ถึงแม้สาวหมวยอินเตอร์ที่ผันตัวเองจากการเป็นนักร้องมาสู่การเป็นนักแสดงอย่างแก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล จะมีตารางการทำงานที่แน่นเอี๊ยด แต่เธอก็ยังแบ่งเวลาที่เหลือจากงานละครไปทำใช้ชีวิตแบบอื่นที่เธอชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจร้านอาหารเกาหลี Yeolbong หรือการท่องเที่ยวตามที่เคยฝันไว้ตั้งแต่ยังเด็กว่าอยากเดินทางรอบโลก อย่างที่เราได้เห็นภาพของเธอไปปักหมุดเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผ่านอินสตาแกรม @kaewjarin นอกจากนี้แก้วยังเปิดเพจท่องเที่ยวกับเพื่อนสนิทชื่อ Mini Travel Book เรียกว่านักแสดงวัย 26 ปีคนนี้มีพลังงานล้นเหลือจริงๆ
เหมือนการแสดงจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของแก้วไปแล้ว ตอนนี้การแสดงเป็นงานที่ใช่สำหรับแก้วแล้วหรือยัง
ความใช่อยู่ที่ประมาณ 80% นะคะ แต่ยังไงแก้วก็ทำงานเต็มที่ทุกครั้ง ถึงแม้ในช่วงแรกๆ จะไม่เข้าใจมุมกล้อง จังหวะ แต่พอเข้าที่เข้าทางก็รู้สึกสนุก ท้าทาย ซึ่งพอเห็นผลงานที่ออกมาก็ภูมิใจตลอด
ถ้านับรวมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้แก้วก็ทำงานในวงการมาประมาณ 10 ปีแล้ว ตอนแรกพ่อของแก้วยังเป็นกังวลเลยว่าจะไหวเหรอ เพราะแก้วเป็นคนที่ขี้อายมาก ไม่กล้าพูด ไม่กล้ามองหน้าคน สั่งอาหารก็ยังไม่กล้าเลย แค่ยกมือจะสั่งพนักงานยังเขิน จำได้ว่าตอนไปออดิชั่นครั้งแรกแก้วร้องเพลงแบบไม่มองหน้าคนอื่น ซึ่งตอนนั้นตัวเองร้องเพลงแย่มากเลยนะ แต่คงเพราะเรามีคาแรกเตอร์ที่เข้าตาก็เลยได้รับโอกาสนั้นมา จากนั้นก็พยายามพัฒนาตัวเอง ทางครอบครัวก็ดีใจที่ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เข้าสังคมได้มากขึ้น
แก้วมักจะถูกโฟกัสในเรื่องความรัก แต่มีเรื่องไหนไหมที่คิดว่าคนรู้จักเรื่องนี้ของแก้วน้อยเหลือเกิน
เรื่องเรียนทำอาหารค่ะ คือจะมีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม ซึ่งแก้วจะทำงานที่ไหนไม่ได้ เลยมีช่วงว่างอยู่ 1 ปี ช่วงนั้นค่อนข้างหงุดหงิดกับตัวเอง เพราะว่างมาก แต่รู้ตัวว่าเป็นคนชอบเดินทางไปชิมอาหาร มองหาร้านอร่อยๆ กิน เลยคิดว่าถ้าชอบกินก็น่าจะทำอาหารได้นะ เลยไปเรียนที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ที่เป็นสถาบันสอนทำอาหารชื่อดัง ค่าเรียนสูงมาก แต่พ่อบอกว่าเต็มที่ไปเลย วันแรกที่เรียนก็ช็อคมาก เราเข้าไปห้องเดโม ดูเชฟทำอาหาร แล้วก็คอยจดตามที่เขาบอก ฟังคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ค่อยเข้าใจ ในขณะที่คนอื่นเขาพร้อมหมด ตอนนั้นแก้วถามตัวเองเลยว่า ฉันมาทำอะไรตรงนี้ ไข่เจียวยังทอดไม่เป็นเลย พอจดเสร็จแล้ว เราก็ต้องไปห้องปฏิบัติ ซึ่งแก้วไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน คือจะมีเชฟมาคอยเคี่ยวเข็ญเราอยู่ด้านหลัง เร่งเราว่าต้องเร็วกว่านี้ ต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ในขณะที่ขั้นตอนเยอะมาก โหดยิ่งกว่า Master Chef Thailand อีก ตอนแรกแก้วนึกว่าตัวเองจะมาเรียนชิลล์ๆ สวยๆ แต่ภาพที่เจอทำให้รู้สึกเหมือนเป็นนางเอกเกาหลีที่ถูกพระเอกทำร้าย ไหนมีดจะหั่นโดนมือจนเป็นแผลอีก พอเรียนเสร็จ ตอนขับรถกลับบ้านแก้วก็โทรหาแม่แล้วร้องไห้เลย บอกว่าไม่อยากเรียนแล้ว นี่คิดผิดหรือเปล่าที่เรียน แม่บอกว่าไม่ได้ ต้องเรียนต่อ เพราะค่าเรียนไม่ถูก ก็เลยฮึดสู้ ลุยให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่ง มีดก็หั่นโดนนิ้วเราทุกวัน ทำไปก็ร้องไห้ไป แต่ในที่สุดประมาณ 1 เดือน ก็สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ รู้สึกภูมิใจมากค่ะ เข้าใจเลยว่าถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เราทำได้นะ แล้วพอมองย้อนกลับไปก็แอบคิดเหมือนกันว่า แก้วผ่านมาได้อย่างไร แต่แก้วยังไม่ได้มีโอกาสเรียนคอร์สสุดท้าย
แก้วมีมุมหวานไหม
มีนะคะ เพราะเป็นคนโรแมนติก ชอบเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ อย่างวันเกิดเพื่อน แก้วก็จะวางแผน ทำอะไรน่ารักๆ ให้ แล้วก็ชอบทำของแฮนด์เมด เขียนการ์ด ทำการ์ดเอง ปริ้นรูปมาแปะเอง เพราะก็พอครีเอทได้อยู่ การทำอะไรแบบนี้รู้สึกว่ามันเป็นความจริงที่ออกมาจากใจเรา แต่ถ้ามีคนมาซื้อของแพงๆ ให้ก็จะบอกว่าไม่รับได้ไหม เขียนการ์ดให้แทนได้ไหม เพราะอยากได้การ์ดมากกว่า หรือถ้าจะรับก็อาจจะเป็นของที่ตอนนั้นเราต้องการจริงๆ มากกว่า ส่วนดอกไม้ก็นานๆ ทีก็ได้ เพราะผู้หญิงก็ต้องอยากได้ดอกไม้ (แล้วหนุ่มคนรู้ใจชอบทำอะไรให้) เขาจะรู้ว่าเราต้องการอะไร ในช่วงเวลาไหนค่ะ
ในอินสตาแกรมของแก้วเห็นว่าไปปักหมุดเช็คอินตามที่ต่างๆ หลายที่เลย อะไรที่ทำให้ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบนี้
ตอนเด็กๆ แก้วมีความฝันว่าอยากเดินทางรอบโลก อยากไปเห็นที่ที่เคยเห็นในหนังอย่างประเทศมาดากัสการ์ หรืออย่างอียิปต์ที่เพิ่งกลับมาไม่นานก็เป็นเดสติเนชั่นในฝันของแก้วนะคะ ตอนไปอียิปต์รู้สึกว่ามันเติมเต็มเรา ยิ่งตอนได้เห็นพีระมีดนี่ประทับใจมาก ประหลาดใจมากว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างไร หินแต่ละก้อนมันใหญ่กว่าตัวเราอีก แล้วนี่ต้องใช้หินตั้งกี่หมื่น กี่ล้านก้อน มาประกอบกัน รู้สึกยิ่งใหญ่ อลังการมาก หรืออย่างประเทศมาดากัสการ์ ก็คิดว่าไม่ปีนี้ก็ปีหน้าต้องไปแล้ว นอกจากนี้ก็อยากไปนอร์เวย์ ธรรมชาติที่นั่นสวยมาก เราจะต้องไปปีนเขาลูกหนึ่งที่มีหินบางๆ รูปร่างคล้ายๆ ลิ้นยื่นออกมา แล้วแก้วจะไปยืนตรงนั้น พร้อมกับถ่ายรูปอัพลงอินสตาแกรมให้ได้ ส่วนอีกที่คือเอเวอร์เรสต์ แต่ที่นั่นคงต้องฟิตให้มากๆ เพราะแก้วไม่ได้เป็นคนที่แข็งแรงขนาดนั้น
สิ่งหนึ่งที่แก้วได้พบในการเดินทางคือเพื่อนร่วมทริปสำคัญมาก เพราะจะหาคนที่ไปทริปด้วยกัน 2 อาทิตย์แล้วไม่เบื่อหน้ากันนี่ยากมากจริงๆ ดังนั้นคนที่แก้วชวนจะต้องคิดแล้วว่าเวลาอยู่ด้วยกันน่าจะมีปัญหากันน้อย เพราะการไปเมืองนอกแล้วทะเลาะกันเป็นเรื่องไม่สนุกเลย แต่แก้วก็ประสบความสำเร็จทุกครั้งในการชวนเพื่อนนะคะ
แล้วการไปเที่ยวกับบาส ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ (บาส Better Weather หนุ่มคนสนิทของแก้ว) ล่ะ เขาเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีไหม
เขาเป็นเพื่อนเร่วมทางที่ดีนะ อาจจะมีเรื่องทะเลาะกันบ้าง เช่น แก้วเป็นคนเดินเร็ว และค่อนข้างเป๊ะ เลยหงุดหงิดกับคนง่าย บางมุมที่พี่บาสถ่ายรูป แก้วก็รู้สึกว่าถ่ายเยอะจัง ตรงนี้ถ่ายไปกี่รอบแล้ว แต่สุดท้ายความชอบเราก็คล้ายกันอยู่ดี และถ้าตื่นมา เจอหน้ากัน 20 วันเรายังไม่เบื่อกันก็ถือว่า OK!
เป็นคู่รักนักเที่ยวแบบนี้ มีแพลนไว้ไหมว่าปีหนึ่งอยากไปสักกี่ทริป
ไม่ได้แพลนค่ะ แต่พี่บาสเองเขาไปตลอด เพราะทำรายการ Go Went Go : เที่ยว เว้น เที่ยว เป็นเพจในเฟสบุ๊ค แล้วก็มีช่องยูทูป ส่วนเราก็แล้วแต่ช่วงสะดวกของตัวเองด้วย
แฟชั่นในการเดินทางเของแก้วล่ะป็นอย่างไรบ้าง
เราจะมีการฟิตติ้งไว้ก่อนแล้วว่าไปที่ไหนจะต้องใส่ชุดอะไร สีอะไร ตอนไปอียิปต์ก็จะมีชุดหนึ่งที่เป็นแนวแม่หมอหน่อยจะได้เข้ากับสถานที่ หรืออย่างผ้าโพกหัวที่อียิปต์นี่ถ้าใครไปแล้วไม่โดนหลอกซื้อมาก็ถือว่า ไม่ใช่แล้ว เขาจะเดินเข้ามาแล้วบอกว่า ฟรี หรือไม่ก็ 1 ดอลล่าห์ แต่พอเราหยิบไปแล้ว เขาจะขอเงิน แล้วก็ขอเงินไทยด้วย
เป็นสาวกิจกรรมหนัก ตารางงานแน่น แต่ถ้าสามารถทำอะไรเพิ่มได้อีกสัก 1-2 อย่าง อยากทำอะไร
ตอนนี้กำลังทำเพจท่องเที่ยวชื่อ Mini Travel Book เพิ่งเปิดได้สักพัก เป็นการรวมตัวกับเพื่อนที่ชอบไปเที่ยวแล้วเราก็เล่าเรื่องให้เหมือนกับคนที่เข้ามาในเพจได้ไปกับเรา และตอนนี้แก้วกำลังจะเปิดเพจกับเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นแนวเผชิญความกลัวของตัวเอง อย่างแก้วเป็นคนที่กลัวความสูงมาก แค่ยืนบนตึกแล้วมองลงมาก็จะเป็นลมแล้ว ขึ้นชิงช้าสวรรค์ไม่ได้ เลยอยากเผชิญความกลัวตรงนั้นก็เลยไปโดด Skydiving ที่ความสูง 14,000 ฟุต จำได้ว่าครั้งแรกที่กำลังจะไปทำกิจกรรมนี้ ร่างกายก็ค่อยๆ ต่อต้าน ไม่สบาย เสียงเริ่มหาย เริ่มเจ็บคอ (หัวเราะ) แต่พอทำแล้ว เหมือนได้ทำอะไรสำเร็จไปอีกอย่าง เรื่องนี้เป็นการยืนยันอีกเรื่องว่าแค่เราลองสู้ ทุกอย่างไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด
ทำนู่น ทำนี่ตลอด แบ่งเวลาให้กับความรักอย่างไร
แล้วแต่ช่วงค่ะ ถ้าตอนนั้นมีเวลาว่างเยอะก็ได้เจอกันบ่อย แต่ถ้าช่วงนี้ต่างคนต่างก็ทำงานเยอะจริงๆ ก็จะคุยกันว่าเราว่างตรงกันช่วงไหน จะได้บริหารจัดการเวลามาเจอกันได้ถูก เขาจะใช้วันว่างของแก้วเป็นหลัก เพราะตารางงานเราค่อนข้างฟิกซ์ แต่ของพี่บาส เขาทำบริษัทตัวเอง ทำเพจเอง ทำยูทูบเอง เลยสามารถจัดตารางเองได้
ความรักของแก้วกับบาสตอนนี้เรียกว่าเป็นความรักแบบไหน
เป็นความรักของคนที่โตมากแล้ว อยู่ด้วยความเข้าใจ เชื่อใจกันและกัน ซึ่งนี่เป็นหลักที่ทำให้เราคบกันได้นาน และเวลาที่อยู่ด้วยกันเราสามารถเป็นตัวเองได้ ไม่อึดอัด พอเราโตขึ้น แก้วก็ไม่อยากเริ่มใหม่กับความรักบ่อยๆ ดังนั้นตอนเจอกันแรกๆ ก็พูดกันตรงๆ เลยว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร แก้วบอกเลยว่าเป็นคนนิสัยยังไง เช่น เป็นคนใจร้อน แต่ถ้าพูดให้เข้าใจก็เข้าใจได้ แก้วไม่ได้ต้องการความรักอะไรมากมาย แค่อยู่ด้วยกันแล้วแฮปปี้ก็ดีแล้ว
เมื่อก่อนแก้วจะกลัวคนมองเรา จะทำอะไรก็ห่วง กังวล แต่พอถึงวันนี้ก็เรียนรู้ว่าเรื่องความรักอยู่ที่เราสองคน คู่เรามีอะไรก็คุยกันตรงๆ ไม่ต้องมานั่งเก็บความรู้สึกกัน และโชคดีที่เขาก็ทำให้เรารู้สึกด้วยว่า เราคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง (มีสเปกหนุ่มในฝันไหม) มีนะคะ แก้วชอบผู้ชายเข้มๆ แมนๆ หน่อย แต่ความจริงก็ไม่ต้องตายตัวว่าเป็นแบบนี้นะ เพราะถ้าเจอกันแล้วเขาทำให้เรายิ้มได้ สบายใจได้ก็ OK! ส่วนรูปร่างก็ถือว่าเป็นโบนัส
เครดิตเรื่องและภาพ : OK! Magazine Issue 302
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments
