ชีวิตของ แบงค์ พบเอก พรพงเมตตาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเพจชื่อดังแชร์ภาพของเขาในฐานะผู้ประกาศข่าวหน้าหล่อประจำช่อง Mono29 ทำให้มียอดผู้ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียของแบงค์เพิ่มขึ้นด้วยหลักหลายพันในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นผู้ประกาศข่าวที่คนอยากรู้จักมากที่สุด แต่ถ้ามองให้ทะลุรูปกายภายนอกเข้าไปถึงวิธีคิด ผู้ชายคนนี้มีอะไรดีกว่าที่คิด ว่าแล้ว OK! ไม่พลาดที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเขาให้มากยิ่งขึ้น
ช่วยแนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อย
ผมแบงค์-พบเอก พรพงเมตตา เรียนมัธยมที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แล้วก็ไปๆ เรียนแลกเปลี่ยนของ AYC ที่สหรัฐ 10 เดือน จากนั้นก็กลับมาเมืองไทยเรียนต่อที่วิทยาลัยนานาชาติมหิดล เรียนด้านอินเตอร์เนชั่นแนลบิสเนส หรือบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ เสร็ปปุ๊ป ตอนปี 4 ก็ได้ทุนไปอังกฤษ ได้ไปที่อ๊อกฟอร์ดบรูกตอนปี 4 ก็ไปที่นั่น 6 เดือน แล้วก็กลับมาครับ
ความจริงเป็นเด็กเรียนไหม
ไม่เลยครับ เป็นเด็กหลังห้องมากๆ แต่ที่เล่ามาว่าไปเรียนแลกเปลี่ยนอะไรต่างๆ ก็เพราะเป็นคนชอบเที่ยวมาตั้งแต่มัธยม ไม่ชอบอยู่ในห้องเรียน แล้วก็เบื่อสิ่งแวดล้อมในเมืองไทย อยากไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง เพราะอย่างกรุงเทพคริสเตียนเราก็เรียนที่เดิมมาตั้งแต่ ป.1 ตอนแรกก็สมัครของ AFS พอทีนี้เขาจะแยกรอบสัมภาษณ์ วันนั้นผมจำวันผิดเลยไม่ได้ไป ก็เสียใจมาก เลยไปหาทุนใหม่ สุดท้ายก็ได้ของ AYC
ได้ประสบการณ์อะไรกลับมาบ้าง
เยอะมากเลยครับ มันทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถ้าอยู่เมืองไทยอย่างน้อยพ่อแม่ก็ต้องดูแล แต่พอไปที่นั่นเราต้องดูแลตัวเอง ต้องฝึกความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทั้งการดูแลตัวเอง การดิวกับคน การเข้าสังคม ซึ่งมันก็จะแตกต่างกันไป เพราะวัฒนธรรมของเขาก็ไม่เหมือนที่เมืองไทยด้วย
เพราะอะไรถึงเลือกทำงานข่าว
คือพยายามหาตัวเองตั้งแต่ตอนเรียน เพราะเรียนธุรกิจระหว่างประเทศมันกว้างมาก ก็มานั่งคิดว่าจบมาทำอะไรดีนะ ก็เริ่มหาตัวเองมาตั้งแต่ปี 2 เริ่มไปสมัครเป็นโบรกเกอร์ตลาดหุ้น ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ให้ไปนะครับ แต่อยากลองเอง พอทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่อิน เราตื่นมาแล้วไม่ได้อยากไปทำงาน เลยรู้ว่ามันไม่ใช่ จากนั้นก็หาโอกาสมาเรื่อยๆ พอดีว่ามีรุ่นพี่ทำงานอยู่ที่ Radio Thailand เรารู้สึกว่ามันเจ๋ง อยากทำแบบนั้นบ้าง
อยากเป็นผู้ประกาศข่าวตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า
ความจริงอยากเป็นผู้ประกาศข่าวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่รู้สึกว่ามันห่างไกลมากๆ คือยุคนั้นช่องทีวีน้อยมาก และรายการข่าวก็น้อย มีพื้นที่จำกัดมาก การจะเข้าไปมันยาก ทีนี้พออยู่ปี 3 เพื่อนผมมีพี่สาวเป็นโปรดิวเซอร์ ที่ Newsline ช่อง 11 ก็เลยถามเขาว่าพอจะเปิดรับเด็กฝึกงานไหม อยากไปฝึก ก็เลยได้ไปฝึกงาน ซึ่งผมว่าดีมาก เพราะได้ฝึกหมดเลย เริ่มตั้งแต่เขียนข่าว แปลข่าว เพราะเป็นข่าวภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกอินกับงานนี้ ตื่นมาแล้วตื่นเต้นว่าวันนี้จะมีข่าวอะไร
ได้ลงพื้นที่ข่าวด้วยไหม
ตอนนั้นได้ลงพื้นที่ข่าวเยอะมากเลยครับ เพราะทำข่าวเกี่ยวกับอาเซียนแต่ว่าเราก็จะเป็นมุมของไทย ตอนนั้นจะเป็นช่วง AEC พอดี ก็ได้ไปตามสถานที่ต่างๆ ไปตามสนามบิน กระทรวงต่างๆ ว่าเขาปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง เขาพูดอะไรกันบ้าง
เริ่มเข้ามาทำงานที่ช่อง Mono29 ได้อย่างไร
พอเรียนจบทำงานมาสักพัก มีรุ่นพี่แนะนำว่าดิจิตอลทีวีกำลังจะเปิดนะ ก็เป็นโอกาสพอดี ก่อนหน้านี้ผมทำงานประจำด้านประชาสัมพันธ์ พอดีคุณพ่อประสบอุบัติเหตุก็เลยต้องกลับไปดูแลธุรกิจที่บ้าน พอท่านเริ่มฟื้นตัว จังหวะมันได้พอดี พอรุ่นพี่เขาทักมาก็เลยมาออดิชั่น จนได้มาทำ Midnight Report เป็นครั้งแรกทางช่อง Mono29 ครับ
จำได้ว่าตอนปี 2016 ก็มีคนพูดถึงแบงค์มาแล้ว
ตอนนั้นคือเขาเอาภาพในไอจีของผมไปแชร์กัน ตอนนั้นทำรายการข่าวต่างประเทศตอนดึก ซึ่งคนดูก็เฉพาะกลุ่มมาก พอมีคนแชร์ออกไป ก็มีการแชร์ต่อๆ ไปเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่เท่ากับครั้งล่าสุดที่กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียมากทีเดียว หลังจากนั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
เปลี่ยนแปลงมากๆ คือเรื่องของฟอลโลเวอร์ที่เพิ่มขึ้นมาหลายพันคนเหมือนกัน ตอนนั้นกำลังจะนอนพอดี เราก็หยิบมือถือขึ้นมา เห็นเพื่อนแท็กเราเข้าไปในเพจที่โพสเรื่องของเรา ก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเข้าไปดูก็เลยเข้าไปโพสต์ขอบคุณ ตอนนั้นยอดไลค์มันขึ้นเยอะมาก แถบ Notifications ขึ้นเต็มหน้าจอเลย จากนั้นคนก็รู้จักเรามากขึ้น แล้วประกอบกับช่วงนี้เพิ่งจะมีรายการใหม่ชื่อเรื่องเด่นประเด็นดังที่เพิ่งได้ทำปีนี้เลย ก็เลยทำให้คนรู้ว่าไม่ได้อ่านกลางคืนแล้วนะ ตอนนี้เขามาอ่านตอนเย็นแล้ว แล้วบางคนที่เคยดูเรา บางคนเคยดูข่าวเช้า แต่ไม่เคยดูข่าวเย็นก็เริ่มมาดู
ตอนนั้นกำลังจะนอนพอดี เราก็หยิบมือถือขึ้นมาเห็นเพื่อนแท็กเราเข้าไปในเพจที่โพสเรื่องของเรา ก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเข้าไปดูก็เลยเข้าไปโพสต์ขอบคุณ ตอนนั้นยอดไลค์มันขึ้นเยอะมาก แถบ Notifications ขึ้นเต็มหน้าจอเลย
การทำข่าวครั้งไหนที่เรารู้สึกภูมิใจ
จริงๆมีหลายข่าวมาก เพราะที่ Mono29 ไม่ได้ให้นั่งโต๊ะอ่านข่าวอย่างเดียว เขาก็ให้ลงพื้นที่ไปทำข่าวตามงานต่างๆ ด้วย ก็ได้ไปงานค่อนข้างเยอะ แต่ว่าอย่างที่ลงไปจริงๆ และนานๆ ทีเลยก็คือที่เนปาล ตอนนั้นเป็นช่วงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แล้วเป็นช่วงวันเกิดของผมพอดีเลย ก็บินไปดูเลยที่กาฐมาณฑุ
ปกติสนใจทำข่าวไหนประเภทไหนเป็นพิเศษ
ข่าวต่างประเทศเนี่ยผมค่อนข้าง OK! อยู่แล้ว เพราะผมมาจากทางนั้น แต่พอมาทำรายการเรื่องเด่นประเด็นดัง มากขึ้น ก็เริ่มจะอินเรื่องข่าวสังคม-การเมืองในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ช่วงนี้เวลาเล่าข่าวก็จะสนุก จะอินกับมันมากขึ้น เรื่องที่เป็นกระแสที่คนสนใจเราก็อยากจะเป็นคนหาคำตอบมาให้คนดู อย่างหลายคดีมันมีปม มันมีเงื่อนงำเหลือเกิน เราก็พยายามทำให้คนดูได้กระจ่าง โดยที่ไม่ได้นำเสนอข่าวเกินเลย ผมชอบเรื่องสังคม เรื่องที่ทำให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ เป็นข่าวที่เมื่อรายงานไปแล้วทำให้สังคมตระหนักมากขึ้น แล้วมีการผลักดันแก้ไข ทำให้สังคมไทยดีขึ้น อันนั้นจะสนใจ
คิดว่าทุกวันนี้แวดวงสื่อมวลชนเปลี่ยนไปแค่ไหน และคิดว่าสั่นคลอนไหมในวันที่ทุกคนเป็นสื่อได้ด้วยตัวเอง
สั่นคลอนไหม ผมว่าไม่นะ มันจะเป็นข้อดีด้วยซ้ำเพราะตอนนี้ข้อมูลข่าวสารมันมาเร็วมาก บางทีผู้สื่อข่าวยังรู้ช้ากว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะบางทีคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เขารู้จากทวิตของเพื่อนเขาแล้ว แต่มันก็มาพร้อมกับข้อเสียคือข่าวปลอมต่างๆ ภาพตัดต่อต่างๆ เพราฉะนั้น ผมว่าสื่อมวลชนยังไงก็สำคัญในฐานะที่ต้องกรองข่าวให้คนอื่น คุณอาจจะเห็นในโลกออนไลน์มาก็จริงๆ แต่เราจะสรุปให้ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ ข้อมูลคลาดเคลื่อนมากน้อยแค่ไหน
ผมว่าสื่อมวลชนยังไงก็สำคัญในฐานะที่ต้องกรองข่าว ให้คนอื่น คุณอาจจะเห็นในโลกออนไลน์มาก็จริงๆ แต่เราจะสรุปให้ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ ข้อมูลคลาดเคลื่อนมากน้อยแค่ไหน
สื่อยุคปัจจุบันควรปรับตัวยังไงบ้าง
อย่างแรกเลยต้องเรียนรู้เทคโนโลยี เพราะคนที่เป็นสื่อ เป็นผู้ใหญ่ที่เริ่มทำงานแล้ว แต่เด็กรุ่นใหม่มีหลายอย่างที่เขาเก่งกว่าเราเยอะ แล้วการที่เขาทำเป็นแล้ว เขาก็รู้สึกว่าสื่อแน่ขนาดไหน ทำได้มากขนาดไหน ในฐานะคนทำสื่อเราก็ต้องใช้ความรู้ที่มีประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้มันเท่าทันกับเทคโนโลยีที่มันมาเพิ่ม
ถ้านอกเวลางานแบงค์เป็นคนยังไง
จริงๆ เป็นคนสบายๆ เป็นคนชอบความชิลล์ ชอบนอนอยู่บ้าน ชอบเล่นเกม ถ้าคนรู้ก็จะแปลกใจว่าตัวจริงเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย วันหยุดถ้ามีเวลาว่างจริงๆ ก็อยากอยู่บ้านเฉยๆ เล่นเกม สั่งแกรบมากินครับ อีกอย่างคือผมเป็นคนขี้อายมากครับ เวลาคุยกับคนอื่นจะเขินๆ จะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มคุยยังไง ซึ่งก็ขัดกับการทำงานผู้ประกาศข่าว พอมาถึงตรงนี้เราก็ต้องปรับตัว เลยมานั่งคิดว่าการเป็นผู้ประกาศข่าว มันก็เป็นเหมือนการสวมบทบาทว่าเราอยากจะมาเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง ก็จะแตกต่างจากการที่เจอคนแปลกหน้า เราจะคุยอะไรกับเขาดี เขาจะรู้จักเรามาก่อนหรือเปล่านะ มันจะมีอารมณ์ประมาณนี้
กิจกรรมอะไรที่ชอบทำเป็นพิเศษ
ผมจะค่อนข้างเป็นเป็ด ชอบทำหลายอย่าง ยิงปืน วาดรูป ระบายสี ชอบทำอย่างละเล็กอย่างละน้อย อันนี้อาจจะมาจากการสอนของคุณแม่ด้วย คือคุณแม่บอกว่าทำเป็นทุกอย่างแหละดี เพราะเวลาไปไหนเราจะได้เข้ากับสังคมและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายขึ้น
ถ้าไม่เจอแบงค์ที่ช่อง Mono29 จะเจอแบงค์ที่ไหน
ช่วงนี้ทำงาน 7 วันเลยครับ ถ้าไม่ได้เจอที่ช่อง ก็อาจจะเจอที่โรงเรียนสอนภาษา เพราะเปิดโรงเรียนและเป็นอาจารย์สอนด้วยที่โรงเรียน The Linguists เป็นโรงเรียนที่ผมทำกับแฟนอยู่ เพราะว่าแฟนก็เรียนเรื่องภาษาศาสตร์ที่มหิดล แล้วไปเรียนอังกฤษ แล้วมาเรียนจิตวิทยาเด็กต่อ เขาก็จะโฟกัสทางด้านนั้นเลย ตอนนี้สอนเด็กอนุบาล ส่วนอีกที่หนึ่งก็เป็นที่มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นอาจารย์พิเศษสอนเรื่องการรู้เท่าทันสื่อ เพิ่งเริ่มเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
เล่าเรื่องแฟนให้ฟังหน่อย
กับแฟนคบกับมาหลายปีแล้วครับ ดีที่แฟนบ้างานเหมือนกัน เขาเป็นคนที่เข้าใจดีมาก ถ้าบอกว่าเราทำงานอยู่นะ เขาก็จะเข้าใจเลย ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีการงอแงใส่กัน ไม่เคยทะเลาะเรื่องไม่มีเวลาให้ เขาจะเข้าใจว่างานคืองาน
วางแผนในอนาคตของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง
ตอนนี้เอนจอยกับงานมาก คืออย่างที่บอกไปว่าถ้าเรารู้ว่างานมันใช่ ทุกวันก็อยากจะตื่นขึ้นมาทำงาน พอเราสนุกแบบนี้ก็อยากจะทำงานผู้ประกาศข่าวไปเรื่อยๆ ส่วนเวลาที่เหลือ เพราะว่าผู้ประกาศข่าวจะไม่ตรงกับชาวบ้าน สล๊อตเราก็จะมีเวลาไม่ตรงกัน ซึ่งเวลาว่างเหล่านั้น ผมก็จะไปทำอย่างอื่น อย่างการลงเสียงโฆษณา รวมถึงการสอนเองก็ยังอยากทำ