
สิ้นสุดการรอคอยแล้ววันนี้! สำหรับการเปิดขายในไทยเป็นวันแรกของสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Apple อย่าง iPhone 11 และ iPhone 11 Pro หลังจากเปิดตัวและเริ่มจำหน่ายในบางกลุ่มประเทศไปแล้วทั่วโลก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นทั้งเรื่องสเป็กและราคาที่โดนใจกว่าหลายรุ่นก่อนๆ ทำให้การกลับมาของ iPhone คราวนี้เป็นที่รอคอยกว่าครั้งไหนๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องกล้องกับครั้งแรกของกล้องไวด์และอัลตร้าไวด์บน iPhone, ชิพใหม่ A13 Bionic ที่ทำงานร่วมกับ iOS13 ทำให้เร็วขึ้น ประหยัดพลังงานกว่า บนตัวเครื่องหลากหลายสีสัน
iPhone 11
เริ่มต้นกันด้วยน้องเล็ก แต่สเป็กจัดเต็ม ชนิดที่เหลือเฟือต่อการใช้งาน และยังทำให้เงินเหลือใช้มากขึ้น ด้วยการเปิดราคาที่เป็นมิตร เริ่มต้นเพียง 24,900 บาท ถูกลงกว่าครั้งเปิดตัว iPhone XR ถึง 5,000 บาท และมี 3 ความจุให้เลือกได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB
6 สีสัน (ฝากระจก)
สิ่งแรกที่สะดุดตาโดดเด่นก็คือสีสันใหม่ของรุ่นนี้ที่มาในโทนพาสเทล มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ, สีเขียว, สีเหลือง, สีม่วง, สีแดง PRODUCT(RED) และสีขาว มาพร้อมจอภาพแบบ Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้ว เท่ากับรุ่น iPhone XR
2 กล้อง
◉ กล้องอัลตร้าไวด์ และ ไวด์ เก็บภาพและวิดีโอได้กว้างขึ้น 4 เท่า ใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง ให้มุมมองกว้างขึ้น แม้มีพื้นที่จำกัด โดยสามารถซูมใช้ได้สูงสุด 5 เท่า
◉ เข้าโหมดกลางคืนอัตโนมัติ เมื่อเจอสภาพแสงน้อย ปรับลดนอยซ์ได้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนๆ แบบเห็นได้ชัด
◉ กล้องหน้า ความละเอียด 12MP และสามารถถ่ายสโลโมชั่นได้แล้วเหมือนกล้องหลังที่ความเร็ว 120fps
◉ ใช้งานง่ายขึ้น เพียงกดปุ่มถ่ายภาพค้างหรือปัดขวาก็สามารถถ่ายวิดีโอได้อัตโนมัติ และเพียงปัดซ้ายก็สามารถถ่ายต่อภาพเนื่องได้แบบง่ายดาย
◉ บันทึกวิดีโอได้ 4K 60fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็วด้วยการปรับคุณภาพวีดีโออัติโนมัตให้เข้ากับแอปพลิเคชันนั้นๆ
ชิพใหม่ เร็วกว่า
A13 Bionic ทำให้ไม่ใช่แค่ CPU และ GPU เร็วกว่า A12 ถึง 20% หรือสแกน FaceID รอบทิศเร็วขึ้น 30% แต่ยังทำให้ประหยัดพลังงาน ใช้ได้ยาวนานขึ้นด้วย
กันน้ำ 2 เมตร
สามารถกันน้ำระดับ IP68 ป้องกันน้ำหกในชีวิตประจำวันและทนน้ำที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร นาน 30 นาที
iPhone 11 Pro
รุ่น Pro รุ่นแรกใน iPhone มีให้เลือกทั้งแบบ iPhone 11 Pro ขนาด 5.8 นิ้ว และ iPhone 11 Pro Max ขนาด 6.5 นิ้ว ที่ความจุ 64GB, 256GB และ 512GB
4 สีสัน (ฝาด้าน)
ได้แก่ สีทอง, สีเขียวมิดไนท์กรีน, สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์
3 กล้อง
กล้องอัลตร้าไวด์, ไวด์ และ เทเลโฟโต้ ให้การถ่ายภาพและวีดีโอจากกล้องหน้าและกล้องหลังครอบคลุมคุณสมบัติจากรุ่น iPhone 11 ขณะที่กล้องเทเลโฟโต้มาพร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่ขึ้นเป็น ƒ/2.0 ที่รับแสงได้มากขึ้น 40% เมื่อเทียบกับ iPhone Xs จึงบันทึกภาพได้สวยกว่าเดิม โดยรุ่นนี้สามารถซูมได้สูงสุด 10 เท่าด้วย
ชิพใหม่ A13 ประหยัดพลังงานกว่า
นอกจากชิพ A13 Bionic จะทำให้ CPU และ GPU ทำงานเร็วกว่า A12 ถึง 20% ให้การสแกน FaceID รอบทิศเร็วขึ้น 30% ชิพใหมยังช่วยให้ประหยัดพลังงานขึ้น โดยแบตเตอรี่ของ iPhone 11 Pro สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone Xs สูงสุด 4 ชม. ขณะที่ iPhone 11 Pro Max ใช้งานได้นานกว่า iPhone Xs Max สูงสุด 5 ชม. พร้อมให้สายชาร์จเร็ว 18W ช่วยให้ประหยัดเวลาไปอีก
กันน้ำ 4 เมตร
สามารถกันน้ำระดับ IP68 ป้องกันน้ำหกในชีวิตประจำวันและทนน้ำที่ความลึกตัวเครื่องกันน้ำได้ลึกถึง 4 เมตร นาน 30 นาที
จะเห็นได้ว่า iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ในครั้งนี้ มีส่วนคล้ายกันหลายด้าน ซึ่งนอกจากความแตกต่างของขนาดแล้ว ในรุ่น iPhone 11 Pro ได้มีการเพิ่มกล้องเทเลโฟโต้เข้ามา ซึ่งจะช่วยในการถ่ายภาพระยะไกลและความชัดตื้นของวัตถุ ตลอดจนความจุของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย
ราคา iPhone 11
64GB – 24,900 บาท
128GB – 26,900 บาท
256GB – 30,900 บาท
ราคา iPhone 11 Pro
64GB – 35,900 บาท
256GB – 41,900 บาท
512GB – 48,900 บาท
ราคา iPhone 11 Pro Max
64GB – 39,900 บาท
256GB – 45,900 บาท
512GB – 52,900 บาท
ทั้งนี นอกจากราคาที่เป็นมิตรมาขึ้นกว่าที่ผ่านมาแล้ว ครั้งนี้ยังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษทางหน้าเว็บไซต์ www.apple.com/th/iphone/ ซึ่งให้ผู้ใช้ Apple สามารถผ่อนได้ 0% นาน 10 เดือน และยังสามารถรับเครดิตมูลค่าสูงสุด ฿16,170
ติดตามความเคลื่อนไหวของ OK! Magazine Thailand ได้ที่…
Website : www.okmagazine-thai.com
Instagram : @okmagazinethailand
Facebook : @okmagthailand
Twitter : @okthailand
Comments
comments