หลังจากสร้างชื่อตัวเองให้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะรองอันดับสองจากรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่นที่ 8 คชา นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ ก็สานฝันในโลกแห่งความเป็นจริงต่อในฐานะนักร้องอาชีพที่ส่งบทเพลงหลายๆ เพลงให้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ นับแกะ ,พลูโต, คนเคยรัก ฯลฯ เรียกได้ว่าเวลานี้คชามาไกลจากเป้าหมายแรกที่ตั้งใจไว้มาก อีกทั้งยังได้มีโอกาสลองทำอะไรอีกหลายๆ อย่างในวงการบันทิง ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรหรือการแสดงซึ่งเรียกได้ว่าคชาน่าจะเอาดีทางนี้ได้เหมือนกัน วันนี้ OK! จะมาอัพเดทชีวิตของหนุ่มหล่อ อารมณ์ศิลป์ที่ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างฝันให้เป็นความจริง อีกทั้งขยันตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ให้กับตัวเอง นอกจากนี้เรายังถามถึงความรักของเขาที่วันนี้หัวใจยังว่างมาฝากกันอีกด้วย
ผลงานล่าสุดของคชาตอนนี้มีทั้งละครเรื่องอ้าว เฮ้ยและผลงานเพลงด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเป็นอย่างไรบ้าง
งานละครเป็นงานที่ยากงานหนึ่งเลยครับ เพราะอาเธอร์ตัวละครที่เล่นในเรื่องนี้เขาเคยไปเรียนที่ฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นอยู่ดีๆ เขาก็จะพูดฝรั่งเศสออกมา ซึ่งเราต้องพูดให้คล่องไม่อย่างนั้นสำเนียงจะแปร่งมาก แล้วผมเองพูดได้แค่ภาษาไทย อังกฤษ และตอนนี้กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ ยอมรับว่างานแสดงเป็นงานที่ผมไม่ค่อยถนัด แต่ก็พยายามเต็มที่ที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งก็พอไปได้นะครับ ส่วนงานเพลงตอนนี้ผมมีเพลง คนเคยรัก ที่ได้ร่วมฟีเจอร์ริ่งกับบิ๊ก ออร์แกนิก ซึ่งเป็นสายแรปเปอร์ให้ฟังกัน ซึ่งงานเพลงเป็นงานที่ผมตั้งใจว่าอยากทำออกมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ก็เลยต้องกลับมาที่ตัวเองว่าต้องคอยฝึกฝนในช่วงที่ว่าง อาศัยครูพักลักจำบ้างเวลาไปนั่งคุยกับใคร เพราะผมเขียนเนื้อ แต่งทำนองด้วยในหลายๆ เพลงครับ
จากตอนแรกที่มีเป้าหมายว่าอยากเป็นนักร้อง จนกลายได้เป็นักร้องจริงๆ มีอะไรอีกไหมที่คชาต้องการพิสูจน์ตัวเอง
เป็นเรื่องของผลงานครับ ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด งานเพลงที่เราชอบอยู่แล้ว ก็ตั้งใจให้มากกว่าเดิม ถึงวันนี้ผมมาไกลจากเป้าหมายแรกมาก แต่ก็ต้องมีเป้าหมายใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่เรื่องราวก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เช่น ไม่ใช่ว่าวันนี้เราต้องการทำเบื้องหน้าอย่างเดียว ไม่ทำเบื้องหลัง หรือพอถึงวันหนึ่งเราจะทำแต่เบื้องหลังอย่างเดียว ไม่ทำเบื้องหน้า บางอย่างมันต้องควบคู่กัน แล้วผมก็เห็นว่ามีพี่ๆ ในวงการหลายคนแบบนี้นะครับ
นอกจากร้องเพลง คชาเล่นดนตรีได้หลายอย่างมาก แต่เครื่องดนตรีที่คุณถนัดคืออะไร
เปียโนกับขิมครับ ถือว่าสามารถเอาตัวรอดได้ (หัวเราะ) จุดเริ่มต้นทางดนตรีของผมเริ่มจากอยากตีกลอง ตอนนั้นยังเรียนชั้นประถม รู้สึกสนุก เท่ เห็นรุ่นพี่ในโรงเรียนตีแล้วชอบมาก พอจะไปเรียน ครูบอกว่าขาไม่ถึง เขาก็เลยส่งผมมาเรียนกีตาร์คลาสสิกแทน แต่เรียนไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทาง เพราะผมก็ยังอยากตีกลอง พอโตขึ้นมาหน่อยก็มาอยู่วงดุริยางค์ ผมได้เล่นเบลไลราแทนกลองอีกเพราะไปสมัครไม่ทัน (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นเล่นควบคู่ไปกับขิมไปด้วยครับ ที่มาเล่นขิมเพราะไปเดินห้างกับแม่ แล้วเห็นขิมตัวใหญ่ รู้สึกว่าแปลกมาก แม่ก็ถามว่าเรียนไหม ผมก็บอกว่าเรียน พอจบประถม ก็จะสอบเข้ามัธยม ผมก็ใช้ความสามารถพิเศษในการเล่นขิมสอบเข้าจนได้ เราจะแปลกกว่าคนอื่นนิดหนึ่งเพราะขิมที่ผมเล่นจะเป็นขิมตัวใหญ่
เพลงแบบไหน ยุคไหนที่คุณชอบฟังหรือเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
ส่วนใหญ่ผมฟังเพลงเก่ายุค 80,และ 90 อย่าง ไลโอเนล ริชชี, The Carpenters เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกดีทุกครั้ง ผมชอบดนตรี, คำร้อง ภาษาที่ใช้ในยุคนั้นมันเท่มาก อย่างคำว่า ระทม นี่รู้สึกกระแทกใจ แล้วผมก็ชอบพี่ๆ วง ETC ด้วย เขาเป็นแรงบันดาลใจช่วงต้นๆ ตอนที่ผมเรียนร้องเพลงเลย แต่ถ้าฟังเพื่อการทำงานก็จะเป็นอีกแนวไปเลย เช่น อาร์แอนด์บี, ฮิปฮอป เพราะสามารถปรับใช้กับงานเราได้ ผมว่าคนเรามีหลายมุมนะ และทั้งแนวเพลงที่ชอบกับแนวเพลงที่ฟังเพื่อปรับใช้กับงานของเราต่างก็เป็นเราทั้งนั้น ผมเองก็เป็นคนที่มีหลายบุคลิก เพลงแต่ละเพลงก็ไม่ได้บ่งบอกความเป็นเราทั้งหมดได้เลยซะทีเดียว อย่าง เพลงเพื่อชีวิตผมก็ฟังเหมือนกันครับ
คุณชอบจี ดรากอนด้วย เขามีอิทธิพลกับคุณมากแค่ไหน
ผมชอบผลงานเพลงของเขานะครับ โดยเฉพาะเพลงที่เขาเล่าถึงเรื่องความรัก รู้จักจี ดราก้อนเพราะทางค่ายแนะนำให้ผมฟัง แต่นอกจากนั้นเขาก็ยังเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องสีผมของผมด้วยนะ อย่างสีส้มนี่ได้แรงบันดาลใจมาจากเขาเลย (หัวเราะ) ผมชอบเปลี่ยนสีผมเ รู้สึกสนุกดี ทำให้มู้ดแอนด์โทนของหน้าเราเปลี่ยน สีที่ผมโกรกมาแล้วก็มีสีแดง,สีส้ม สีออกทองๆ, สีเทา ตอนนี้อยากทำสีเขียวหรือสีเทาแบบสว่างๆ
คุณปรับการแต่งตัวอย่างไร เมื่อเปลี่ยนสีผมในแต่ละครั้ง
ผมว่าสีเทาเป็นสีที่แต่งตัวง่ายที่สุด ส่วนสีส้มแต่งตัวยากมาก (หัวเราะ) ตอนทำผมสีนั้น ผมยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการแต่งตัวเท่าไรเสียด้วย อาศัยว่าล็อคโทนไปเลยคือใส่สีเดียวทั้งตัว จะสีดำก็สีดำเลย จะสีขาวก็สีขาวเลยอะไรแบบนี้
ส่วนตัวแล้วชื่นชอบแฟชั่นมากแค่ไหน
ปกตินะครับ เพียงแต่เมื่อก่อนผมแต่งตัวไม่เป็นเลยมากกว่า เวลามองย้อนกลับไปก็นึกขำกับตัวเองว่า แต่งตัวอะไรเนี่ย แต่ผมก็มองว่าไม่เป็นอะไรอีกนั่นแหละ เพราะช่วงชีวิตของคนเราต้องเคยพลาดเหมือนกันและผมก็พลาดมาเยอะด้วย แต่พอมาทำงานตรงนี้ก็ได้เจอทีมเพลง เจอหัวหน้าที่คอยแนะนำว่าควรแต่งตัวแบบไหน ผมก็เรียนรู้มาเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้จะแต่งตัวยังไง ก็ดูว่าวันนี้จะไปไหนด้วย ผมจะชอบไปส่องอินสตาแกรมของ @shuhel_nishiguchi, oviestudio ครับ หัวหน้าผมเขาแนะนำมา แล้วเราก็ชอบ ผมไม่ค่อยแต่งสีฉูดฉาดสักเท่าไร เสื้อผมที่ใส่มักจะเป็นสีขาว แต่ผมเป็นคนแต่งตัวตามอารมณ์ นี่คือเรื่องจริงของผมเลย คือไม่ได้จำกัดการแต่งตัวของตัวเองไว้แค่แนวใดแนวหนึ่ง สนุกได้ก็สนุก ผมว่าสำคัญที่เรามั่นใจนะ ถ้ามั่นใจแต่งตัวยังไงก็สนุกครับ
การได้รับโอกาสได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ตัวเองได้รู้จักตัวเองในเรื่องไหนบ้าง
ผมได้รู้จักตัวเองว่าอะไรถนัดและไม่ถนัดครับ เรื่องไหนที่ไม่ถนัดก็พยายามหาประสบการณ์ความรู้กับมัน อย่างงานพิธีกรที่เคยทำก็ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ดีๆ หลายอย่าง จากแต่ก่อนเป็นคนพูดไม่เป็น ยืนบนเวทีนิ่งๆ พอทำงานตรงนี้มา 4-5 ปี ก็ดีขึ้น และการเป็นพิธีกรเราก็ต้องหาข้อมูลเพื่อที่จะสัมภาษณ์เยอะมาก มีครั้งหนึ่งที่ผมประทับใจและจำได้จนถึงวันนี้คือตอนสัมภาษณ์พี่เดวิด อัศวนนท์ ผมประหม่ามาก แต่พี่เขาบอกว่าไม่ต้องประหม่าแล้ว สคริปต์เนี่ยไม่ต้องดู แล้วก็จับสคริปต์ผมโยนทิ้งไปเลย ก็เลยถามเขาตรงนั้นแบบไม่ใช้สคริปต์เลย สนุกมากครับ
เห็นคชาหน้านิ่งๆ อย่างนี้ ตัวจริงเป็นแบบไหน
ปกติก็เป็นแบบนี้นะครับ แต่ถ้าสนิทจริงๆ ผมถึงจะกล้าเฮฮาด้วย (หัวเราะ)
เรื่องที่คชาจะสามารถคุยได้ทั้งวันคือเรื่องไหน
เรื่องหนังหรือการ์ตูนครับ ตอนนี้ผมอยากดูเรื่อง The Avengers : End Game , Spider Man : Far From Home ทั้ง 2 เรื่องน่าดูมาก อย่าง The Avengers : End Game ผมไม่กล้าเดาเลย รอดูในโรงหนังอย่างเดียว ซึ่งในบรรดา The Avengers ทั้งหมดผมชอบ Ant Man นะครับ ชอบคาแรกเตอร์ล่าสุดของเขาด้วย ดูคอเมดี้ พอล รัดด์ดู ทำได้ดีเลย และสังเกตว่าตัวละครที่ผมชอบส่วนใหญ่จะเป็นคู่หูหมดเลย เช่น โรบิน ผมเป็นคนชอบดูหนังแนวนี้ หรืออย่าง Star Wars นี่ผมชอบมาก ในเรื่องนี้ผมชอบ โอบีวัน เคโนบีมากที่สุด และผมมี Lightsaber เก็บไว้ที่บ้านด้วย
คุณชอบคอสเพลย์และเคยเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้ขึ้นคอนเสิร์ต ทุกวันนี้ยังแต่งอยู่บ้างไหม
ไม่ค่อยได้แต่งแล้วครับ (หัวเราะ) การแต่งคอสเพลย์เป็นความสนุกอีกรูปแบบหนึ่งของผม คือถ้าแต่งเหมือนก็สนุกดี ผมชอบแต่งเป็นตัวละครในเรื่องนารูโตะครับแต่ไม่เคยได้แต่งคอสเพลย์ไปตามงานต่างๆ หรอกเพราะมารู้ตัวก็ตอนเข้าวงการแล้ว เลยไม่มีโอกาส แต่ผมเคยแต่งเป็นเจไดไปทำงานสัมภาษณ์ตอน Star Wars ตอน Rogue One เข้าฉายด้วยนะ
สถานภาพทางหัวใจของคชาตอนนี้เป็นอย่างไร
ผมโสดมาได้ปีกว่าๆ แล้วครับ แฟนคลับคงงง ว่า อ้าว ผมหนีไปมีแฟนตอนไหน ผมก็ไม่ได้บอกไง ว่ามี (หัวเราะ) คือความคิดผมแต่ละช่วงจะไม่เหมือนกัน คนอื่นอาจจะมองว่าโลเลก็ได้ บางทีเรามีแฟนก็บอก แต่บางช่วงก็คิดว่าไม่บอกดีกว่า (ขึ้นอยู่กับคนที่เราคบด้วยหรือเปล่า) ใช่ครับ และอิทธิพลของคนรอบๆ ตัวในช่วงเวลานั้นก็เปลี่ยนความคิดของเราได้เหมือนกัน
เคยลองคิดไหมว่าคนที่จะเข้ามาในชีวิตเราได้ต้องประมาณไหน
ผมพูดมาตลอดว่าผมชอบผู้หญิงแบบเอเชี่ยนลุค ยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งแรกที่เราเห็น แต่พอมีโอกาสได้ลองคุยกันจริงๆ ก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวจริงๆ และก็ไม่ได้มองว่าคนที่เเราคุยสวยขนาดนั้น เลยคิดว่าทั้งรูปลักษณ์และนิสัยต้องควบคู่กัน ซึ่งนิสัยที่จะไปด้วยกันได้คือ เขาต้องไม่ได้เป็นคนนำเราหรือเราต้องเป็นคนที่นำเขาทั้งหมด เพราะเชื่อว่าคนเราถนัดไม่เหมือนกัน เรื่องไหนใครนำได้ก็ให้คนนั้นนำ ส่วนสาเหตุที่ต้องยุติความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วยก็มักจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่กินใจกันในระยะยาว และเป็นเรื่องที่ผมพูดยากมาก แต่เชื่อเถอะว่าผมก็ใช้ความอดทนมาระยะหนึ่ง แล้วเมื่อไรที่เริ่มอดทน ไม่ว่าจากฝั่งไหน ถ้ามีความรู้สึกนั้นเข้ามา มันก็เริ่มเหนื่อย แต่ยังไงผมก็ยังเป็นคนที่อยากมีแฟนนะครับ เพียงแต่ตอนนี้มุมมองไม่เหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้เราคิดเยอะครับ เพราะว่าถ้ามีแล้วเหมือนเมื่อก่อน ผมอยู่คนเดียวได้ครับ (คุณไม่ชอบผู้หญิงองแงหรือเปล่า) ไม่ใช่ครับ งอแงได้นะ เพราะเวลามีแฟน ผมก็เป็นคนที่งอแงกับแฟนคนหนึ่งเลย แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา แล้วตอนนี้ก็ยังไม่มีใครด้วย คิดว่าถ้าได้เจอคนที่ OK! พร้อมที่จะคุยจริงๆ ผมคงบอกแฟนๆ เพราะความจริงผมก็อยากบอกแฟนคลับนะครับ เราก็เคารพเขาเหมือนกัน
การเป็นคนที่ละเอียดอ่อนทางความรู้สึก มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ข้อดีคือสามารถเข้าใจคนอื่นได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ข้อเสียคือบางเรื่องที่มากระทบเรา คนอื่นอาจจะเจ็บแค่หนึ่ง แต่สำหรับเรามันไปไกลมาก ถ้าไม่มีคนดึงจะเตลิดได้ แต่โชคดีที่ผมมีครอบครัว มีเพื่อน มีพี่ๆ ที่คอยซัพพอร์ตเราได้ดี ไม่ว่าเราจะผิดหวังในรูปแบบไหน และปกติถ้าเจออะไรแบบนี้จะใช้เวลาฟื้นตัวเป็นหลักเดือนนะครับ ไม่เคยถึงปี เพราะว่าถ้าเราจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้นานเกินไปอาจจะทำให้ผมแย่ได้ ซึ่งเรื่องที่รู้สึกนานหน่อยคงเป็นเรื่องแฟน เพราะผมใช้เวลาเกือบข้ามปีเหมือนกันนะ แต่ระยะเวลาจะทำให้เราค่อยๆ รู้สึกกับมันน้อยลงไป ผมว่าเราต้องปล่อยให้ตัวเองรู้สึกนะครับ ในขณะก็ต้องเปลี่ยนโหมดด้วยงานที่ต้องออกไปทำก็จะทำให้ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น และคิดว่ามันคงไม่เจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่บางทีความรู้สึกนี้ก็สร้างงานให้ผมได้เหมือนกันนะ
คชาเป็นคนทีมีแฟนคลับเหนียวแน่นมาก มีวิธีกระชับความสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างไรบ้าง
ผมก็โอเพ่นนะครับ เขาจะรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน ถ้าทางโซเชี่ยลมีเดียก็จะคุยกับพวกเขา มีไลฟ์อะไรแบบนี้ แฟนมีทติ้งก็มีมาเรื่อยๆ นะครับ เราจะมีกิจกรรมด้วยกันปีละ 2 ครั้ง คือถ้าเราให้ใจเขาไปแล้ว ผมก็จะเล่นกับเขาแบบเพื่อนเลยนะ ซึ่งเพื่อนมักจะโดนผมกวนประสาทเยอะมาก เวลาอยู่กับพวกเขาจะเป็นคนยิ้มเก่ง คุย สนุก ส่วนมุมดราม่านี่ต้องกับเพื่อนเลยและจะเกิดขึ้นบ้างเวลาที่ไปสังสรรค์ด้วยกัน
สิ่งที่คุณอยากจะทำให้กับตัวเองมากที่สุดในเวลานี้คืออะไร
ตอนนี้ผมรู้สึกเฉื่อยมากเลย และต้องการให้ตัวเองแอคทีฟ ทำอะไรได้เร็วกว่านี้ ใครรู้บอกผมทีนะครับ (หัวเราะ) จริงๆ ผมก็เป็นคนเฉื่อยแหละ แต่ก็อยากจะเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ไม่เฉื่อยเท่านี้
เครดิต OK! Issue 310
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments
