
ถ้าพรหมลิขิตหมายถึงการนำพาเราไปพบเจอบางสิ่ง บางที่ บางคน จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด หนังใหม่แกะกล่องของเป็ป-ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ครั้งแรก ภายใต้ชื่อบริษัท ณวลาร์ท นิมิต จำกัด คงเริ่มจากการที่เขาได้มีโอกาสมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 100 เมตร Sendai Daikannon ที่เมืองเซ็นได ประเทศญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และครั้งนั้นเองที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะโปรโมตเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเริ่มจากการนำรายการท่องเที่ยว The Hight Path สูงแค่ไหนไปให้ถึงของตนมาถ่ายที่นี่ ตามมาด้วยการมาถ่ายทำหนังเรื่อง Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูดซึ่งเขาก็เลือกเซ็นไดเป็นโลเกชั่นหลักในการถ่ายทำเช่นกันและนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการถ่ายภาพยนตร์ในต่างแดนเป็นงานสเกล ใหญ่ที่จะต้องประสานงานกับทุกฝ่าย ทุกคน ทุกโลเกชั่น ไม่นับการแก้ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงเรื่องวัฒนธรรมแบบต่างชาติ ต่างภาษาอีกด้วยและนั่นก็ทำให้เขารู้ว่านอกจากจะต้องมีกำลังทรัพย์ที่พร้อมจะจับจ่ายไปกับรายละเอียดต่างๆ คุณเป็ปยังต้องมีกำลังใจที่จะผลักดันให้ลุกขึ้นมาตั้งสติและแก้ปัญหาหน้าตาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทุกวันเช่นกัน เรื่องนี้เซเลบริตี้คนดังบอกว่าขุมพลังสำคัญของเขาคือคุณพ่อ คุณแม่ คนในครอบครัวที่พร้อมจะซัพพอร์ตและส่งกำลังใจมาให้เขาอย่างไม่มีข้อแม้ แบบทดสอบทยอยเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่องจนใกล้วันที่หนังเรื่องแรกในชีวิตจะเข้าฉาย และคุณเป็ปก็ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจอีกเรื่องให้เสร็จสิ้น นั่นคือพาทัวร์มาที่เมืองที่แสนจะอิ่มเอมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามแห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ OK! ก็ได้รับเกียรติจากผู้อำนวยการสร้างให้ร่วมเดินทางมาด้วย
เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ครั้งแรก บริษัท ณวลาร์ท นิมิต จำกัด
ระหว่างที่หนังเรื่องใหม่กำลังฉายส่งท้ายปลายปีด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี ส่งกลิ่นอายของความรักเข้าสู่กลางใจคุณผู้ชม ทางเราก็จะพาไปเจาะลึกถึงที่มาที่ไปของการสร้าง โลเกชั่นหลักๆ ของการถ่ายหนังเรื่องนี้ที่มีทั้งความเป็นมา ความสวยงาม ความเชื่อ กิมมิกน่ารักๆ ที่ไม่อยากให้พลาดที่จะมาเช็คอิน พร้อมกับนำเบื้องหลังของการถ่ายทำที่เรียกได้ว่ามีครบทุกรสชาติมาเล่าสู่กันฟังอีกด้วย
Gravity of Love แรงดึงดูดของความรักสัมผัสง่าย ใครๆ ก็เข้าถึง
หนังเรื่องแรกของเซเลบริตี้ชื่อดังที่กุมบังเหียนผู้อำนวยการสร้างเป็นหนังที่ได้ให้คำจำกัดความว่าเป็นหนังรักแบบเรียลๆ รั่วๆ ที่ต้องหัวเราะทั้งน้ำตา ซึ่งรายละเอียดอย่างย่นย่อของหนังคือการเล่าถึงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเชื่อและเปลี่ยนมาไม่เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต ต่อมาเธอก็ต้องเจอเหตุการณ์ที่ต้องตอบตัวเองว่าระหว่างคนที่มาพร้อมกับความพยายามกับคนพรหมลิขิตที่ถูกขีดเส้นมา เธอจะต้องเลือกใคร การเล่าเรื่องด้วยพลอตแบบนี้จัดว่าเป็นเรื่องที่สามารถเข้าถึงใจได้ง่ายและไม่ซับซ้อนอะไรมาก สามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจของคุณเป็ป “ผมว่าในเรื่องของความรัก คนดูจะรู้สึกร่วมกับนักแสดงได้ไม่ยากว่า ครั้งหนึ่งเราเคยเจอแบบนี้ เคยถูกบอกเลิกอย่างนี้ หรือผิดหวังในความรักด้วยสถานการณ์ที่ต่างกัน แล้วที่เราเลือกเต้ย (จรินทร์พร จุนเกียรติ) มาเป็นนางเอกเพราะเขาสามารถเป็นตัวแทนผู้หญิงในแบบนี้ได้ เต้ยเป็นผู้หญิงที่จับต้องได้ แล้วก็มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองด้วย ส่วนบอย (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) เขาเหมาะที่จะเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เรื่องนี้เราพยายามฉีกคาแรกเตอร์เขาให้เป็นคนนิ่ง เงียบ สุขุม สำหรับหลุยส์ (หลุยส์ สก๊อต) เขามีความเป็นลูกครึ่งฝรั่งทำให้มีความตรงข้ามกันกับบอย เราเลือกทั้งคู่มาเพื่อที่จะให้เห็นชอยส์ที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจนซึ่ง 2 คนเหมาะมากๆ
เพราะความรักไม่มีเงื่อนไข อะไรจึงเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สาเหตุที่ตั้งชื่อหนังเรื่องนี้ว่า Gravity of love มาจากความคิดของคนเขียนบทที่มองว่าโอกาสของคนที่อยู่ ต่างสถานที่ที่จะมาเจอกันและรักกันได้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่เป็นไปได้น้อยมาก แต่ก็เป็นไปได้ แล้วเรื่องความรักเป็นเรื่องที่ไม่มีถูกผิด ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการจะเจอคนๆ เดียวกันในต่างสถานที่ถึง 6 ครั้ง จึงเป็นไปได้ คนที่หนังเรื่องนี้จะมีหลากหลายอารมณ์ บางคนดูแล้วยิ้ม บางคนดูแล้วเศร้า แต่ถ้าใครกำลังตามหาคำตอบบางอย่างอาจจะได้ไอเดียกลับไป ทำให้ใจเบาขึ้น
ผลงานชิ้นล่าสุดที่จัดเต็มกับทุกอย่าง
ในฐานะผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องแรกคุณเป็ปรู้สึกว่านี่เป็นผลงานที่เหนื่อยและเครียดที่สุด “เพราะว่าเราลงทุนด้วยตัวเองทุกบาท ทุกสตางค์ แต่ก็ทำเต็มที่เพราะชอบศาสตร์ทางด้านนี้มาก แต่ถามว่าเรื่องนี้โดนใจ ได้อย่างใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ก็ตอบว่าไม่ครับ อาจจะต้องมีการปรับแก้ ซึ่งถ้าจะต้องทำอีกหมายถึงเงินอีก 1 ก้อนที่มหาศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องนี้มีความน่ารักอยู่ในตัว ถามว่าไปดูเรื่องนี้แล้วจะหัวเราะตกเก้าอี้ไหม ตอบเลยว่าไม่ จะร้องไห้หนักมากก็ไม่ แต่คุณจะอมยิ้มครับ”
หนังไทยอยู่ยาก ทำไมถึงลงทุนทำ
เหมือนเป็นคำถามประจำไปแล้วเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะสร้างหนังไทยในสภาวะที่ทุกอย่างผันผวน “ผมสนใจในศาสตร์นี้และก็ทำละคร ทำรายการมาแล้ว หนังเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ผมยังไม่เคยทำและพอทุกคนรู้ว่าผมทำหนังพวกเขาก็มองผมด้วยความตกใจ เป็นห่วง คำถามที่ตามมาคือว่าคิดยังไง แต่ผมเองก็มีคำตอบเหมือนกันว่า ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักธุรกิจ แต่ถ้าเราทำอะไรด้วยความบริสุทธิ์ใจ มันก็ไม่น่าเศร้าขนาดนั้น เพราะผมไม่ได้เป็นคนที่แย่ขนาดนั้น และโชคดที่มีพันธมิตรมาซัพพอร์ตเยอะ และจากประสบการณ์จากการทำหนังเรื่องแรกทำให้ผมคิดว่าต่อไปนี้ทำอะไรก็ได้แล้ว (หัวเราะ) ทั้งตั้งงบประมาณ ทั้งคิวดารา ปัญหาเยอะมากมายแต่ก็ทำให้เราตั้งสติ โมโหบ้าง แต่ก็จบ”
งบประมาณ 30 ล้าน ++ และก้าวต่อไปของคนรักหนัง
งบประมาณบานปลายนอกจากจะใช้กับการสร้างบ้าน การสร้างหนังก็ใช้คำนี้ได้ไม่แพ้กัน “หนังเรื่องนี้ผมใช้งบประมาณ 30 ล้าน ++ ยังไม่รู้ว่าจะปิดงบมาร์เก็ตติ้งเท่าไหร่ และต่อให้เหนื่อยแค่ไหนผมก็ยังจะต้องทำเรื่องต่อไป บางทีเราอาจจะไม่ทำตลาดที่เมืองไทยก็ได้ ตอนนี้ผมวางไว้ว่าจะทำหนังปีละเรื่อง ส่วนละครก็ยังทำอยู่ ยังไม่ทิ้งแน่นอนครับ”

ความสดใสของเซ็นไดหลังภัยสึนามิ
การมาเซ็นไดครั้งนี้ทำให้เรานึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ที่นี่เคยประสบสึนามิเมื่อปี 2554 ซึ่งร้ายแรงและเสียหายมาก แต่เพราะความรัก ความสามัคคีของคนเซ็นไดทำให้พวกเขาช่วยกันพลิกฟื้นเมืองกลับมาให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยใช้เวลาเพียง 2 ปี แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ไม่กล้ามาท่องเที่ยวเพราะเกรงว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่จะกลับมาอีกครั้ง โดยอาจจะไม่ทราบว่าความจริงแล้วการที่จะมีสึนามิอีกครั้งต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี หากใครกำลังมองหาเมืองที่มีพร้อมทุกอย่าง เซ็นไดน่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ถูกต้อง เพราะทิวทัศน์สวย สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ไม่ห่างกันมาก อาหารก็อร่อย โรงแรมห้องก็ใหญ่ ราคาถูกกว่าที่เมืองใหญ่
BEHIND THE SCENCE
7 โลเกชั่นหลัก ที่อยากให้เช็คอิน
สำหรับ Gravity of Love รักแท้แพ้แรงดึงดูดมีการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่เซ็นไดเป็นเวลา 10 วัน ท่ามกลางอากาศประมาณ 10 องศา และมีทีมงาน นักแสดงประมาณ 40 คน ด้วยความที่อากาศเย็นทำให้มืดเร็ว กองถ่ายจึงต้องเริ่มถ่ายทำตอนเช้าและตั้งกองประมาณ 6 โมงเช้าในทุกๆ วัน แน่นอนว่าทุกคนต้องตื่นก่อนเพื่อมาเตรียมงานของตัวเองแต่ถึงจะต้องตื่นกันเช้าแค่ไหนทุกคนก็ยังตื่นตัว กระตือรือร้นที่จะออกไปเจอแสงทองของวันใหม่ โลเกชั่นใหม่ๆ เหตุการณ์ใหม่ๆ ให้ลับสมองเล่นตลอด ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง เชิญอ่านต่อจากตรงนี้ได้เลย
เจ้าแม่กวนอิม Sendai Daikannon
ที่นี่เป็นฉากที่นักแสดง พระ นาง มาไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิม Sendai Daikannon รวมถึงเทพเจ้าที่เกี่ยวกับความรักซึ่งอยู่ด้านในและมีการผูกรับบิ้น สีชมพู (เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ซึ่งอาจจะเป็นเทรนด์ในการท่องเที่ยวในอนาคต) การถ่ายทำที่นี่ยากตรงที่การขนอุปกรณ์ เพราะมีความสูงกว่า 10 ชั้นและถึงแม้จะมีลิฟต์ให้ขึ้น แต่บางฉากที่ถ่ายลิฟต์ก็ไม่ได้จอด เลยต้องใช้เวลาเซตอัพ มีการแบกขึ้นบันได ต่อลิฟต์ แต่ทุกฝ่ายก็เตรียมงานกันอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาในการถ่ายที่โลเกชั่นนี้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง โชคดีอย่างหนึ่งคือเอ็กสตร้าไม่ใช้เยอะ ส่วนนักแสดงท่านอื่นล้วนเป็นมืออาชีพ ทุกคนรู้ว่าใครต้องทำอะไร ทำให้งานเสร็จตามแผนที่วางเอาไว้
Heart Rock
หินรูปหัวใจที่ถูกสร้างสรรค์จากธรรมชาติเป็นอีกหนึ่งโลเกชั่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ และยังจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่อยากให้ไปชม หินรูปหัวใจนี้อยู่ที่ย่าน Akiu Onsen ซึ่งรายการ The Hight Path เคยมาถ่ายทำไปครั้งหนึ่งแล้ว และเมื่อหนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของความรักจึงไม่พลาดที่จะต้องใช้โลเกชั่นนี้เป็นอีกหนึ่งที่ที่มาถ่ายทำซึ่งความยากอยู่ตรงที่ทางเดินลงไปยังจุดชมวิวและชมหินรูปหัวใจค่อนข้างแคบ ทีมงานถ่ายตรงนี้ประมาณ 2-3 ฉาก
Shiroishi Castle
ความจริงแล้วปราสาทที่เซ็นไดมีน้อยมาก ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนยังไม่รู้ยังมีปราสาทที่เป็นรูปร่างปราสาทจริงๆ นอกจาก Sendai Castel ที่เหลือแต่ฐาน Shiroishi เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิม กิมมิกคือมีชุดกิโมโน, นินจา, นักรบ ให้สวมใส่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และยังสามารถขึ้นไปชมวิวบนชั้น 2-3 ที่สามารถมองเห็นเมืองเซ็นไดได้ทั้งเมือง นอกจากนี้ยังเดินทางมาง่าย ห่างจากตัวเมืองเซ็นไดไม่มากเท่าไหร่ ส่วนการถ่ายทำในวันนั้นเป็นวันที่สนุก เฮฮามากเพราะทุกคนได้ใส่ชุดโบราณที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ แล้วยังเป็นฉากที่มีนักแสดงสายฮาอยู่ในซีนด้วย วันนั้นทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ และกิจกรรมที่เห็นในหนังผ่านฉากนี้ก็สามารถสัมผัสได้จริง
Shiogama Shrine
จุดประสงค์ของการมาถ่ายที่นี่เพราะคนญี่ปุ่นบอกว่าจะมีซากุระบานในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เรียกว่าเป็นกิมมิกของศาลเจ้าแห่งนี้ แต่มีข้อแม้ว่าแต่ละปีดอกซากุระจะบานไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ การถ่ายครั้งนี้ทุกคนคาดหวังว่าจะเจอซากุระที่บานสะพรั่ง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะยังเป็นช่วงที่ซากุระเริ่มออกดอก ทางทีมงานจึงต้องใช้การตัดต่อเข้าช่วยเพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความงดงามของดอกไม้ดอกนี้ แต่ถึงอย่างนั้นโลเกชั่นนี้ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นที่ที่ถ่ายหลายฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากเดินพูดคุยของเพื่อนนางเอก หรือเป็นฉากที่บอยกับเต้ยพูดคุยกัน รวมถึงฉากนักท่องเที่ยวซึ่งต้องใช้เอกซ์ตร้าเยอะเพราะเป็นเรื่องราวของทัวร์กรุ๊ป และผู้โชคดีทั้งหลายที่ถูกแกณฑ์เข้าฉากก็คือคนในกองนั่นเอง
Matsushima Bay
ตรงนี้เป็นพื้นที่เดียวของเซ็นไดที่ไม่โดนสึนามิ ทั้งๆ ที่อยู่ติดทะเล นั่นเป็นเพราะมีเกาะเล็กๆ บังไว้หมด สะพานแดงแห่งนี้คือสะพานที่เชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างญี่ปุ่นกับใต้หวัน ถ้าเดินข้ามไปอีกฝั่งจะพบว่ามีเกาะเล็กๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยจะมีร้านกาแฟ และมีจุดชมวิวที่ถ่ายรอบเกาะได้ บริเวณนี้จะสวยมากในตอนเย็นเพราะท้องฟ้าจะทอแสงเป็นสีทอง สีส้มตัดกับท้องทะเลสีฟ้า แต่ตอนที่ถ่ายหนังถ่ายทีมงานถ่ายตรงสะพานแดง และถ่ายตรงร้านอาหาร
พิพิธภัณฑ์บ้านโบราณ Sairiyashiki
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เกิดจากการรวบรวมของกลุ่มพ่อค้าที่รุ่งเรืองในสมัยโบราณแล้วมาทำหมู่บ้านอยู่ร่วมกัน ปัจจุบันถูกเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ด้านในจะเห็นบรรยากาศของรั้วบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกัน มีบ้านตรงกลางที่ใหญ่ที่สุดเป็นเหมือนผู้ใหญ่บ้านที่รุ่งเรืองและร่ำรวยที่สุด ถ้าเข้าไปดูด้านในจะได้เห็นข้าวของที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน ชุดซามูไร บรรยากาศในบ้านคนโบราณจริงๆ ซึ่งมีของที่เก็บรวบรวมเอาไว้ให้คนรุ่นหลังดูเยอะมาก เวลาเข้าไปเหมือนได้เข้าไปดูวิถีชีวิตของพ่อค้าและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยโบราณ และโลเกชั่นนี้ถ่ายประมาณ 4-5 ซีน เป็นซีนที่ใช้นักแสดง ใช้เวลา และใช้เอ็กซ์ตร้าเยอะ และยังมีการถ่ายฉากดูดวงของนักแสดง 4 คนกับแม่หมอ ซึ่งนักแสดงทั้ง 4 คนต้องพูดภาษาญี่ปุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ กว่าจะได้ฉากนี้ ล่ามและไกด์ (ภู-ภูวณัฐ สุภาพกุล) ต้องเป็นคนเทรนนิ่งภาษาญี่ปุ่นให้ทุกคน เป็นอีกหนึ่งฉากที่เป็นสีสันในเรื่องและถ่ายยาก รวมถึงต้องยกให้ความพยายามของนักแสดงด้วย
วัด Saihoji
วัดนี้เป็นอีกที่ที่มีกิมมิกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้คู่รัก (เป็นต้นไม้คนละสายพันธุ์ 2 ต้นที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ มีอายุหลายร้อยปีแล้ว ท่านโชกุนมาปลูกไว้ พอเห็นต้นไม้ 2 ต้นนี้โอบกอดกัน ท่านก็เลยสร้างให้เป็นศาลเจ้าระลึกถึงความรักกระทั่ง 2 ต้นนี้แห้งตายไปด้วยกัน จากนั้นก็มี 2 สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาข้างๆ กัน) เพราะต้นไม้คู่รักนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรเรื่องของความรักและการมีลูก ซึ่งเป็นอีก 1 ฉากสำคัญที่นักแสดงจะมาขอพรในเรื่องนี้ อีกที่คือร้านน้ำชาโบราณ เป็นห้องน้ำชาใหญ่และเป็นฉากสำคัญของเต้ยและหลุยส์ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านเต้าหู้ ที่อร่อยมากและหากินไม่ได้จากที่ไหน เพราะเป็นเต้าหู้ทอดชิ้นใหญ่ๆ กินกับโชยุ โรยพริกไทยเป็นน้ำจิ้มรสเลิศ และยังมีน้ำเต้าหู้สดขายอีกหนึ่งอย่างด้วย
เรื่อง: กิ่งสุรางค์ อนุภาษ
ภาพ: ณนนท์, บริษัท ณวลาร์ท นิมิต จำกัด
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments