
ชื่อของคามิลา คาเบโย เป็นที่รู้จักในระดับแมสส์จากการเป็นหนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง Fifth Harmony ที่ฟอร์มวงจากการเข้าร่วมการแข่งขันในรายการประกวดร้องเพลงชื่อดัง The X Factor ซีซั่นที่ 2 ของอเมริกาในปี 2012 ซึ่งตอนนั้นเธออายุเพียง 15 ปี จนกระทั่งปลายปี 2016 นักร้องสาวสวยเซ็กซี่เชื้อสายคิวบา-เม็กซิโกก็ช็อกบรรดาแฟนเพลงทั่วโลก ด้วยการประกาศอำลาจากวงที่จุดพลุแจ้งเกิดเธอ เพื่อสานฝันการเป็นศิลปินด้วยการทำงานเพลงที่แสดงถึงตัวตนของเธออย่างแท้จริง หลังทุ่มเทกับการทำเพลงเพื่อสตูดิโออัลบั้มแรกในชีวิตที่ใช้ชื่ออัลบั้มว่า Camila ด้วยการฟูมฟักราวกับเป็นเบบี๋ และสร้างสรรค์งานเพลงที่คิดว่าใช่และเป็นตัวเองที่สุด
วันนี้คามิลาในวัย 21 ปีกำลังโลดแล่นในวงการดนตรีในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยวดาวรุ่งที่ฮอตที่สุด จากเดบิวต์อัลบั้ม Camila และความสำเร็จอันท่วมท้นจากเพลงสุดฮิตของเธอ โดยเฉพาะ “Havana” เพลงละตินป๊อปจังหวะสนุกและติดหูที่บอกเล่าเรื่องราวความรักและจิตวิญญาณของชาวคิวบา ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน รวมทั้งเพลงล่าสุด “Never Be the Same” เพลงรักที่คามิลาโชว์เสียงร้องสูงปรี๊ด แม้จะฟังแปลกหูไปนิด แต่น้ำเสียงขยี้อารมณ์ก็ตอกย้ำถึงเนื้อเพลงที่เล่าเรื่องราวความรักที่ทำให้เธอเมารักหนักมากราวกับเป็นยาเสพติด นี่ยังไม่นับรวมเพลงดังอื่นๆ ที่เธอเคยปล่อยออกมาในฐานะศิลปินเดี่ยวหรือร่วมงานกับศิลปินดังคนอื่นๆ เช่น “Crying in the Club”, “I Know What You Did Last Summer” (กับชอว์น เมนเดส), “Bad Things” (กับแมชชีน กัน เคลลี่) ฯลฯ
แม้คามิลาจะถูกแอนตี้จากแฟนคลับของ Fifth Harmony บางคน แถมความสัมพันธ์กับ 4 สมาชิกสาวที่เหลือในวงก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เธอได้ตัดสินใจแล้วที่จะเดินบนเส้นทางสายดนตรีในฐานะศิลปินเดี่ยวเต็มตัว มาถึงวันนี้คามิลาได้ก้าวผ่านความกลัว ความไม่มั่นใจ และพิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นว่าเธอเองก็เป็นศิลปินเดี่ยวได้อย่างเต็มภาคภูมิ นักร้องร่างเล็กบอกเราว่าจงกล้าเสี่ยงเพื่อสิ่งที่อยากทำ จงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะชีวิตเรามันสั้นเกินกว่าที่จะมานั่งกลัวกับเรื่องอะไรหลายๆ เรื่อง ชั่วโมงนี้ตำแหน่งศิลปินหญิงเดี่ยวดาวรุ่งจะเป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากเธอคนนี้ คามิลา คาเบโย
ช่วยเล่าถึงเพลงในอัลบั้มของคุณให้เราฟังหน่อยได้ไหม
สำหรับอัลบั้มแรกนี้ฉันใช้ชื่อตัวเองมาตั้งชื่ออัลบั้มว่า Camila เพลงส่วนใหญ่พูดถึงช่วงชีวิต 2-3 ปีที่ผ่านมาของตัวเอง ตอนนั้นจิตใจของฉันย่ำแย่มาก แต่การทำอัลบั้มนี้ช่วยให้ฉันก้าวผ่านความรู้สึกเลวร้ายนั้นมาได้ค่ะ
เพลงสนุกๆ อย่าง “Havana” ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ความสำเร็จของเพลงนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปอย่างไรบ้าง
ที่จริงฉันไม่เคยคิดว่า “Havana” จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้เลย แต่ความสำเร็จของเพลงนี้ก็ช่วยให้ฉันมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนะและทำให้ฉันอยากแต่งเพลงให้มากขึ้น ถ้าคุณเป็นศิลปินเดี่ยวหน้าใหม่ หลายคนมักไม่กล้าทำอะไรที่แตกต่างหรือทำอะไรใหม่ๆ ส่วนใหญ่อยากทำเพลงที่คนนิยมเปิดในวิทยุ หรือติดอยู่กับสูตรสำเร็จกันมากกว่า ตอนแรกเราไม่ได้คิดจะปล่อยเพลง “Havana” ออกมาเป็นซิงเกิลด้วยซ้ำ เพราะยังไม่มีใครเชื่อในพลังของเพลงนี้มากพอ หลายคนกังขาว่าจะดังได้เหรอ บอกว่ามันไม่เวิร์กแน่ พวกเขาบอกว่า “อืม มันก็เป็นเพลงที่ดีนะ แต่ไม่ควรเป็นซิงเกิลที่ปล่อยออกมาจากอัลบั้มหรอก” แต่ฉันกับทีมงานเชื่อมั่นในเพลงนี้มาตลอด ผลปรากฏว่าแฟนเพลงให้การตอบรับดีมาก ฉันเลยรู้สึกว่าที่จริงแล้วเราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยจริงๆ เพราะฉะนั้นอะไรที่เรารัก เราชอบ ก็จงทำไปเถอะ จงทำต่อไปเรื่อยๆ อย่ายอมแพ้ อย่ากลัวที่จะต้องเสี่ยง
แสดงว่านี่คงเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่มีคุณค่าสำหรับคุณ
มีคุณค่ามากๆ เลยล่ะค่ะ มันมอบบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ฉัน สอนให้ฉันทำตามความรู้สึกของตัวเอง เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ เพราะอย่างน้อย เราก็จะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ขึ้นแสดงเพลงนี้ และยิ่งถ้าแฟนๆ รู้สึกอินไปกับเพลงของเราด้วยแล้ว นั่นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดีที่สุดในโลกเลยล่ะค่ะ
จะว่าไปเพลง “Havana” ก็ช่วยปลุกกระแสเพลงแบบละตินป๊อปให้บูมขึ้นไปอีกเหมือนกันนะ รู้สึกอย่างไรที่เพลงละตินป๊อปกำลังเป็นที่นิยมมากๆ ในตอนนี้
ฉันรู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีของการหลอมรวมดนตรีจากวัฒนธรรมต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน และอิทธิพลของวัฒนธรรมละตินก็มีอยู่ทุกที่แล้วในตอนนี้ รู้สึกว่าโลกเราเล็กลงกว่าตอนที่ฉันเติบโตมาเสียอีก
คุณนำประสบการณ์ส่วนตัวมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงบ้างไหม
เพลงส่วนใหญ่ของฉันเกี่ยวกับมิตรภาพ ในขณะที่เพลงอีก 2-3 เพลงจะเกี่ยวกับหนุ่มๆ หรือเรื่องราวกับสถานการณ์ในชีวิตของคนอื่นที่ฉันมองดูอยู่ ไกลๆ ฉันบันทึกและระบายทุกเรื่องเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือนี่ล่ะ จากนั้นก็เข้าไปแต่งเพลงในสตูดิโอค่ะ
เพลงไหนในอัลบั้มที่เป็นเพลงโปรดของคุณ
เพลงโปรดของฉันในตอนนี้คือ “Never Be the Same” เพลงนี้พูดถึงการตกหลุมรักใครสักคนและความรักครั้งนั้นมันท่วมท้นมากๆ จนเข้ามาควบคุมและบงการชีวิตคุณน่ะค่ะ
คิดว่าเพลงไหนคือเพลงที่ดีที่สุดที่คุณเคยแต่งมา
น่าจะเพลง “Never Be the Same” นะ ฉันชอบฟังเพลงรักค่ะ รู้สึกว่าเพลงนี้จับอารมณ์ความรู้สึกของคนที่กำลังอินเลิฟได้ดีเลย และยังเป็นเพลงที่แต่งง่ายที่สุดด้วย ถ้าจำไม่ผิด ฉันใช้เวลาแต่งเพลงนี้แค่ 1 ชั่วโมง ในขณะที่เพลง “Havana” ฉันกลับใช้เวลาแต่งตั้งหลายเดือนแน่ะ
ทราบว่าคุณได้ร่วมงานกับศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ อย่างเช่น ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ ด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในห้องๆ เดียวกับศิลปินที่เป็นบรมครูในศิลปะของเขาเอง ได้เห็นวิธีที่ศิลปินเหล่านั้นทำงานในสไตล์ของตัวเอง แค่ได้อยู่ห้องเดียวกับฟาร์เรลล์ นั่นก็สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันได้ดีแล้ว เพราะนั่นทำให้เราอยากพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น ทำให้อยากเป็นศิลปินที่ดีขึ้น เราต้องการศิลปินแบบเขามาช่วยยืนยันว่าเราเป็นศิลปินที่ดีพอน่ะค่ะ
นอกจากนี้คุณยังได้ร่วมงานกับเอ็ด ชีแรน ด้วยใช่ไหม
ใช่แล้วค่ะ ฉันชอบเอ็ดมาก เราร่วมงานกันในเพลงๆ หนึ่ง แต่ฉันเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า “The Boy” และปรับเนื้อเพลงให้เข้ากับประสบการณ์ที่ฉันก้าวผ่านมา แต่ว่าสุดท้าย “The Boy” ก็ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มนี้นะคะ นี่ฉันอยากทำเพลงสเปนกับเขาเลย
น่าจะเป็นไอเดียที่ดี ตอนนี้เพลงภาษาสเปนกำลังฮิตเลย
ฉันเกิดในประเทศคิวบา และใช้ชีวิตไปๆ มาๆ ระหว่างคิวบากับเม็กซิโกก่อนจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับครอบครัว (แม่เป็นชาวคิวบา พ่อเป็นชาวเม็กซิโก) เลยฟังเพลงภาษาสเปนมาตลอดชีวิต มันน่าทึ่งมากเลยที่เห็นผู้คนฟังและร้องเพลง “Despacito” ของหลุยส์ ฟอนซี และแดดดี้ แยงกี้ (ฟีเจอริง จัสติน บีเบอร์) กันทั่วโลก ฉันกับเอ็ดเลยอยากทำเพลงภาษาสเปนด้วยกันมากๆ นี่ฉันก็ขอให้เขาช่วยส่งไอเดียกีตาร์มาให้เพื่อที่เราจะได้เริ่มเขียนเพลงกัน มันจะต้องเกิดขึ้นสักวันแน่ๆ ค่ะ!
เพลงของเอ็ดที่คุณชอบคือเพลงไหน
ตอนนี้ฉันกำลังอินกับเพลง “Dive” แต่จริงๆ ก็ชอบอัลบั้ม + (2011) ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของเขามากๆ ด้วย โดยเฉพาะเพลง “U.N.I” และ “You Need Me, I Don’t Need You”
ใครคือศิลปินในฝันที่คุณอยากร่วมงานด้วย
ถ้าได้ร่วมงานกับเดรคหรือเคนดริค ลามาร์ ก็คงจะเจ๋งไปเลย ฉันชอบเพลงฮิปฮอปค่ะ ฟังเพลงฮิปฮอปเยอะมากตอนทำอัลบั้ม และแน่นอนว่าดนตรีฮิปฮอปมีอิทธิพลต่อการทำเพลงอัลบั้มแรกของฉันด้วย

ทราบว่าคุณเป็นเพื่อนกับป๊อปสตาร์สาวเทย์เลอร์ สวิฟต์ ด้วย คิดจะทำอะไรด้วยกันไหม
ถ้าได้ร่วมงานกับเธอก็คงเลิศไปเลย ฉันเซย์เยสทันทีแน่นอน เทย์เลอร์แต่งเพลงเก่งมากๆ ค่ะ
รู้สึกอย่างไรที่คุณโตมากับการฟังเพลงของเทย์เลอร์ แล้วจู่ๆ ก็ได้มาเป็นเพื่อนกับเธอด้วย
มันบ้ามากๆ เลยล่ะ ฉันมักรู้สึกเหมือนกับสิ่งที่เทย์เลอร์รู้สึกในเพลงเลย เหมือนเธอรู้ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเจอสถานการณ์หนึ่งๆ เข้า จำได้ว่าตอนฟังเพลง “Enchanted” ของเทย์เลอร์ อยู่ดีๆ ฉันก็ส่งข้อความไปหาเธอว่า “เพลงนี้เพราะมากๆ!” แล้วมันก็เจ๋งที่ฉันมีโอกาสได้รู้เรื่องราวบางเรื่องจากเพลงนี้ เพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของเพลงนี้มานานมาก
ปกติคุณเคร่งกับการทำงานเพลงมากน้อยแค่ไหน
ที่เขาพูดกันว่าความสำเร็จเกิดมาจากความขยัน 90 % และพรสวรรค์ 10% ฉันเองก็เชื่ออย่างนั้นนะ เพราะที่ผ่านมาฉันรู้จักศิลปินหลายคนที่มีพรสวรรค์แต่กลับไม่ค่อยมีผลงานในวงการ นั่นเพราะพวกเขาไม่อยากทำงานหนัก แต่สำหรับฉัน ฉันรักงานที่ตัวเองทำมากๆ จงทำงานเพื่อผลงานที่ดีซึ่งมันจะอยู่ในแฟ้มผลงานของคุณตลอดไป ฉันชอบพิสูจน์ให้ผู้คนเห็นว่าฉันเองก็สามารถทำอะไรต่างๆ ได้ด้วยตัวเองน่ะค่ะ
ตอนนี้คุณเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างเป็นส่วนตัวยากขึ้นไหม
ก็ยากขึ้นนิดหน่อย เพราะเราอยู่ในยุคของโซเชียลมีเดียที่ทำให้รู้สึกว่าต้องออนไลน์ตลอดเวลา ซึ่งฉันก็ไม่ได้ออนไลน์ตลอด อย่างเช่นถ้าฉันพักเบรคและกลับไปหาครอบครัวที่ไมอามี่ ฉันก็ไม่อยากเล่นโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาหรอกนะ ไม่จำเป็นต้องบอกว่าฉันทำอะไร หรือไปกับใคร แต่ถ้าเป็นเรื่องของการให้สัมภาษณ์ ฉันคิดว่าฉันก็พอจะรู้ตัวนะคะว่าควรหยุดพูดเมื่อไหร่!
คิดว่าอะไรที่ทำให้คุณกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในทุกวันนี้
น่าจะเกิดจากการที่จู่ๆ ฉันก็มีความกล้าพอที่จะไปออดิชั่นในรายการประกวดร้องเพลง The X Factor ซีซั่นที่ 2 ของอเมริกาในปี 2012 ซึ่งตอนนั้นฉันอายุ 15 ปี นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ หลังจากนั้นฉันก็มีโอกาสได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง มักตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ทำโน่นทำนี่ จนไม่รู้สึกกลัวหรือมีข้อจำกัดอะไรเลย ฉันมักอยากเรียนรู้เรื่องต่างๆ ตลอดเวลา ความอยากรู้นั้นเลยนำพาฉันไปสู่การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ฉันพยายามฝึกตัวเองให้เก่งขึ้นและเติบโตขึ้นในแง่ใดแง่หนึ่ง
รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้หลายสื่อยกให้คุณเป็นป๊อปสตาร์สาวดาวรุ่งไปแล้ว
เยี่ยมไปเลยค่ะ ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาเลย แต่นั่นก็ดีเหมือนกัน เพราะฉันไม่มีเวลามานั่งคิดวิเคราะห์หรือจมอยู่กับเรื่องราวเหล่านั้นนานๆ หรอก ฉันรู้สึกดีมากๆ ที่แฟนเพลงฟังเพลงของฉันจริงๆ มาคิดย้อนกลับไปเมื่อตอนอายุ 15 ปีที่ร่วมรายการประกวด The X Factor ของอเมริกาและมีผลงานเพลง ตอนนั้นฉันไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้เป็นศิลปินจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้ฉันมีโอกาสไปร้องเพลงในรายการ The Ellen DeGeneres Show เอลเลน ดีเจเนอเรส พิธีกรรายการบอกว่าอยากให้ฉันมาร้องเพลงในรายการเธอมาตั้งนานแล้ว ได้ยินแล้วฉันรู้สึกว่านั่นเป็นอะไรที่บ้ามาก ดีใจมากๆ เลยค่ะ
ตอนเด็กๆ คุณเป็นเด็กแบบไหน
เชื่อไหมฉันเป็นเด็กขี้อายมากๆ ไม่มีความกล้าเอาเสียเลยค่ะ แต่คิดว่าอาจเพราะได้ลองทำอะไรกล้าๆ ดูเป็นครั้งแรก อย่างการออดิชั่นในรายการ The X Factor นี่ล่ะ ที่ทำให้ฉันอยากผลักดันตัวเองให้ลองทำอะไรที่ตัวเองกลัวหรือเป็นกังวลดู ประสบการณ์จากรายการนี้ทำให้มุมมองของฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกดีๆ และความตื่นเต้นที่ได้รับจากการได้ขึ้นแสดงบนเวทีด้วยล่ะมั้ง และทุกวันนี้ฉันก็ยังพยายามค้นหาความรู้สึกแบบนี้จากด้านอื่นๆ ในชีวิตด้วยค่ะ
ตอนนี้คุณก็มีทัวร์คอนเสิร์ต Never Be the Same Tour ของตัวเอง เราจะมีโอกาสเห็นคุณนำเพลงของวง Fifth Harmony มาร้องบ้างไหม
บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย คิดว่าไม่แน่นอน รู้สึกว่าตอนนี้เป็นชีวิตบทใหม่ของฉันแล้วจริงๆ น่ะค่ะ
ในฐานะศิลปินเดี่ยวแล้ว รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองไหมที่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่เด็กๆ
รู้สึกค่ะ ฉันคิดว่าตัวเองมีหน้าที่ที่ต้องเป็นต้นแบบที่ดี ด้วยความที่ฉันก็มีน้องสาวชื่อโซเฟียวัย 11 ปีด้วย แล้วน้องฉันก็ชอบเปิดเพลงของฉันฟังและร้องตามไปกับเพื่อนๆ ฉันจึงนึกถึงแฟนเพลงเด็กๆ เสมอ ตอนยังเล็ก ฉันชื่นชมสาวคนดังจากค่ายดิสนีย์มาก ทั้งเซลีน่า โกเมซ, เดมี่ โลวาโต, ไมลีย์ ไซรัส ฯลฯ และฉันก็ชอบเทย์เลอร์ สวิฟต์ ด้วย จริงอยู่ที่เทย์เลอร์ไม่ใช่คนดังจากค่ายดิสนีย์ แต่เธอก็มีอินเนอร์ของความเป็นสาวจากค่ายดิสนีย์อยู่นะ ฉันรู้สึกว่าคนดังที่เราชื่นชมมาตั้งแต่เด็กเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราได้ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆ ด้วยค่ะ
คุณอยู่ในวงการเพลงมา 5 ปีกว่าแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากให้คำแนะนำอะไรแก่ตัวเองเมื่อตอนอายุ 15 ปีไหม
ฉันอยากบอกว่าจงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง และชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะมานั่งกลัวกับเรื่องอะไรหลายๆ เรื่อง ทำไมคุณถึงไม่ทำอะไรที่อยากทำล่ะ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปและอายุมากขึ้น ฉันไม่อยากมาคิดว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงนอยด์อะไรขนาดนั้น ไม่น่าจะกลัวเลย น่าจะลองทำเรื่องนั้นดูก่อน นี่เป็นสิ่งที่ฉันบอกตัวเองในตอนนี้ ตอนนี้ฉันอายุ 21 ปี และสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือการเป็นผู้หญิงแก่ที่คิดว่าตัวเองเสียเวลาไปกับการกลัวและกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรามากเกินไปน่ะค่ะ
สุดท้ายนี้ ถ้าพูดถึงชื่อ “คามิลา คาเบโย” คุณอยากให้ผู้คนจดจำคุณในรูปแบบไหน
ฉันอยากให้แฟนๆ จดจำว่าฉันเป็นศิลปินที่น่าตื่นเต้น บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าตัวเองตอนทำเพลงอยู่ในสตูดิโอกับตอนขึ้นแสดงบนเวทีแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนอยู่ในสตูดิโอ ฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งแต่งเพลงและพยายามจริงใจกับแฟนๆ ให้มากที่สุด แต่ในฐานะศิลปินที่ขึ้นโชว์บนเวที ฉันอยากให้ผู้ชมรู้สึกสนุกไปกับโชว์ รวมทั้งมองว่าโชว์ของฉันน่าตื่นเต้นและคาดเดาไม่ได้ นอกจากนี้ฉันยังอยากให้แฟนๆ จดจำว่าฉันเป็นศิลปินที่จริงใจและน่ารักกับทุกๆ คนด้วยค่ะ
[Photo Credit: Sony Music/ BEC-Tero Music, Instagram: camila_cabello/ kendricklamar]
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments