำให้เหล่ายักษ์และเทวดามีเรี่ยวแรงประกอบพิธีนี้
ปราสาทที่โดดเด่นมากของท่ีนี่ได้แก่ ปราสาทบายน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของนครธมสร้างขึ้นหลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงได้ชัยชนะจากการขับไล่กองทัพพวกจาม ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนานิกายมหายานพระองค์จึงสร้างปราสาทที่มียอดพระปรางค์เป็นรูปพระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 216 หน้า บ้างก็ว่านี่คือใบหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7เองที่หันไปทั้ง 4 ทิศเป็นการดูแลทุกข์สุขของประชาชนบริเวณระเบียงคต
นอกจากนี้มีรูปสลักนูนต่ำเล่าเรื่องการเดินทัพของขอมเพื่อขับไล่กองทัพจาม ภาพเหล่านี้ยังสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้น เราได้เห็นคนจูงหมู อุ้มเต่า หรือบางคนก่อไฟย่างปลา พร้อมทั้งการสู้รบในสมรภูมิฉายภาพโหดๆ อย่างทหารตกน้ำแล้วถูกจรเข้ในโตนเลสาปคาบไปกิน การเดินหาภาพเหล่านี้บริเวณคตก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทำสนุกๆ เมื่อไปเยือนปราสาทบายน
อีกหนึ่งปราสาทแสนคลาสสิคในจังหวัดเสียมเรียบก็คือปราสาทตาพรหม ที่เชื่อกันว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระมารดา เสน่ห์ของที่นี่ก็คือบนยอดปราสาทแทบทุกหลังจะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมอยู่ ดูลึกลับน่าค้นหาจนกลายเป็นฉากหลังของภาพยนตร์อย่าง Indiana Jones และ Tomb Raider มาแล้ว
แม้จะไม่ค่อยหลงเหลือศิลปะให้ชื่นชมเพราะถูกทำลายไปมากในยุคที่กษัตริย์ต่างศาสนาเข้ามาปกครอง แต่ด้วยความแปลกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ทำให้ตาพรหมเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มักมาถ่ายภาพกับรากของต้นสะปงที่เลื้อยคลุมตัวปราสาท ว่ากันว่ารากไม้เหล่านี้มีความสำคัญมากในการยึดเกาะให้ปราสาทคงสภาพไว้ถึงปัจจุบัน ซึ่งบางต้นมีอายุถึง 300 ปีทีเดียว
และมาถึงปราสาทสุดท้ายที่ OK! มีโอกาสได้ไปเยือนนั่นก็คือปราสาทบันทายศรี ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่อ้อนช้อยและงดงามที่สุดจนเชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งสตรี หรือป้อมสตรี สลักเสลาด้วยภาพนูนต่ำที่เหมือนลอยออกจากหินสีชมพู ยังคงคมชัดเหมือนเพิ่งเสร็จใหม่ๆแม้เวลาจะผ่านมานับพันปีแล้วก็ตาม
จุดที่ไม่ควรพลาดชมนั่นก็คือซุ้มประตูทางเข้า จำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณลวดลายมีความละเอียดสวยงามมาก ซุ้มทางซ้ายมือ จำหลักภาพพระอิศวรทรงโค มีพระอุมาเทวีประทับด้านซ้ายมือ และซุ้มทางขวามือ มีรูปพระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์
หลังจากดื่มด่ำกับอารยธรรมโบราณของเขมรแล้ว ยามค่ำคืนอยากให้ลองไปสัมผัสชีวิตกลางคืนฉบับเสียมเรียบกันที่ Pub Street ซึ่งห่างจากโรงแรม เลอ เมอริเดียน อังกอร์ แค่ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ก็ถือเป็นการปิดท้ายทริปการดินทางอย่างสมบูรณ์
โรงแรม เลอ เมอริเดียน อังกอร์ จองห้องพักได้ที่ โทร: +855 63 963 900 Email: reservations.angkor@lemeridien.com หรือ lemeridienangkor.com พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ พาครอบครัวมาเที่ยวชมความยิ่งใหญ่นครวัด ด้วยราคาแพ็คเกจพิเศษ เริ่มต้นเพียง USD125+++ ต่อห้องต่อคืน(สงวนสิทธิ์สำหรับการจองห้องพักอย่างน้อย 2 คืนติดต่อกัน) รวมรถรับ-ส่งถึงโรงแรม, อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน, เตียงเสริมสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี, เครื่องดื่มต้อนรับหรือเบียร์ท้องถิ่น, เช็คเอาท์ได้ถึง 4 โมงเย็น, ฟรีซิมการ์ด, ส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหารและเครื่องเดื่มในร้านอาหารรวมทั้งรูมเซอร์วิสและมินิบาร์, ส่วนลด 20% สำหรับสปาทรีทเมนต์ และส่วนลด 15% เมื่อซื้อสินค้าของเลอ เมอริเดียนในบูติคของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 ธันวาคม 2559
Comments
comments