
เมื่อคุณเคยต้องมนต์ของแฮรี่ พอตเตอร์ ในฉบับภาพยนตร์ และหลงใหลไปกับสถาปัตยกรรม ที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพฝันของมหาวิหาร กลอสเตอร์ (Gloucester Cathedral) หรืออยากเห็นบ้านนิทานในชีวิตจริง เราคิดว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตคุณควรไปเยือนที่นี่ ‘Cotswolds’
Cotswolds (คอทส์โวลส์ ) คือพื้นที่ฝั่งตะวันตกตอนใต้ของอังกฤษ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาและทุ่งหญ้า ประกอบด้วยเมืองเล็กเมืองน้อยมากมาย มีลักษณะโดดเด่นคือสถาปัตยกรรมและบ้านเรือนต่างๆ ที่อยู่บนพื้นที่นี้มักสร้างด้วยหินสีน้ำผึ้ง ราวศตวรรษที่ 17-18 คอทส์โวลส์มีชื่อเสียง โด่งดังในฐานะแหล่งผลิตผ้าขนสัตว์ชั้นดี สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่จนสามารถสร้างโบสถ์สร้างวิหารอันสวยงาม และด้วยความที่รายได้หลักต้องอาศัยการทำปศุสัตว์จึงต้องสร้างกำแพงหินซ้อนเพื่อล้อมสัตว์ที่เลี้ยงไว้ใกล้กับกระท่อมชนบทแบบอังกฤษ กลายเป็นทัศนียภาพที่ทำให้ย้อนนึกถึงกระท่อมน้อยในนิทานสมัยเด็กๆ ด้วยมนต์เสน่ห์แบบนี้ จึงทำให้นางแบบสาว ระดับโลกอย่างเคต มอสส์ เลือกหลีกหนีความวุ่นวายจากมหานครลอนดอนมาสร้างบ้านพักที่ Oxfordshire (อ๊อกฟอร์ดเชียร์) ซึ่งอยู่ในเขตคอทส์โวลส์
ถ้าหากอยากเที่ยว คอทส์โวลส์ให้ครบถ้วนเราขอแนะนำให้เช่ารถและลัดเลาะไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ จุดหมายปลายทางแรกที่อยากแนะนำคือการมุ่งหน้าไปที่ Bibury (ไบบูรี่) หมู่บ้านเล็กๆ อันเงียบสงบที่วิลเลี่ยม มอร์ริส ศิลปิน นักเขียน และนักออกแบบชื่อดังขนานนามให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ ในหมู่บ้านแห่งนี้มีถนนขนานไปกับแม่น้ำ สายเล็กๆ น้ำสายตาเราไปสู่กลุ่มกระท่อมหินเรียงต่อกันที่เสมือนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ นั่นก็คือ Arlington Row (อาร์ลิงตัน โรว์) ที่นี่เคยเป็นที่พักของคนทำอาชีพทอขนสัตว์ ปัจจุบัน กลายเป็นที่อาศัยของคนในหมู่บ้าน ซึ่งก็ยังอนุรักษ์สภาพเดิมๆ เอาไว้ ทำให้การมาเยือนไบบูรี่เหมือนการนั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 300 ปีที่แล้ว เพราะความสวยงาม แบบนี้ ไบบูรี่จึงถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดัง อย่าง Stardust และ Bridget Jones’s Diary
ถ้ามาเที่ยวที่ไบบูรี่ ต้องไม่ลืมแวะฟาร์มปลาเทราท์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ที่นี่ไม่ใช่ฟาร์มธรรมดาๆ แต่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาเทราท์ปล่อยสู่ แหล่งน้ำในหมู่บ้าน และยังเปิดโอกาสให้แขกที่มาเยือนได้ ตกปลาเทราท์ โดยมีกฎว่าต้องนำมารับประทานเท่านั้น ห้ามตกเล่นๆ แล้วปล่อยกลับลงไปในน้ำ หลังจากเดินเล่นที่ไบบูรี่ได้สักพัก เราเดินทางต่อสู่ หมู่บ้าน Lower Slaughter (โลว์เวอร์ เสลาท์เตอร์) สถานที่ ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของที่นี่คือกังหันน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ในภาพเขียนต่างๆ ที่ว่าด้วยเรื่องชนบทของอังกฤษ กังหันน้ำนี้หยุดใช้งานไปตั้งแต่ปี 1958 ปัจจุบันถูก ปรับให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม มีบริการร้านน้ำชา ให้คุณดื่มดื่มกับบรรยากาศชนบทอังกฤษอย่างแท้จริง ที่พลาดไม่ได้คือการลองไปเดินที่ถนน Copse Hill Road (คอปส์ ฮิลล์ โรด) ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นถนนที่โรแมนติกที่สุดของอังกฤษจาก Google Street View ในปี 2011
นั่งรถออกจากโลว์เวอร์ เสลาท์เตอร์ เพียงไม่นานก็จะมาถึงอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นเวนิสแห่งคอทส์โวลส์ ที่นี่คือ Bourton on the Water (โบร์ตัน ออน เดอะ ริเวอร์) เมื่อเราไปถึง สิ่งที่เราเห็นคืออาคารที่สร้างจากหินสีน้ำผึ้งเรียงรายเลียบไปกับแม่น้ำ Windrush (วินด์รัช) มีสะพานหินเป็นช่วงๆ มีคาเฟ่เล็กๆ ให้ดื่มด่ำบรรยากาศสุดชิลล์ นั่งมองนกเป็ดน้ำที่แสนเชื่องลอยคออยู่ในแม่น้ำ พร้อมกับทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีตลอดชายน้ำ และอย่าลืมเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์รถโบราณที่ Cotswolds Motoring Museum (คอทส์โวลส์ มอเตอร์ริ่ง มิวเซียม) แหล่งรวมรถและมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิก รวมถึงป้ายจราจรโบราณไว้มากมาย และจุดสุดท้ายที่ไม่ไกลกันนักก็คือเมืองบาธ จริงๆ แล้วบางส่วนของบาธเท่านั้นที่อยู่ในเขตคอทส์โวลส์ แต่หากเต็มอิ่มกับการเดินทางในบรรยากาศชนบทแบบอังกฤษแล้ว การท่องประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจที่เมืองบาธก็เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด อย่างที่พอจะทราบกันว่าเมืองบาธนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ยุคโรมันในฐานะเมืองแห่งบ่อน้ำร้อนที่ชาวโรมันนิยมมาทำสปากันที่นี่ ทิ้งร่องรอยอารยธรรมไว้ที่ Roman Bath (โรมัน บาธ) โรงอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยน ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ราวค.ศ.1720-1840 เป็น ยุคของพระเจ้าจอร์จที่ 1-4 บาธเป็นที่นิยมในหมู่คนอังกฤษ จนมาสร้างบ้านแปงเมืองในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียน ที่ยังคงถูกรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน การมาเที่ยวเมืองบาธจึงเป็น การดื่มด่ำเรื่องราวของอดีตในยุคต่างๆ นอกจากโรมัน บาธแล้ว สะพาน Pulteney Bridge (พลัทเทอร์นี่ย์ บริดจ์) เป็น อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ควรค่ากับการไปเช็คอิน เพราะที่นี่คือสะพานหนึ่งในสี่ของโลกที่มีร้านค้าอยู่บนนั้น และถึงแม้ว่าจะอิ่มกับกาแฟและขนมจากการเดินทางในเมืองต่างของ คอทส์โวลส์มาแล้ว แต่เราก็อยากให้คุณเว้นพื้นที่ในกระเพาะ ไว้สักหน่อยเพื่อไปชิมขนมปังที่ร้าน Sally Lunn’s (แซรี่ ลันน์) ที่ยังคงใช้สูตรการทำขนมปังเนื้อเบาแบบลับเฉพาะ ที่คิดค้นมาตั้งแต่ปี 1680 จนทำให้ขนมปังชนิดนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเช็คลิสต์ที่ต้องมารับประทานเมื่อมาเที่ยวที่บาธ
ภาพบางส่วนจาก
fuckitandmovetobritain.tumblr.com
visitheworld.tumblr.com
Comments
comments