01. นุสบา...
By okadmin
จังหวะชีวิตที่ลงล็อค ของหนุ่มรักสันโดษ ‘จองยงฮวา’
ลืมภาพของผู้ชายขี้เหงาที่มักแอบหลงรักผู้หญิงข้างเดียวไปได้เลย เพราะหลังไต่ระดับจากศิลปินอินดี้มาสู่เมนสตรีมได้สำเร็จอย่างทุกวันนี้ Jung Yong-Hwa (จองยงฮวา) ได้เพิ่มขีดความสามารถของตัวเองให้มีมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ในฐานะนักร้องเจ้าเสน่ห์แห่ง วง CNBLUE เท่านั้น แต่ยังเป็นนักแต่งเพลงที่มีฝีมือไม่ใช่เล่นอีกด้วย โดยมีผลงานที่ดังเปรี้ยงปร้างมาแล้วนับไม่ถ้วน อาทิ Tattoo, I Don’t Know Why, Love Girl, One Time, In My Head, I’m Sorry, Coffee Shop และอีกหลากหลายเพลงของ CNBLUE รวมถึงการแสดงฝีมือแต่งเพลงให้ศิลปินร่วมค่าย FNC Entertainment อย่างสาวน้อยเสียงใส Juniel (จูเนียล) ในเพลง Fool และเกิร์ลกรุ๊ปสุดน่ารักวง AOA ในเพลง Love is Only You ล่าสุดผู้ชายที่ทำให้หลายคนมีชีวิตดี๊ดีกับบทเพลงของเขาตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็ขอเปลี่ยนมุมมองมาบอกเล่าถึง One Fine Day ในแบบที่เป็นตัวเอง 100% ผ่านผลงานอัลบั้มเดี่ยวชิ้นแรกในชีวิตบ้าง ที่สำคัญยังเป็นเหตุผลดีๆ ที่ทำให้เขามีโอกาสกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเพื่อโชว์พรสวรรค์ หรือแม้แต่เสน่ห์ของนักร้องหนุ่มที่มีเลือดศิลปินอยู่เต็มตัว! ในคอนเสิร์ต 2015 JUNG YONG HWA LIVE <One Fine Day> IN BANGKOK จัดโดย 411 Entertainment เมื่อวันที่ 4 เมษายน ทั้งไฟเขียวให้ OK! ได้อัพเดทชีวิต มุมมองความคิด และพัฒนาการที่ไร้ขีดจำกัดของเขามาฝากกันด้วย แล้วคุณจะรู้ ว่าผู้ชายอ่อนไหวคนนี้ไม่ได้ขี้เหงาอย่างที่คิด เพียงแต่เขาชอบที่จะอยู่กับตัวเองมากกว่าเท่านั้นเอง!!คิดว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงหรือโตขึ้นขนาดไหน หลังจากลุยงานทำอัลบั้มเดี่ยว เดินสายออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ หรือแม้แต่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวหลายๆ อย่างผมว่าไม่ใช่แค่ช่วงทำอัลบั้มเดี่ยวนี้เท่านั้นหรอกครับ แต่ทุกๆ ครั้งที่ทำอัลบั้ม ผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาตัวเองตามไปด้วย ถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า ก็คงมีแค่อายุที่มากขึ้น 1 ปี นอกนั้นไม่มีอะไร เพราะถึงอย่างไรข้างในจิตใจผมก็ยังเหมือนเดิม (ยิ้ม)ล่าสุดคุณย้ายออกจากหอมาอยู่บ้านแล้ว รู้สึกเหงาหรือคิดถึงเพื่อนๆ ในวง CNBLUE บ้างไหม เพราะก่อนหน้านี้เคยอยู่ด้วยกันมาตั้ง 7 ปี
จริงๆ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ อย่างเวลามีตารางงาน ของวง ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันก็จะสามารถเดินทางไปไหน มาไหนได้สะดวกและรวดเร็วกว่าใช่ไหมล่ะ ตอนนี้ย้ายออกมาอยู่คนเดียว ผมก็ชอบนะ เพราะผมชอบอยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คือบ้านเกิดของผมอยู่ปูซาน (เมืองทางตอนใต้ของเกาหลี) ตอนอยู่ปูซานก็ชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวทำให้ผมมีพื้นที่ให้ตัวเองได้ผ่อนคลายมากขึ้น (แล้วไม่เหงาหรือ) ยังไงอาชีพที่ผมทำก็ต้องพบเจอกับคนมากมายอยู่แล้วเวลาทำงาน เพราะอย่างนั้นผมจึงชอบ อยู่บ้าน หรือไม่ก็อยู่คนเดียวมากกว่าเท่าที่รู้งานของคุณก็เยอะไม่ใช่น้อย คุณเอาเวลาที่ไหนมา แต่งเพลงจนเสร็จครบทั้งอัลบั้มแบบนี้! อืม…ผมไม่ได้แต่งเพลงโดยตั้งเป้าว่าจะเสร็จออกมาเป็นอัลบั้มเมื่อไร แต่ปกติเวลานึกอะไรขึ้นมาได้ก็จะค่อยๆ เขียนเก็บไว้ ทีละนิด แล้วเอาไว้มารวมกันเป็นเพลงน่ะความรู้สึกในการแต่งเพลงให้ตัวเองกับคนอื่นแตกต่างกันไหมที่ผ่านมาผมเคยแต่งเพลงให้ศิลปินคนอี่นที่อยู่บริษัทเดียวกับผม 2 ครั้งคือจูเนียลและวง AOA สมัยออกอัลบั้มแรก อย่างไรก็ตาม เวลาแต่งเพลงให้ตัวเอง ผมจะเลือกแต่งเพลงให้ตัวเองสามารถร้องได้ดี ส่วนเวลาแต่งเพลงให้ศิลปินคนอื่น ผมก็จะเลือกแต่งเพลงที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับศิลปินคนนั้นๆ คุณเก็บเกี่ยวประสบการณ์รักมากมายมาจากไหนเพื่อใช้ในการแต่งเพลง ทั้งที่ความรักน่าจะเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับ ไอดอลไม่ใช่หรือไอเดียในการแต่งเพลงของผมได้มาจากหลายที่ครับ ไม่ว่า จะเป็นหนังซีรี่ส์ ความคิดที่ลอยขึ้นมาในหัว หรือแม้แต่ประสบการณ์ของคนอื่นรอบๆ ตัว แล้วก็เอาทั้งหมดนั้นล่ะ มาแต่งเป็นเพลงโดยบอกเล่าตามมุมมองของตัวผมเองศิลปินและนักแต่งเพลงมักมีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าคนอื่น แล้วตัวคุณล่ะ มีมุมไหนที่อ่อนไหวเป็นพิเศษไหมผมว่าตัวผมเองก็เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวมากเหมือนกันนะ เพราะด้วยความที่ต้องคอยตื่นตัวและมีเรื่องเครียดตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ทำอัลบั้มเนี่ยจะยิ่งอ่อนไหวมาก เป็นพิเศษเลย
ในอัลบั้มนี้คุณได้ร่วมงานกับคนดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Yoon Do-Hyun (ยุนดูฮยอน), Yang Dong-Geun (ยางดงกึน), Verbal Jint (คิมจินแท), JJ Lin (เจเจ หลิน หรือหลินจุนเจี๋ย) และ Peter Malick (ปีเตอร์ มาลิค) อะไรคือเหตุผลที่ต้องเป็นพวกเขาพวกเขาต่างก็เป็นรุ่นพี่ที่ผมให้ความเคารพและชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ซึ่งมันก็เหมือนฝันที่เป็นจริงเลยที่ในที่สุดก็ มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับพวกเขา ส่วนศิลปินต่างชาติอย่าง เจเจ หลิน และปีเตอร์ มาลิค เรามีโอกาสได้เจอกัน แล้วก็ สานต่อความสัมพันธ์จนกระทั่งได้ทำงานร่วมกันนี่ล่ะคุณตั้งชื่ออัลบั้มเดี่ยวว่า One Fine Day มันมีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า นอกจากเป็นเพลงที่คุณชอบที่สุด ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมแต่งเพลงนี้ขึ้นมา โดยเริ่มจากคำว่า One Fine Day เป็นคีย์เวิร์ด ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นคำที่ เท่มาก อีกทั้งยังเข้ากันได้กับทุกเพลงของผมในอัลบั้มด้วย เพราะอย่างนั้นมันจึงกลายมาเป็นชื่ออัลบั้มด้วยพอจะยกตัวอย่างให้ฟังได้ไหมว่าคุณมีช่วงเวลา One Fine Day ที่น่าจดจำแค่ไหนก็เหมือนอย่างทัวร์ครั้งนี้ล่ะครับที่เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของผม ดังนั้นแต่ละครั้งที่ขึ้นเวทีก็เป็นการแสดงแบบไม่สามารถลืมเลือนไปจากความทรงจำได้เลยจริงๆ รวมถึงคอนเสิร์ต ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนี้เองก็เช่นเดียวกันชีวิตของคุณนอกจากทำงาน เล่นคอนเสิร์ต และขลุกตัวอยู่ ในห้องแต่งเพลงแล้ว เราจะสามารถพบคุณได้อีกที่ไหนเวลาส่วนใหญ่ของผมก็หมดไปกับการทำงานนั่นล่ะครับ ส่วนเวลาที่คิดว่าต้องพักเนี่ย ผมก็จะอยู่แต่ในบ้านเลย คืออยู่บ้านเฉยๆ ดูทีวี ดูซีรี่ส์อเมริกันหรืออังกฤษบ้าง ไม่ก็เล่นเกมหลายคนบอกว่าอายุ 25 คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อีกไม่กี่เดือน (เกิดวันที่ 22 มิถุนายน ปี 1989) คุณจะผ่านวัยนี้และ กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว คิดว่าจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไร ที่รอคุณอยู่บ้างจริงหรือครับ ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนนะ (เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีเรื่องอะไรที่อยากทำไหม) ผมอยากซื้อเครื่องบินส่วนตัว ตอนนี้ผมอาจยังเปิดเผยแพลนโดยละเอียดไม่ได้ แต่จะตั้งใจครับ เครื่องบินส่วนตัวๆๆ (หัวเราะเสียงดัง) ขอบคุณค้าบบบ… (พูดภาษาไทยลากเสียงอย่างอารมณ์ดีสุดๆ)
ที่มา: นิตยสาร OK! ฉบับ 248 24 เมษายน 2558
01. นุสบา...
สืบเนื่องมาจากงาน OK! Charity 2015 Make a Dream Come true...
© Copyright 2015. All rights reserved.