
จากการเดินทางเกือบทั่วโลกทำให้คุณแคเธอรีน มอร์เรลรู้ว่าเมืองไทยนี่เองคือบ้านของเธอ ทายาทเจ้าของบริษัท Caves St-Amand ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชั้นนำของยุโรปเล่าให้ฟังว่า เธอมาเอเชียครั้งแรกในปี 1980 ซึ่งครั้งนั้นเธอมาฮันนีมูนกับอดีตสามี หลังจากนั้นอีก 20 ปีคุณแคเธอรีนกลับมาอีกครั้งและตกหลุมรักภูเก็ตทันที เพื่อสานฝันให้ตัวเองได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างจริงจังจึงได้ตัดสินใจสร้างวิลล่าอยู่ที่หาดสุรินทร์ โดยออกแบบที่อยู่อาศัยในแบบคลาสสิก มีกลิ่นอายแบบไทยๆ ตกแต่งด้วยรูปภาพและงานศิลปะตามที่ตัวเองชื่นชอบ ที่นี่มีภาพฝีมือของศิลปินชาวจีน 60 % และศิลปินชาวไทย 40% และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของบ้านหลังนี้คือภาพถ่ายแบบขาวดำที่มีเกือบทุกบริเวณของบ้าน คุณแคเธอรีนเล่าว่าตอนแรกเธอตั้งใจสร้างที่นี่ไว้สำหรับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น แต่เนื่องจากลูกๆ แวะเวียนมาอยู่กับเธอเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะต่างมีธุรกิจของตัวเองทั้งที่เบลเยี่ยมและฝรั่งเศส จึงเปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยในชื่อ Villa Baan Phu Prana หนึ่งในบูทีควิลล่าหลังงามของหาดสุรินทร์
คุณแคเธอรีนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 11 ปีและมีความสุขเสมอเวลาที่อยู่เมืองไทย เธอบอกว่าที่นี่ครบเครื่องทั้งอาหาร อากาศและอารมณ์ดีๆ ในแต่ละปีจึงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย 10 เดือน และบินกลับไปหาครอบครัวที่ยุโรปปีละ 2 เดือนเท่านั้น
ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่อยู่เมืองไทย คุณต้องปรับตัวในเรื่องอะไรบ้าง
ไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้สึกแตกต่างหรือต้องปรับตัวอะไรเลย เพราะตั้งแต่ช่วงแรกที่มาที่นี่ก็มีเพื่อนเยอะมาก ทุกคนน่ารัก นิสัยดี เพื่อนหลายคนเป็นชาวสวีดิช ฝรั่งเศส ส่วนเบลเยี่ยมซึ่งเป็นบ้านเกิดของฉันไม่ค่อยมีเท่าไร อาจจะเป็นเพราะที่ภูเก็ตมีชาวสวีดิชและฝรั่งเศสอยู่เยอะ เพื่อนกลุ่มนี้รู้จักกันมานานมาก เรามักจะนัดกินบรั๊นช์ด้วยกัน 2-3 ครั้งต่อเดือนเป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็ออกเรือไปด้วยกัน ลูกทุกคนต่างรู้ว่าที่นี่คือชีวิตของฉัน เขารู้ว่าแม่อยากจะแก่และตายอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดในโลก แต่ฉันก็กลับยุโรปบ้างนะคะประมาณปีละ 2 เดือน อยู่เบลเยี่ยม 1 เดือน และอยู่ฝรั่งเศส 1 เดือน เรียกว่าเป็นการกลับไปเยี่ยมบ้าน เยี่ยมครอบครัว แต่กลับไปทีไรก็จะได้ใบสั่ง 10-15 ใบตลอดเพราะเป็นคนขับรถเร็ว (หัวเราะ) ที่นั่นจำกัดความเร็วต่ำมาก อีกอย่างคือปัญหาเรื่องโลกร้อนด้วยค่ะ อย่างเดือนมีนาคมที่ผ่านมายุโรปยังอุณภูมิอยู่ที่ -8 องศาเซลเซียส ซึ่งฉันชอบแสงอาทิตย์และอุณภูมิที่ประเทศไทยมากกว่ากว่า ที่นี่ฉันมีบ้านสวยๆ พนักงานที่ดี เพื่อนที่ดีซึ่งพวกเขาจะมาเมืองไทยกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและอยู่จนถึงเดือนเมษายน แต่สำหรับฉันครอบครัวจะบินมาเจอฉันที่นี่ปีละครั้ง อย่างแคโรไลน์ที่ OK! ได้พบและถ่ายภาพด้วยกันจะมาที่นี่ทุกๆ ปี เธอทำแบบนี้มาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว และทุกครั้งที่มาเธอและลูกๆ จะอยู่ประมาณ 1 เดือน ฉันคิดว่าปีหน้าแคโรไลน์น่าจะอยู่ได้ถึง 4 เดือน เพราะว่าเธอมีแผนจะขยายโรงแรมทางใต้ของฝรั่งเศสของเธอ ดังนั้นโรงแรมจะปิดปรับปรุงและน่าจะว่างมากขึ้นค่ะ
บ้านหลังนี้ตกแต่งสไตล์ไหนค่ะ
เป็นสไตล์คลาสสิกผสมโมเดิร์นค่ะ โครงสร้างหลักของบ้านเป็นแบบไทยเพราะที่นี่คือเมืองไทยซึ่งสไตล์นี้มีเอกลักษณ์และมีคุณค่าในตัวเองมาก สำหรับการตกแต่งภายในมันคือการมิกซ์ของจากที่ต่างๆ ไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นสไตล์ของฉันเอง ตอนแรกฉันซื้องานศิลปะจากกรุงเทพฯ เป็นภาพเก่าในศตวรรษที่ 16-17 ต่อมาได้มีโอกาสกลับไปบาหลีอีกครั้งในรอบ 35 ปี ฉันก็ไปซื้อรูปปั้นกลับมา และเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็เพิ่งไปปารีสซึ่งได้เข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง แล้วก็ไปพบภาพที่สวยและถูกใจมาก เป็นภาพที่อยูในศตวรรษที่ 21 ค่ะ ก็เลยซื้อมา รวมถึงตอนไปเดินตลาดของปารีสก็ได้ภาพสวยถูกใจติดมือกลับมาด้วย ภาพเหล่านี้เป็นภาพสไตล์คลาสสิก ความจริงฉันก็ชอบภาพสไตล์โมเดิร์นเหมือนกันนะคะ แต่คิดว่าภาพสไตล์นี้น่าจะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวประมาณ 10 ปี แล้วอาจจะต้องเปลี่ยน แต่สำหรับภาพแบบคลาสสิกมันจะมีคุณค่ากับเรา แม้ในอีก 20 ข้างหน้า เราก็ยังจะรักภาพเหล่านั้นค่ะ
เราเห็นภาพขาวดำแนวคลาสสิกติดอยู่ในหลายๆ ที่ในบ้านนี้เหมือนกันนะคะ
นั่นเป็นความชอบของตัวเองค่ะ ชอบแนวนี้มาตั้งนานแล้ว และคนที่มาพักที่นี่ก็ชอบรูปแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกว่าการมีรูปแนวนี้ใส่กรอบขาวดำมาติดตรงกำแพงโล่งๆ ก็ทำให้พื้นที่ตรงนั้นดูมีอะไรมากขึ้น
ถ้าคุณชื่นชอบอะไรแบบนี้ เราขอเดาว่าสไตล์ไอคอนที่ชื่นชอบจะต้องมีชื่อของออเดรย์ เฮปเบิร์นด้วย
ใช่ค่ะ และก็ยังดูภาพยนตร์ของเธอเป็นประจำ (Breakfast at Tiffany’s ที่เธอแสดงเป็นเรื่องที่คุณชอบด้วยหรือเปล่า) ใช่ค่ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้น่ารักมากเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อ 2 เดือนก่อนยังนำเรื่องนี้มาฉายทางโทรทัศน์อยู่เลย แล้วก็เป็นภาพยนตร์ที่สวยมากด้วย แต่ถ้าเป็นนักแสดงฝรั่งเศสต้องเป็นกาทรีน เดอเนิฟว์นะคะที่ฉันชอบ
ส่วนไหนในบ้านหลังนีที่คุณชอบมากที่สุด
ห้องนั่งเล่นค่ะ รู้สึกว่ารีแรกซ์มาก เวลาที่นั่งลงบนโซฟา ก็สามารถมองไปที่ภาพวาดที่ชอบ และยังมีงานศิลปะต่างๆ ที่ซื้อมาจากการเดินทางในห้องนี้หลายชิ้น ของทุกชิ้นที่ซื้อมาจากประเทศต่างๆ ที่เราเดินทางเหมือนเป็นของที่ระลึกทำให้นึกถึงช่วงที่ได้ไปในแต่ละประเทศ ซึ่งฉันมักจะนำมันมาวางไว้ในที่ใดที่หนึ่งของบ้าน ยอมรับว่าเป็นคนที่ชอบเที่ยวค่ะ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาชีวิตของฉันเหมือนฮอลิเดย์ตลอด เรียกว่าตั้งแต่เกิดเลยก็ได้ เรามีโอกาสเดินทางไปกับครอบครัว ฉันเดินทางไปอเมริกาเกิน 100 ครั้งแล้วมั้ง จำได้ว่าตอนที่แต่งงาน คุณพ่อบอกว่าจะมอบของขวัญให้ด้วยการให้ไปฮันนีมูนที่อเมริกา แต่ฉันปฏิเสธค่ะ ทำไมจะต้องไปฮันนีมูนที่นั่น ในเมื่อเราเดินทางไปบ่อยมาก และยังมีอีกหลายที่บนโลกที่อยากไป ท่านเลยถามว่าแล้วลูกอยากไปไหน ฉันเลยตอบพ่อว่าอยากไปสำรวจเอเชียค่ะ แล้วก็ถามพ่อว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วตอนที่น้องชายแต่งงาน พ่อให้งบไปฮันนีมูนเท่าไรหนูขอเท่ากับที่พ่อให้น้องชาย ซึ่งกลายเป็นว่าเราสามารถอยู่เอเชียได้ 1 เดือนด้วยงบเท่านั้น แถมยังได้พักในโรงแรมห้าดาวตลอดด้วย
พอฉันมาที่นี่ในปี 1980 แล้วก็ตกหลุมรักเอเชียเลยค่ะ และหลังจากนั้นในช่วง 20 ปีผ่านที่ผ่านมา ฉันก็พยายามไปสำรวจทุกๆ ที่ที่ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อเมริกาใต้ แล้วก็ได้ซื้อที่ดินที่แอฟริกาใต้ไว้ด้วย เพื่อนฉันเองก็มีวิลล่าหลังใหญ่อยู่ที่นั่น แต่เพราะว่าบริเวณรอบๆ ตรงนั้นมีรั้วข้างบนเป็นลวดไฟฟ้าเหมือนเป็นกำแพงป้องกัน ซึ่งฉันไม่อยากอยู่บ้านแบบนั้น และอยากมีอิสระ พอมาที่ภูเก็ต ทุกอย่างตอบโจทย์หมด เพราะฉันอยากได้ที่ดินที่เห็นทะเลด้วย พอมาเจอที่นี่ก็ตกลงสร้างบ้านเลย ฉันดีไซน์ให้มี 5 ห้องนอน เพราะว่าฉันมีลูก 4 คน นอกนั้นก็เป็นส่วนต่างๆ ที่ต้องมีในบ้าน แต่เพราะว่าลูกทุกคนมักจะมาเยี่ยมเพียงปีละ 1 ครั้ง ทุกอย่างก็เลยใหญ่ไปสำหรับฉันเวลาที่อยู่ที่นี่คนเดียว ก็เลยทำเป็นบูทีควิลล่าด้วย ตอนแรกที่ตัดสินใจอยู่ที่นี่ลูกๆ ก็ถามว่าทำไมแม่ถึงไปอยู่ไกลจัง พวกเขาดูโกรธที่ฉันตัดสินมาอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งฉันก็บอกลูกๆ ว่า เพราะตอนนี้ลูกๆ ก็มีอิสระ ดูแลตัวเองได้ แล้วบางคนก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แม่เองก็อยากจะอยู่ที่นี่ และคิดว่านี่คือการตัดสินใจที่ดี หลังจากนั้น 5 ปี ลูกๆ ก็มาบอกว่า การมาสร้างบ้านและใช้ชีวิตที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตแม่เลย แล้วเขาก็มาเยี่ยมฉันแต่ทุกคนจะมาไม่ตรงกันหรอกค่ะ ก็หวังว่าปีนี้ทุกคนจะมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก
เล่าถึงความน่ารักของสมาชิกในครอบครัวให้ฟังหน่อย
ฉันมีลูกทั้งหมด 4 คน คนโตเป็นผู้หญิงซึ่งก็คือแคโรไลน์ คนที่ 2 เป็นผู้ชาย ทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน แคโรไลน์มีกิจการโรงแรมอยู่ทางใต้ของฝรั่งเศส ตอนนี้เธอมีลูก 2 คน ส่วนลูกคนที่ 2 เขารับช่วงต่อกิจการของอดีตสามีฉันที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาดูแลโรงงานอลูมิเนียม มีพนักงานต้องดูแล 150 คน เบลเยี่ยมเป็นประเทศเล็กๆ ดังนั้นโรงงานของเขาจึงใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เขาเป็นลูกคนเดียวที่ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้พัก หรือฮอลิเดย์ นั่นเพราะเขาอยากเป็นที่หนึ่ง คนสุดท้องเป็นลูกสาว เธอเคยทำงานที่บริษัทของอดีตสามีเหมือนกัน แต่หลังจากที่พ่อเสียชีวิต เธอก็ทำใจเรื่องนี้ไม่ได้เพราะผูกพันกับพ่อมากจึงลาออกจากบริษัท ตอนนี้มีลูกสาวอายุ 9 ขวบแล้ว ส่วนคนสุดท้องเพิ่งอายุ 21 ค่ะ เป็นลูกของสามีคนที่สอง ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ลูกคนนี้มาหาฉันบ่อยที่สุด แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วเธอก็มาบอกว่าอยากสำรวจโลกบ้าง ดังนั้นแม่อาจจะไม่ได้เจอหนูบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่เราจะได้เจอกันแน่เมื่อแม่กลับไปเบลเยี่ยมค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังสไกป์หากันได้ หลังจากเรียนจบลูกคนนี้ก็จะรับช่วงต่อบริษัทของพ่อเธอซึ่งมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาสนิทกันและคุยกันตลอดแล้วยังทำงานด้วยกันด้วย เพราะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็จะสั่งของจากบริษัทอลูมิเนียมค่ะ
เวลาลูกๆ มาหา พวกคุณมักจะทำกิจกรรมอะไรร่วมกันหรือไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง
เราใช้เวลาด้วยกันทุกวัน และไปด้วยกันทุกที่ บางทีก็พาพวกเขาไปกรุงเทพฯ ไปหัวหิน แต่ถ้าเขามีเวลาแค่ 1 สัปดาห์เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ ซึ่งลูกๆ มักจะถามว่า คุณแม่เราจะทำอะไรกันดี แล้วฉันก็ตอบพวกเขาว่าแม่จะใช้เวลาอยู่กับลูกตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนถึงเวลาเข้านอนเลย ถ้าลูกอยากไปล่องเรือยอร์ช เราก็จะไปด้วยกัน รวมถึงอดีตสามีคนที่สองที่เราเลิกกันไปแล้วก็มาเที่ยวที่นี่ด้วย เขาจะมาพักที่บ้าน 2 สัปดาห์พร้อมกับแฟนใหม่ เราเป็นครอบครัวใหญ่จริงๆ ค่ะ (หัวเราะ)
คุณพูดถึงการล่องเรือยอร์ชถึง 2 ครั้งแล้ว แสดงว่าคุณชอบทำกิจกรรมนี้
ใช่ค่ะ ฉันชอบไปล่องเรือยอร์ชมาก อย่างน้อยต้องอาทิตล์ละ 1 ครั้ง อาทิตย์ที่แล้ว ฉันล่องเรือยอร์ชลำใหญ่ไปทางหมู่เกาะตะวันตกเป็นเวลา 2 วัน สวยงามมาก เราไปที่หาดกล้วย หาดไม้ขาว ซึ่งสวยมาก หลังจากที่คุยกับ OK! แล้ว ก็จะไปล่องเรือยอร์ชที่พังงาอีกครั้ง จริงๆ ก็ไปมาแล้วหลายที่นะคะ ยกเว้นเกาะสิมิลัน ที่นั่นเลยเป็นเหมือนเส้นทางในฝันที่อยากไปค่ะ
มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกับทะเลไทยบ้าง
ทะเลไทยสวยมาก ถ้าเป็นที่เบลเยี่ยมสีทะเลจะไม่เป็นสีนี้และแทบจะไม่ได้เห็นชายหาด ในขณะที่ทะเลไทยสามารถมองเห็นปลาได้เลย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันได้ไปเที่ยวหาดแห่งหนึ่ง กับเด็กๆ พวกเขาได้ลงไปสน็อกกลิ้ง และเห็นฝูงปลาชัดมาก ซึ่งที่ยุโรปคงเป็นไปไม่ได้ แล้วสีฟ้าของทะเลที่เมืองไทยก็สวยด้วยค่ะ
หลายๆ คนมักบอกว่าวิลล่าแห่งนี้จะสวยที่สุดในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน
ใช่ค่ะ เวลานั้นฉันจะอยู่ที่ศาลาพร้อมกับไวน์หนึ่งแก้ว แค่นั้นเลย และตรงนี้คือที่ที่ดีที่สุดในช่วงนั้น เราได้รีแรกซ์ตัวเอง ดื่มเครื่องดื่มที่ชอบและมองตะวันที่ค่อยๆ ลับสายตาไป
ได้ข่าวว่า มีเซเลบริตี้ดังระดับโลกแวะมาพักที่นี่ด้วย
แฟรงค์ มูลเลอร์ค่ะ เขามักจะมาพักที่นี่เป็นประจำ แล้วแฟรงค์เองก็มีวิลล่าของเขาด้วยเหมือนกัน
คุณยังสวยและดูอ่อนกว่าวัย 58 ของคุณมาก เล่าถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเองให้ฟังหน่อยได้ไหม
ถ้า OK! บอกว่าฉันยังสวยอยู่ นั่นเพราะที่นี่คือภูเก็ตค่ะ เวลาที่อยู่ที่นี่ ตื่นมาแล้วไปพบกับวิวแบบนี้มันมีค่ามาก เรามีความสุขทุกๆ วัน ครอบครัว และเพื่อนๆ ต่างก็รู้เรื่องนี้ เพื่อนหลายคนพยายามจะชวนกลับยุโรปแต่ฉันปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่าฉันรักที่นี่ ทำไมเราจะต้องกลับไปเจอ ฝน หิมะ และผู้คนที่แทบจะไม่ค่อยหัวเราะเลย เพราะบ้านหลังนี้มีแต่รอยยิ้ม ทุกคนดูผ่อนคลาย แล้วฉันก็เป็นคนแบบนี้ อาหารที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่นอกจากจะดี สด ใหม่ ยังดีกับสุขภาพด้วย และนี่แหละคือปัจจัยหลักที่คิดว่าทำให้ฉันยังดูดีอยู่ (เราเห็นว่าบ้านคุณมีสปาด้วย) ใช่ค่ะ และฉันนวดวันละ 2 ชั่วโมง ทุกวันพร้อมกับน้ำมันอโรมา พนักงานนวดจะรู้จากร่างกายของฉันและรู้ว่าฉันชอบนวดแบบไหน แล้วก็ยังมีช่างตัดผมประจำด้วยค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่วันแรกที่ฉันมาที่นี่ จนกลายเป็นเพื่อนกัน คนนวดส่วนตัวก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกันค่ะ
เครดิตเรื่องและภาพ: OK! Magazine Thailand Issue 301
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments