
I AM A WARRIOR
เอ็มม่า สโตน กับการกลับมารับบทในหนังซอมบี้ในรอบ 10 ปี
ความยากลำบากของชีวิตวัยรุ่น ความฝันในการเป็นนักแสดง
และบทเรียนสำคัญเมื่อก้าวสู่วัยเลขสาม
หลังฝากความประทับใจทางการแสดงครั้งล่าสุดของเธอไว้ในหนังดราม่าพีเรียด The Favourite ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 3 เมื่อช่วงต้นปี 2019 ปลายปีนี้นักแสดงสาวร่างเล็กเอ็มม่า สโตน คัมแบ็กจอเงินอีกครั้งใน Zombieland: Double Tap หนังซอมบี้ดูสนุก ซึ่งเป็นภาคที่ 2 ต่อจากภาคแรก Zombieland ที่ลงโรงฉายเมื่อปี 2009 เวลาผ่านไป 10 ปี เอ็มม่าหวนกลับมาประชันบทบาทกับนักแสดงเจ้าบทบาทชุดเดิม ทั้งวูดดี้ ฮาร์เรลสัน, เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก และอาบีเกล เบรสลิน (ซึ่งโตเป็นสาวแล้วในภาคนี้) ที่รวมตัวเป็นเหล่าแก๊งซ่าล่าซอมบี้ พร้อมเรื่องราวที่ทั้งบู๊ทั้งฮาตามสไตล์หนังซอมบี้ใน Zombieland: Double Tap หนังเล่าเรื่องราวหลังเหตุการณ์ซอมบี้ระบาดในภาคแรก อเมริกากลายเป็นเมืองที่รกร้างไร้ผู้คน เหล่าแก๊งซ่าล่าซอมบี้ได้ออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ร่วมผจญภัย และพบผู้รอดชีวิตอื่นๆ ที่นำมาซึ่งความฮาแบบขั้นสุด ภารกิจล่าซอมบี้ที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ความป่วน และอาวุธครบมือจึงกลับมาอีกครั้ง


เอ็มม่าคร่ำหวอดในวงการฮอลลีวูดมากว่า 10 ปีแล้ว เธอสั่งสมชื่อเสียงจากหนังหลายๆ เรื่องที่ร่วมแสดง ทั้ง Superbad, Zombieland, Easy A, Crazy, Stupid, Love, The Amazing Spider-Man, The Amazing Spider-Man 2, Birdman, La La Land, Battle of the Sexes, The Favourite ฯลฯ เธอเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 ครั้งจากหนัง Birdman, La La Land และ The Favourite โดยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในหนังโรแมนติกมิวสิคัล La La Land ไปครองได้สำเร็จในปี 2017


เอ็มม่าคืออีกหนึ่งตัวอย่างของเด็กสาวที่มีความพยายามและมุ่งมั่นเพื่อตามความฝันในการเป็นนักแสดง แม้ระหว่างทาง เธอจะต้องเจออุปสรรคทั้งจากตัวเองที่มักมีอาการตื่นตระหนก หวาดกลัว การที่ไม่ได้มีชีวิตทางสังคมเหมือนเด็กทั่วไป ตลอดจนการถูกปฏิเสธ แต่หากมุ่งมั่นกับสิ่งที่เรารักจริงๆ ความฝันก็คงเป็นจริงได้ในสักวัน


รู้สึกอย่างไรกับการกลับมาเล่นหนังซอมบี้อีกครั้งใน Zombieland: Double Tap
ฉันรู้สึกดีและสนุกมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับทุกๆ คนในหนังอีกครั้ง เหมือนได้มาแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ ภาคนี้เหตุการณ์ที่เราเจออันตรายขึ้น แต่ก่อนมีมนุษย์อยู่บนโลกมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะซอมบี้เข้ามาครอบครองโลก แต่พวกเราก็มั่นใจมากว่าจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ เพราะเคยต่อสู้กับพวกมันมานานแล้ว
ฉันไม่ได้เรียนที่โรงเรียนและไม่มีเพื่อน เรียกได้ว่าชีวิตสังคมเป็นศูนย์ หลักๆ คือฉันเรียนเองที่บ้าน ดูหนังเยอะมาก และพยายามเรียนรู้เรื่องการแสดงด้วยตัวเองให้มากที่สุด บางครั้งฉันก็เหงานะ แต่แม่ดีกับฉันมากและคอยสนับสนุนตลอด ฉันจึงรู้สึกปลอดภัยมากและรู้สึกว่าได้รับกำลังใจเสมอ ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันมีความมั่นใจในการไปทดสอบบท รับมือกับการถูกปฏิเสธหรือความกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่เคยยอมแพ้
คุณรู้ตัวเมื่อไรว่าอยากเป็นนักแสดง
ฉันรู้ตัวว่าอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ นึกไม่ออกเลยว่าจะไปทำอาชีพไหนได้นอกจากนักแสดง ฉันใช้ชีวิตในรัฐที่อากาศร้อนมากอย่างแอริโซนา ด้วยความที่แสงจากดวงอาทิตย์แรงมาก บวกกับผิวฉันก็ขาวและบาง ฉันจึงมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน ฉันค้นพบมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าหนังคือโลกอีกใบหนึ่งที่ตัวเองสามารถดำดิ่งเข้าไปในนั้นได้ ทุกวันนี้ยังจำหนังคอเมดี้ทุกเรื่องที่ดูกับพ่อได้อยู่เลย นี่คือที่มาที่ทำให้ฉันดูหนังตลอดเวลา อยากเป็นส่วนหนึ่งในโลกของหนัง อยากเล่นหนังเหมือนกับหนังหลายๆ เรื่องที่ฉันชอบดู การได้เป็นนักแสดงจึงเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ฉันมีความสุขมาก ทั้งยังได้เติมเต็มความฝันของตัวเองด้วย
คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าการแสดงช่วยให้คุณสงบนิ่งและไม่ตื่นตระหนกด้วยใช่ไหม
ใช่ค่ะ การแสดงคือสิ่งหนึ่งที่ช่วยคลายความวิตกกังวลและความสงสัยที่ฉันมีต่อชีวิตได้เป็นอย่างมาก ตอนเด็กฉันเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคม มีสิวเกร่อเต็มหน้า ทั้งยังมีอาการตื่นตระหนกและหวาดกลัว การแสดงละครเวทีทำให้ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง เมื่ออยู่บนเวที ปัญหาต่างๆ ที่มีก็มลายหายไปหมด
แม้คุณจะเริ่มมีโอกาสได้รับบทที่เด่นขึ้นเรื่อยๆ หรือผู้คนจดจำคุณได้มากขึ้น แต่คุณก็จะไม่มีทางรู้สึกมั่นใจจริงๆ ได้เลย คุณกังวลว่าบทต่อไปที่ได้รับจะดีไหมหรือหนังเรื่องล่าสุดที่เล่นไปเป็นอย่างไรบ้างตลอด ฉันคิดว่าการแสดงเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำให้คุณกังวลกับอนาคตนิดๆ ได้เสมอ คุณอาจได้เล่นหนังดีๆ เรื่องแล้วเรื่องเล่า แต่ก็ยังวิตกกังวลว่าจะหาบทดีๆ อย่างที่เคยเล่นได้อีกไหมในอนาคต นี่คือธรรมชาติของวงการนี้ล่ะค่ะ
นักแสดงตลกคนโปรดของคุณคือใครบ้าง
ฉันเป็นแฟนตัวยงของสตีฟ มาร์ติน และบิล เมอร์เรย์ รวมทั้งชอบดูเรื่องตลกล้อเลียนในรายการ Saturday Night Live ด้วย เป็นคนชอบอะไรที่เป็นคอเมดี้มาตลอด ฉันเคยมีโอกาสร่วมงานกับบิล เมอร์เรย์ ใน Zombieland ภาคแรกด้วยนะ จากนั้นก็ได้ร่วมงานกับเขาอีกใน Aloha เขาน่ารักกับฉันมาก จำได้ว่าตอนอยู่ในกองถ่าย ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร และเขาก็มักจะเอาของขวัญน่ารัก เล็กๆ น้อยๆ มาให้ฉันเกือบทุกวันเลย

คุณย้ายไปอยู่แอลเอกับแม่ตอนที่อายุแค่ 15 ปี ชีวิตช่วงแรกๆ ในตอนนั้นหนักหนาสาหัสสำหรับคุณแค่ไหน
ฉันใช้ชีวิตกับแม่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในปาร์คลาเบรีย และไม่เคยออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง ฉันมักออกไปข้างนอกกับแม่เสมอและเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการออกไปดูหนัง ฉันไม่ได้เรียนที่โรงเรียนและไม่มีเพื่อน เรียกได้ว่าชีวิตสังคมเป็นศูนย์ หลักๆ คือฉันเรียนเองที่บ้าน ดูหนังเยอะมาก และพยายามเรียนรู้เรื่องการแสดงด้วยตัวเองให้มากที่สุด บางครั้งฉันก็เหงานะ แต่แม่ดีกับฉันมากและคอยสนับสนุนตลอด ฉันจึงรู้สึกปลอดภัยมากและรู้สึกว่าได้รับกำลังใจเสมอ ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันมีความมั่นใจในการไปทดสอบบท รับมือกับการถูกปฏิเสธหรือความกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่เคยยอมแพ้ และหลังจากนั้นฉันก็เริ่มหาที่ทางงานแสดงของตัวเองไปได้อย่างช้าๆ

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าเสียงของคุณ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นโลโก้ประจำตัวไปแล้ว เป็นอุปสรรคต่องานแสดงในช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้
(หัวเราะ) คงไม่มีใครอยากจ้างนักแสดงเด็กอายุ 15 ปีที่มีเสียงใหญ่และแหบหรอก ตอนนั้นเสียงฉันฟังดูแก่ล้ำหน้าตาไปมาก และฉันก็ไม่ชอบเสียงของตัวเองเลย แต่อีกแง่หนึ่ง ฉันก็ดีใจนะที่เสียงตัวเองฟังดูแก่เกินอายุ เพราะฉันไม่อยากเป็นเด็ก ฉันเป็นเด็กที่โตเกินวัยและอดใจรอเป็นผู้ใหญ่ไม่ไหว และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง เสียงของฉันก็เริ่มเข้ากับตัวตนของฉันได้อย่างแท้จริง

ย้อนกลับไปในตอนที่คุณเริ่มเข้ามาทำงานในฮอลลีวูด คุณมุ่งมั่นว่าอยากประสบความสำเร็จแค่ไหน
ช่วงวัยรุ่นมักเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันโชคดีมากที่ตระหนักได้ว่าทันทีที่ได้ทำงานแสดง นี่ล่ะคือสิ่งที่ฉันอยากทำในชีวิต ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันมีแรงผลักดันและความทะเยอทะยานในอาชีพของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่แม้คุณจะเริ่มมีโอกาสได้รับบทที่เด่นขึ้นเรื่อยๆ หรือผู้คนจดจำคุณได้มากขึ้น แต่คุณก็จะไม่มีทางรู้สึกมั่นใจจริงๆ ได้เลย คุณกังวลว่าบทต่อไปที่ได้รับจะดีไหมหรือหนังเรื่องล่าสุดที่เล่นไปเป็นอย่างไรบ้างตลอด ฉันคิดว่าการแสดงเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำให้คุณกังวลกับอนาคตนิดๆ ได้เสมอ คุณอาจได้เล่นหนังดีๆ เรื่องแล้วเรื่องเล่า แต่ก็ยังวิตกกังวลว่าจะหาบทดีๆ อย่างที่เคยเล่นได้อีกไหมในอนาคต นี่คือธรรมชาติของวงการนี้ล่ะค่ะ
ความสำเร็จไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ฉันได้เลย! ฉันเคยคิดมาตลอดนะว่าถ้าโตขึ้น ฉันจะควบคุมทุกอย่างให้ได้ ฉันจะไม่ทนทุกข์กับความกลัวหรือความวิตกกังวลอีกต่อไป แต่สิ่งที่คิดก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ทุกวันนี้ฉันรับมือกับหลายๆ เรื่องด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป แต่ความกลัวและความวิตกกังวลก็จะยังเป็นส่วนหนึ่งในตัวฉันเสมอ หลักๆ มันก็ทำให้ฉันเป็นฉันแบบนี้ นั่นคือเป็นนักสู้
หมายความว่าความสำเร็จอาจไม่ได้คลายความกังวลของคุณได้เสมอไปใช่ไหม
ความสำเร็จไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ฉันได้เลย! ฉันเคยคิดมาตลอดนะว่าถ้าโตขึ้น ฉันจะควบคุมทุกอย่างให้ได้ ฉันจะไม่ทนทุกข์กับความกลัวหรือความวิตกกังวลอีกต่อไป แต่สิ่งที่คิดก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ทุกวันนี้ฉันรับมือกับหลายๆ เรื่องด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป แต่ความกลัวและความวิตกกังวลก็จะยังเป็นส่วนหนึ่งในตัวฉันเสมอ หลักๆ มันก็ทำให้ฉันเป็นฉันแบบนี้ นั่นคือเป็นนักสู้ เชื่อไหมฉันไม่เคยหลับสนิทตลอดคืนมา 5 ปีแล้ว แต่คิดว่าคงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เป็นแบบนี้หรอก เราต่างจำเป็นต้องหาจุดสมดุลให้ชีวิตและฉันเองก็เวิร์กกับมันอยู่เหมือนกัน ยังดีที่ฉันมีน้องชายอยู่เคียงข้างและเขาก็สนิทกับฉันมาก เขาเป็นคนที่ติดดินที่สุดในโลกที่ฉันเคยรู้จัก เมื่อไรก็ตามที่ฉันรู้สึกหลงทาง ความฉลาดและอารมณ์ขันของเขาจะช่วยให้ฉันนิ่งขึ้นและติดดินเสมอ
คุณเป็นนักแสดงอีกคนที่ดึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมาสู่งานแสดงของตัวเองได้ดีเสมอ คิดว่านี่เป็นจุดเด่นของคุณไหม
ฉันเป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบางมากคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงเสียใจได้ง่าย แต่นั่นก็ช่วยให้ฉันสามารถแสดงความอารมณ์รู้สึกได้ดีมาก และหวังว่าตัวเองจะสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้งได้อย่างตรงไปตรงมามากที่สุด ส่วนตัวฉันเป็นคนค่อนข้างมีอารมณ์ขันกับตัวเองนะแม้บางครั้งจะชอบติตัวเองมากไปหน่อยก็ตาม แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ฉันผลักดันตัวเองให้แสดงออกมาให้ดีและเต็มที่ที่สุด ต้องบอกว่าคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเองที่ฉันสามารถดึงออกมาใช้ในตัวละครที่สวมบทบาท ไม่ว่าจะการหัวเราะเสียงดังของฉัน เสียงที่แหบห้าว หรือธรรมชาติในตัวที่คาดเดาไม่ได้ ฉันขอยกความดีความชอบนั้นให้ไดแอน คีตัน เลยค่ะ เธอเป็นนักแสดงหญิงที่มีอิทธิพลต่อฉันเป็นอย่างมาก และครั้งหนึ่งเธอเคยบอกฉันว่าฉันควรเป็นตัวของตัวเองและอย่ากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา
คุณก้าวเข้าสู่วัยเลขสามเมื่อปี 2018 อะไรคือบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้ในชีวิต
มัน OK! นะถ้าไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบคุณ นี่คือบทเรียนสำคัญที่ฉันได้เรียนรู้ อย่าทุ่มเทตัวเองเพื่อเอาชนะใจคนที่คุณไม่มีทางเอาชนะได้ เราล้วนเป็นแค่คนที่พยายามหาหนทางว่าจะก้าวผ่านแต่ละวันไปได้อย่างไรก็เท่านั้นเอง
[Credit]
Text: WENN
Photographs: Instagram/ @zombieland
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments