
MY OWN VERSION OF JOKER
เมื่อโจ๊กเกอร์อาจไม่ได้ตลกอย่างที่คิด
วาคีน ฟีนิกซ์ กับบทบาทที่ยากที่สุดในชีวิต วิธีเข้าถึงจิตใจของตัวละคร
และการเลือกรับงานแสดงในทุกวันนี้ของนักแสดงมากฝีมือมาดลึกลับ

จัดเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ไม่ว่าจะสวมบทบาทไหนก็เล่นบทนั้นได้อย่างมีเสน่ห์และตีบทแตกได้ทุกครั้งไป สำหรับวาคีน ฟีนิกซ์ นักแสดงวัย 45 ปีผู้มาพร้อมความลึกลับอันน่าค้นหา ไม่ว่าจะบทจักรพรรดิโรมันคู่ต่อสู้ของรัสเซลล์ โครว์ ในหนังมหากาพย์ Gladiator, บทจอห์นนี่ แคช ศิลปินคันทรีเจ้าเสน่ห์ผู้ล่วงลับชาวอเมริกันในหนังชีวประวัติ Walk the Line, บททหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เสพติดแอลกอฮอล์และเซ็กซ์ในหนังดราม่า The Master ตลอดจนบทชายหนุ่มผู้เขียนจดหมายเป็นอาชีพที่พบรักกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะในหนังไซไฟโรแมนติกดราม่า Her แต่บทยากๆ ที่ผ่านมา อาจยังไม่พอสำหรับนักแสดงที่ต้องการท้าทายตัวเองกับบทที่ยากและซับซ้อน ล่าสุดวาคีนจึงกลับมาพร้อมบทที่ทั้งยากและดูโรคจิตในหนังอาชญากรรมระทึกขวัญ Joker โดยสวมบทคาแรกเตอร์โจ๊กเกอร์ ซึ่งนักแสดงชื่อดังอย่างแจ็ค นิโคลสัน และฮีธ เลดเจอร์ เคยตีบทแตกมาแล้ว แต่การที่ผู้ชมซึ่งดูหนัง Joker เป็นครั้งแรกในเทศกาลหนังเวนิส อิตาลี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยืนปรบมือให้หนังนานติดต่อกันถึง 8 นาที รวมทั้งการที่หนังคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังชื่อดังนี้ไปครอบครอง ก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าวาคีนสวมบทโจ๊กเกอร์ผ่านการตีความของเขาได้น่าประทับใจแค่ไหน

ผมไม่ได้เลียนแบบการเล่นบทโจ๊กเกอร์ของนักแสดงคนอื่นๆ ที่เคยรับมาก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ตั้งใจเอาตัวเองออกห่างจากโจ๊กเกอร์ที่นักแสดงคนอื่นๆ เคยสวมบทบาท ผมแค่คิดว่าอยากเล่นในรูปแบบของผม โจ๊กเกอร์ในเรื่องนี้จึงเป็นโจ๊กเกอร์ในเวอร์ชั่นของผมอย่างแท้จริง
Joker เป็นผลงานการกำกับของทอดด์ ฟิลลิปส์ เล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของโจ๊กเกอร์ หรือแต่เดิมคืออาร์เธอร์ เฟลค อาร์เธอร์เป็นชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายทารุณและสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เขารับมือกับความอ้างว้างจนเปลี่ยนเขาจากคนอ่อนแอให้กลายเป็นคนโหดเหี้ยม อาร์เธอร์รับจ้างแต่งชุดตัวตลกรายวัน จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาพยายามจะแสดงตลกเดี่ยว แต่กลับพบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องตลกในสายตาคนอื่น เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่มีผู้คนอยู่รายล้อม ซึ่งเห็นได้จากเสียงหัวเราะที่ควบคุมไม่ได้และดูไม่เหมาะสม ยิ่งเขาพยายามควบคุมเท่าไร มันก็ยิ่งแสดงออกมามากขึ้น จนทำให้เขาแสดงความเยาะเย้ยและความรุนแรงออกมา อาร์เธอร์ทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง และไขว่คว้าตามหาคนที่เหมาะจะเป็นพ่อซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่นักธุรกิจมหาเศรษฐีโธมัส เวย์น ไปจนถึงพิธีกรรายการทีวีเมอร์เรย์ แฟรงคลิน เขาพบว่าตัวเองอยู่ปลายทางระหว่างโลกแห่งความจริงกับความบ้าคลั่ง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวจึงกลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงที่ตามมามากมาย น่าสนใจว่าวาคีนมีวิธีเข้าถึงบทโจ๊กเกอร์ซึ่งเป็นตัวละครที่ซับซ้อน ล้ำลึก มีหลากหลายอารมณ์และแง่มุมนี้อย่างไร มาฟังคำตอบจากปากของนักแสดงตัวจริงคนนี้กัน
อะไรทำให้คุณตัดสินใจรับบทโจ๊กเกอร์ในหนังเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกคุณลังเล อีกทั้งบทนี้ยังเคยเล่นโดยนักแสดงดังอย่างแจ็ค นิโคลสัน และฮีธ เลดเจอร์ ในหนังแฟรนไชส์ Batman มาก่อน
นั่นเพราะทอดด์ ฟิลลิปส์ ผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ครับ เขาต้องการสร้างตัวละครโจ๊กเกอร์ในรูปแบบของตัวเองและทำหนังที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว นอกจากนี้ทอดด์ยังปล่อยให้ผมมีอิสระในการสร้างสรรค์ตัวละคร ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่นักแสดงทุกคนต้องการ ผมอยากสร้างตัวละครโจ๊กเกอร์ด้วยตัวเอง และการร่วมงานกับทอดด์ในครั้งนี้ ผมไม่ได้เลียนแบบการเล่นบทโจ๊กเกอร์ของนักแสดงคนอื่นๆ ที่เคยรับมาก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ตั้งใจเอาตัวเองออกห่างจากโจ๊กเกอร์ที่นักแสดงคนอื่นๆ เคยสวมบทบาท ผมแค่คิดว่าอยากเล่นในรูปแบบของผม โจ๊กเกอร์ในเรื่องนี้จึงเป็นโจ๊กเกอร์ในเวอร์ชั่นของผมและทอดด์อย่างแท้จริง

คุณมีวิธีหรือมุมมองเฉพาะในการสร้างตัวละครนี้อย่างไร
มันเป็นขั้นตอนที่ยาวนานเหมือนกัน จริงๆ ผมกับทีมงานพยายามไม่เข้าถึงบทบาทด้วยวิธีการในช่วงแรกๆ ที่เราพัฒนาตัวละครกันมา เพราะท้ายที่สุดเราพบว่าการให้คำนิยามตัวละครโจ๊กเกอร์ด้วยวิธีที่เฉพาะเจาะจงมากๆ เป็นการบิดเบือนธรรมชาติของตัวละคร และจิตวิญญาณที่ยากจะเข้าใจของเขา โจ๊กเกอร์เป็นตัวละครที่ให้คำจำกัดความได้ยาก ผมเลยไม่อยากระบุความเป็นเขาแบบเฉพาะเจาะจง ต้องยอมรับว่าช่วงแรกผมก็สับสน แต่มีอยู่วันหนึ่งทอดด์ส่งข้อความมาหา พร้อมข้อมูลอ้างอิงและไอเดียบางอย่างมาให้ ซึ่งมันช่วยให้ผมเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างอย่างแจ่มแจ้ง หลังจากนั้นผมก็เข้าใจทุกเรื่องที่ผมจำเป็นต้องทำความเข้าใจได้ทันที
มุมทางจิตวิทยาด้านไหนที่คุณพยายามใส่ไปในตัวละครอาร์เธอร์ เฟลค และการเปลี่ยนแปลงของเขาไปเป็นโจ๊กเกอร์
ผมเข้าไปในจิตใจของตัวละครจริงๆ ผมเน้นเรื่องความสูญเสีย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งลดน้ำหนักเยอะมาก ราว 23 กิโลกรัมในช่วงท้ายของเรื่อง ซึ่งการลดน้ำหนักก็ส่งผลต่อภาวะทางจิตใจของผมไม่น้อย ผมพยายามใส่ความเป็นตัวตนหลักๆ ของเขาลงไปในการแสดงบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ผมได้คำตอบบางอย่างเกี่ยวกับเขากลับมา ผมจำเป็นต้องถอยหลังไป 1 ก้าวเสมอ เพราะอยากทิ้งเสน่ห์ของความลึกลับไว้ โจ๊กเกอร์เป็นตัวละครที่มีบุคลิกไร้ขีดจำกัดและยากจะคาดเดา ยิ่งผมขุดตัวตนภายในของเขาขึ้นมามากเท่าไร ก็ค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ ของเขามากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ตัวละครมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวละครที่เราเห็นในวันแรกกลายเป็นคนละขั้วในช่วงท้าย ผมไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน และโจ๊กเกอร์ก็เป็นบทที่ยากที่สุดที่ผมเคยเล่นมา
คุณได้อ่านงานวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาหรือจิตเวชในช่วงเตรียมตัวรับบทบ้างไหม
ความเชื่อหลักๆ ของผมคือการทำความเข้าใจว่าโจ๊กเกอร์เป็นคนอย่างไรและหาตัวตนของเขาให้ได้ แต่ก็มีอ่านหนังสือที่พูดถึงบุคลิกภาพประเภทต่างๆ ที่หลากหลายของมนุษย์ด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผมไม่ต้องการระบุบุคลิกภาพหรือความผิดปกติของบุคลิกภาพแบบใดแบบหนึ่งแก่ตัวละคร อย่างที่บอกว่าโจ๊กเกอร์ไม่ได้มีบุคลิกภาพแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น และผมก็ได้รับอิสระในการตีความตัวละครนี้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องถูกระบุว่ามีตัวตนแบบไหนหรือจัดอยู่ในคนประเภทใด
คุณเคยกล่าวว่าเสียงหัวเราะคือหนึ่งในสิ่งสำคัญในการสร้างความโดดเด่นให้โจ๊กเกอร์ และช่วยให้เขามีตัวตนที่ไม่เหมือนใคร
การสร้างเสียงหัวเราะแบบร้ายๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนที่บทจะเขียนเสร็จ ทอดด์บอกผมว่าเขาอยากนำเสนอตัวตนของโจ๊กเกอร์ผ่านเสียงหัวเราะ เพราะเขามองว่าเสียงหัวเราะของโจ๊กเกอร์เป็นสิ่งสะท้อนความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความสุขในใจ ซึ่งโจ๊กเกอร์พยายามจะแสดงออกมา แต่ก็รู้สึกอึดอัดและผิดหวัง ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ๆ และไม่อยากให้เสียงหัวเราะนั้นฟังดูน่าขัน อีกแง่หนึ่งผมไม่อยากแสดงบทที่จะทำให้คนดูเห็นแค่ภาพของผู้ชายเสียสติที่ระทมทุกข์เท่านั้น ความปรารถนาที่จะมีความสุข ความต้องการเป็นตัวเองและมีคนมารัก รวมทั้งความรู้สึกที่อยากเข้ากับผู้อื่นในโลกใบนี้ได้ของโจ๊กเกอร์ ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมเช่นกัน
โจ๊กเกอร์เป็นตัวละครที่มีบุคลิกไร้ขีดจำกัดและยากจะคาดเดา ยิ่งผมขุดตัวตนภายในของเขาขึ้นมามากเท่าไร ก็ค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ ของเขามากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ตัวละครมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวละครที่เราเห็นในวันแรกกลายเป็นคนละขั้วในช่วงท้าย ผมไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน และโจ๊กเกอร์ก็เป็นบทที่ยากที่สุดที่ผมเคยเล่นมา

มีการหาข้อมูลเรื่องประเภทของการหัวเราะที่เฉพาะเจาะจงด้วยไหม
ครั้งแรกที่ผมเจอทอดด์ เขาให้ผมดูคลิปวิดีโอของผู้คนที่หัวเราะแบบโจ๊กเกอร์ เพราะพวกเขาทุกข์ทรมานจากความผิดปกติทางอารมณ์ สำหรับผมเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งนั้นคือความรู้สึกที่ถูกกดทับไว้ และเป็นหนึ่งในบุคลิกภาพที่พยายามจะแสดงตัวออกมา เสียงหัวเราะของโจ๊กเกอร์กลายเป็นสิ่งที่ผมหลงใหลมาก มากเสียจนต้องโทรกลับไปหาทอดด์และขอให้เขาช่วยตัดสินว่าผมเลียนแบบเสียงเหล่านั้นได้เหมือนไหม ผมมักทดสอบแต่เรื่องเสียงหัวเราะของตัวเองบ่อยๆ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมในการพิสูจน์ตัวเองกับทอดด์และตัวเอง ในฐานะผู้กำกับที่ทำงานร่วมกับผม ทอดด์ช่วยประเมินผมอย่างต่อเนื่องและตรงไปตรงมา นับเป็นประสบการณ์ที่ยาวนานและน่าขำสำหรับเราทั้งคู่ แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อการแสดง
บทที่ผมเลือกต้องมีอะไรบางอย่างที่ผลักดันให้ผมอยากทุ่มเทเพื่อการแสดงอย่างจริงจัง ผมชอบมุมที่คาดเดาไม่ได้และมุมที่เราไม่มีทางรู้ของตัวละคร รวมทั้งความรู้สึกที่ว่าเป็นไปได้เหมือนกันนะที่เราจะเล่นเป็นตัวละครนั้นได้ไม่ดี ชีวิตส่วนตัวผมเรียบง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากค้นหาบทที่มองออกได้ชัดเจนในตัวของมัน แต่ค้นหาบทที่ซับซ้อนในการเล่นมากกว่า
เรามักเห็นคุณรับบทตัวละครที่มีปัญหาทางจิตใจที่แตกต่างกันไป และบางครั้งก็เป็นตัวละครที่สุดโต่งไปเลย ทำไมบทที่คุณเลือกส่วนใหญ่ถึงเป็นแบบนั้น
บทนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ผลักดันให้ผมอยากทุ่มเทเพื่อการแสดงอย่างจริงจัง ผมชอบมุมที่คาดเดาไม่ได้และมุมที่เราไม่มีทางรู้ของตัวละคร รวมทั้งความรู้สึกที่ว่าเป็นไปได้เหมือนกันนะที่เราจะเล่นเป็นตัวละครนั้นได้ไม่ดี ชีวิตส่วนตัวผมเรียบง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากค้นหาบทที่มองออกได้ชัดเจนในตัวของมัน แต่ค้นหาบทที่ซับซ้อนในการเล่นมากกว่า
ก่อนจะรับเล่นหนังสักเรื่อง คุณใช้เวลาพิจารณานานไหม
ผมมักใช้เวลาพิจารณาบทนานมากกว่าจะตัดสินใจรับงานแสดงสักเรื่อง ทุกอย่างเริ่มตั้งแต่อ่านบท พูดคุยกับผู้กำกับ รวมทั้งการไปพบปะและพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง นี่คือขั้นตอนที่ผมทำกับทอดด์ ทอดด์มีความเข้าใจโลกของนักแสดงและข้อความที่เขาอยากส่งต่อให้ผู้ชมที่ดูหนังของเขาก็น่าสนใจมาก ผมประทับใจมากที่ได้ร่วมงานกับเขาในโปรเจ็กต์หนังเรื่องนี้ รู้สึกว่าเราได้สร้างสรรค์เรื่องราวที่โดดเด่นเฉพาะตัว เหมือนนำเสนอโลกอีกใบให้แก่ผู้ชม
คุณรู้สึกกดดันกับความคาดหวังของคนดูในการปลุกตัวละครโจ๊กเกอร์ขึ้นมาอีกครั้งในหนังเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า
การรับบทโจ๊กเกอร์และเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับสิ่งทั่วๆ ไปที่นักแสดงต้องทำเวลาเล่นหนังสักเรื่อง เพราะฉะนั้นเมื่อได้รับบทมาแล้ว แน่นอนว่าคุณต้องมีการพูดคุยกับผู้เขียนบท ซึ่งบ่อยครั้งมักเป็นผู้กำกับด้วยเหมือนกับหนังหลายเรื่องที่ผมเล่นมา พวกเขามีความคาดหวังในตัวละคร และได้จินตนาการอะไรหลายๆ อย่างในหัวมาหลายปี รวมทั้งจินตนาการถึงนักแสดงที่จะมารับบทด้วยเช่นกัน ทันทีที่คุณรับเล่น คุณมักต้องประสบกับช่วงเวลาที่วิตกกังวลจนต้องถามตัวเองว่า “เราจะทำได้อย่างที่เขาคาดหวังไว้ไหม” แต่ผมก็ไม่สามารถมานั่งคิดว่าก่อนที่บทจะตกถึงเรา ทีมงานเคยทาบทามใครมาบ้าง หรือมุมมองที่พวกเขามีต่อหนังเมื่อ 6 เดือนที่แล้วเป็นแบบไหน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาตอนนี้ต่างหาก และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง คุณต้องพยายามด้วยตัวเองและเข้าถึงบทบาทด้วยวิธีการของคุณ
JOAQUIN’S WORLD
ก้าวเข้าสู่โลกส่วนตัวของวาคีน ฟีนิกซ์ กันหน่อย!
1. เป็นที่ทราบกันดีว่าวาคีนเป็นน้องชายของริเวอร์ ฟีนิกซ์ พี่ชายนักแสดงชื่อดังผู้ด่วนจาโลกนี้ไปในปี 1993 ด้วยวัยเพียง 23 ปี ริเวอร์โด่งดังจากหนังหลายเรื่อง ทั้ง Stand by Me, Running on Empty, My Own Private Idaho ซึ่งเรื่องหลังนี้ยังทำให้เขากับคีอานู รีฟส์ ซึ่งเป็นเพื่อนนักแสดงกลายเป็นเพื่อนซี้กันด้วย วาคีนเปิดใจในเทศกาลหนังโทรอนโต แคนาดา ปีนี้ ว่าริเวอร์เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเป็นนักแสดง “ตอนผมอายุ 15-16 ปี ริเวอร์กลับบ้านมาพร้อมวิดีโอหนังเรื่อง Raging Bull เขาชวนผมนั่งดูหนังเรื่องนั้นด้วยกัน วันถัดมาก็ปลุกผมมาดูหนังอีกรอบ แล้วบอกว่า ‘นายต้องกลับไปแสดงหนังอีกนะ นี่ล่ะคือสิ่งที่นายจะได้ทำ’ เขาไม่ได้ขอร้องผม แต่แค่บอกผม ผมรู้สึกว่าผมติดหนี้เขานะที่พูดแบบนั้น เพราะจวบจนถึงทุกวันนี้การแสดงได้มอบชีวิตที่เหลือเชื่อมากให้แก่ผม”
2. วาคีนเป็นมังสวิรัติ และปฏิเสธการใส่เสื้อผ้าในกองถ่ายที่ทำจากหนังสัตว์
3. ปี 2005 วาคีนเปิดใจกับเพื่อนๆ และครอบครัวว่าเขาติดแอลกอฮอล์ และหลังจากนั้นก็รีบเข้ารับการบำบัดทันที
4. ที่ผ่านมาวาคีนได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 3 ครั้ง คือจากหนังเรื่อง Gladiator, Walk the Line และ The Master



5. ในวัย 44 ปี ไม่น่าเชื่อว่าวาคีนไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ที่ผ่านมาเขาเคยคบกับนักแสดงสาวลิฟ ไทเลอร์, นางแบบชาวแอฟริกาใต้โทปาซ เพจ-กรีน ปัจจุบันเขาอินเลิฟกับนักแสดงสาวรูนีย์ มาร่า ซึ่งดีกรีความเป็นนักแสดงมากฝีมือนั้นไม่เป็นรองกันเลย คู่นี้อินเลิฟมาตั้งแต่ปลายปี 2016 และมีการยืนยันว่าหมั้นหมายเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้

[Credit]
Interview: WENN
Photographs: ©2019 Warnerbros.ent., Instagram: @labiennale, @tiff_net, @jokermovie
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand
Comments
comments