นี่คืออีกหนึ่งที่สุดของนักแสดงฮอลลีวูดรูปหล่อขวัญใจสาวแห่งยุค 90 หลายคนอาจยังจดจำคีอานู รีฟส์ กันได้ดี เพราะเขาเคยสาดเสน่ห์ความหล่ออันเข้มข้นจนทำสาวๆ ทั่วโลกใจละลายมานักต่อนัก ไม่ว่าจะจากหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์ Point Break (1991), หนังแอ็กชั่นทริลเลอร์สุดคลาสสิก Speed (1994), หนังโรแมนติกดราม่า Sweet November (2001) ฯลฯ และที่สุดแห่งภาพจำสุดคูลของคีอานู ต้องยกให้บทนีโอ มนุษย์เหนือโลกจากหนังแอ็กชั่นไซไฟไตรภาคที่ประสบความสำเร็จถล่มทลายทั่วโลกอย่าง The Matrix (1999), The Matrix Reloaded (2003), The Matrix Revolutions (2003) ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกเมทริกซ์ โลกจำลองที่เหล่าเครื่องจักรสร้างขึ้นเพื่อควบคุมมนุษย์ ซึ่งหนังไซไฟขึ้นหิ้งเรื่องนี้ยังโดดเด่นตรงที่อ้างถึงแนวคิดทางศาสนาและปรัชญาจำนวนมาก รวมถึงวัฒนธรรมของแฮ็กเกอร์ด้วย
หนังเรื่องใหม่ เสื้อผ้าสีดำ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ของหนุ่มหล่อผู้รักสันโดษคีอานู รีฟส์
มาถึงวันนี้คีอานูยังคงอินกับการเล่นหนังไซไฟ แอ็กชั่น และทริลเลอร์เช่นเคย ผลงานจอเงินของเขาที่โด่งดังและกวาดรายได้เพียบในระยะหลังๆ คือหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์ John Wick (2014) ที่ทั้งโหดทั้งสุดมันส์กับบทมือสังหารสุดหล่อจอมโหด จนต้องมีภาคต่อ John Wick: Chapter 2 (2017) ตามมา และเดือนพฤษภาคมปีนี้ก็จะตามมาด้วยภาค 3 ในชื่อ John Wick 3: Parabellum (2019) อีกด้วย ล่าสุดคีอานูสตาร์ทต้นปีนี้ด้วยผลงาน Replicas หนังไซไฟทริลเลอร์ที่เล่าเรื่องราวของวิลเลียม ฟอสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ต้องสูญเสียภรรยาและครอบครัวไปหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เหตุการณ์ครั้งนั้นมันหลอกหลอนและฝังอยู่ในใจ จนเป็นเหตุให้เขาพยายามจะปลุกครอบครัวอันเป็นที่รักให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง
ทุกวันนี้ตัวเลขอายุของคีอานูอยู่ที่ 54 ปี เขายังคงสถานะหนุ่มโสด แม้ความหนุ่มจะบ๊ายบายไปบ้างตามกาลเวลา รวมทั้งจังหวะชีวิตอาจไม่ผาดโผนหรือน่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อครั้งวัยหนุ่ม แต่คีอานูก็ดูจะมีความสุขแบบสันโดษและเรียบง่ายในบ้านของเขาที่แอลเอ แคลิฟอร์เนีย รวมทั้งแฮปปี้กับการขี่มอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหลงรัก ซูเปอร์สตาร์ดังยังเป็นผู้ก่อตั้งและหนึ่งในเจ้าของ Arch Motorcycle Company บริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์แบบสั่งทำในแคลิฟอร์เนียด้วย การใช้ชีวิตแบบสันโดษอาจไม่ได้เหงาและน่าสงสารอย่างที่หลายคนคิดเสมอไป เพราะอย่างน้อยคีอานูก็เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่าเขาก็สามารถมีความสุขตามลำพังได้ตามวิถีทางของตัวเอง และเราเชื่ออย่างหนึ่งว่าเสน่ห์สุดฮอตเกินต้านทานของเขาในวันวาน มาวันนี้มันได้กลายเป็นเสน่ห์ของหนุ่มใหญ่ที่แม้จะแฝงความลึกลับอยู่ในที หากแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
ช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของหนัง Replicas ให้ฟังหน่อยได้ไหม
Replicas เป็นเรื่องราวที่มาจากไอเดียของสตีเฟน ฮาเมล กับผมที่พูดถึงวิลเลียม ฟอสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ทำให้เขาสูญเสียภรรยาและลูกๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิลเลียมอยากให้ครอบครัวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงเริ่มต้นจากการเล่นกับความทรงจำของพวกเขา แต่จะปล่อยให้พวกเขาจำเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหรือรู้ตัวว่าตัวเองตายแล้วไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องดำดิ่งเข้าไปในคลังข้อมูลสมองเพื่อเปลี่ยนความทรงจำและตัวตนของครอบครัว อย่างไรก็ตามวิลเลียมเดินทางเข้าไปยังดินแดนของสมองที่เขาไม่รู้จักเลย อีกทั้งทุกอย่างยังไม่เป็นไปตามแผนที่คิดไว้ด้วย
อะไรที่ดึงดูดให้คุณตกลงรับบทวิลเลียม ตัวละครที่โศกเศร้าเสียใจใน Replicas
ผมสนใจมุมของครอบครัวที่ต้องเผชิญความสูญเสีย และวิธีที่ตัวละครของผมรับมือกับการสูญเสียที่คาดไม่ถึงนั้น นี่เป็นบทที่แตกต่างจากที่ผมเคยเล่นในอดีตเป็นอย่างมาก ผมอยากเข้าไปค้นหาความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในใจของตัวละครจากการพยายามรับมือกับการสูญเสีย และการเรียกคืนครอบครัวของเขาให้กลับมาอีกครั้งด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีสุดล้ำทางวิทยาศาสตร์
นับว่าแนวคิดเรื่องการจับหรือถ่ายโอนจิตสำนึกของมนุษย์อย่างที่ตัวละครวิลเลียมทำเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
ประเด็นคือเราไม่เข้าใจและแทบไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าจิตสำนึกและการรู้สึกตัวของมนุษย์อยู่ตรงไหนในสมองของเราด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าความเข้าใจพื้นฐานของเรา ไม่ว่าจะเรื่องโครงสร้างสมอง ประจุไฟฟ้า และระบบประสาทรอบนอก ผมมองว่าทั้งหมดนี้ช่วยกระตุ้นความคิดและจินตนาการของเรา ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากวิทยาศาสตร์สามารถระบุได้ว่าจิตสำนึกนั้นเป็นของคนๆ หนึ่ง และสามารถถ่ายโอนจิตสำนึกของมนุษย์ได้จริงๆ การวิจัยข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการลงรายละเอียดถึงการเชื่อมต่อทั้งหมดของสมองเป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน และท้ายที่สุดวันหนึ่งเราก็จะเข้าใจมากขึ้นและค้นพบว่าจิตสำนึกของมนุษย์มีหรืออาจไม่มีอยู่จริงกันแน่!
นอกจากจะเป็นนักแสดงนำแล้ว คุณยังเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของ Replicas ด้วย และระยะหลังมานี้คุณมีส่วนร่วมในขั้นตอนการผลิตและพัฒนาหนังมากขึ้น โดยเฉพาะกับหนังภาคต่อ John Wick ที่คุณนำแสดง
ผมชอบขั้นตอนของการพัฒนาหนังมาก ชอบที่ได้นำเสนอเรื่องราวและตัวละครใหม่ๆ การมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ Replicas และภาคต่อของ John Wick รวมทั้งขยายเรื่องราวของเขาให้กว้างขึ้น เป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับผม ผมคิดว่าคงเจ๋งมากถ้าเราจะเล่าเรื่องราวภาคที่ 3 ของจอห์น วิค ต่อ และยังคงสร้างความเป็นตำนานให้กับตัวละครนี้ได้ แน่นอนว่าเรามีไอเดียดีๆ มานำเสนอผู้ชมในภาคต่อภาคที่ 3 John Wick 3: Parabellum ครับ
ที่ผ่านมาหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์ที่คุณนำแสดง ทั้ง John Wick และ John Wick: Chapter 2 ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น อะไรในตัวละครจอห์น วิค ที่ทำให้คุณอยากสวมบทบาทเป็นเขา
ผมรู้สึกคลิกกับเขาและชอบที่ได้สวมบทบาทนี้ เขาทั้งถูกซ้อม ถูกโยนออกไปทางหน้าต่าง และโดนกระทำอื่นๆ อีกมากมาย แต่ไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้ เขาลุกขึ้นสู้ทุกครั้งที่ล้ม ผมชอบความมุ่งมั่นตั้งใจและการที่เขาเยียวยาตัวเองและลุกขึ้นสู้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็คงเหมือนกับชีวิตของเราที่ต้องเจอะเจอกับปัญหาและเรื่องท้าทายทุกวัน แต่เราก็พยายามหาทางรับมือเพื่อก้าวผ่านปัญหานั้นไปให้ได้ จอห์นเป็นผู้ชายที่แกร่งมาก
คุณคิดว่าตัวละครจอห์น วิค มือสังหารจอมโหดนั้นเหมือนคุณในแง่ไหนบ้าง
จอห์น วิค เป็นคนสันโดษ ออกจะเหมือนผมตรงนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีเพื่อนหรอกนะ แต่เพราะบ่อยครั้งผมชอบใช้ชีวิตเงียบๆ ตามลำพังมากกว่า แต่เขากับผมก็ต่างกันในหลายๆ เรื่อง และเขาก็มีพลังแห่งความมุ่งมั่นอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งผมคงได้แค่หวังที่จะทำให้ได้อย่างนั้นแบบเขา
กังวลบ้างไหมว่าหนังภาคต่อ John Wick จะมีความรุนแรงมากไป
หนังเรื่องนี้มีสไตล์ของหนังที่ชัดเจนมาก และความรุนแรงก็มีขึ้นเพื่อสื่อให้เห็นถึงอารมณ์อันเข้มข้น รวมทั้งเพื่อสร้างความบันเทิงด้วย โดยเฉพาะฉากการต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่สวยงาม เรากำลังเล่าเรื่องราวของการล้างแค้น ซึ่งมักมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมหนังทั้งในหนังอเมริกันและหนังญี่ปุ่นเสมอ จอห์น วิค พยายามใช้ชีวิตอย่างสงบ เขาพยายามก้าวผ่านความเศร้าโศกเสียใจหลังจากสูญเสียภรรยา แต่เขาก็มีด้านมืดอันเลวร้ายที่จะปรากฏออกมาเมื่อถูกกระตุ้นหรือข่มขู่ คุณคงไม่อยากโคจรมาเจอผู้ชายแบบนี้หรอก ที่จริงเขาก็มีความยุติธรรม คุณธรรม และจริยธรรมในแบบของตัวเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องการแก้แค้นอันเกรี้ยวกราดล่ะก็ ไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้ นี่เป็นวิธีสร้างสมดุลระหว่างความดีกับความชั่วบนโลกนี้ในรูปแบบของเขา
ในหนังภาคต่อ John Wick: Chapter 2 และ John Wick 3: Parabellum เราเห็นลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น เพื่อนนักแสดงชื่อดังจากหนังแฟรนไชส์สุดฮิต The Matrix มาร่วมแสดงด้วย เป็นไงมาไงเขาถึงงานร่วมงานกับคุณได้
ผมกับลอว์เรนซ์เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว วันหนึ่งเราไปแฮงเอาต์กันและผมก็บอกเขาว่าผมกับทีมงานกำลังจะมีภาคต่อของหนัง John Wick ลอว์เรนซ์ได้ยินแล้วก็สนใจ อยากอ่านบท และเป็นส่วนหนึ่งของหนังบ้าง ผมเลยโทรหาแชด สตาเฮลสกี้ ผู้กำกับ และบอกเขาว่าลอว์เรนซ์อยากอ่านบทหนัง แชดเลยส่งบทไปให้ลอว์เรนซ์ พออ่านบทแล้วเขาก็ตอบตกลงรับเล่นหนังทันที ผมรู้สึกว่ามันเจ๋งมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับลอว์เรนซ์หลังจากเคยเล่น The Matrix กับเขามาหลายปี ผมคิดว่าลอว์เรนซ์เป็นนักแสดงที่โดดเด่นคนหนึ่ง ผมชอบดูเขาแสดงและสวมบทบาทเป็นตัวละครใน John Wick เพราะเขาสามารถใส่ความข่มขู่เคียดแค้นและอารมณ์ขันเข้าไปในตัวละครที่เล่นได้อย่างกลมกลืน
เรามักเห็นคุณใส่สูทสีดำและตัวละครส่วนใหญ่ที่คุณเล่นในหนังแอ็กชั่น ไม่ว่าจะใน The Matrix หรือ John Wick ก็มักใส่เสื้อผ้าสีดำบ่อยๆ มีอะไรเกี่ยวกับสีดำที่คุณชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า
(ขำเบาๆ) ผมคิดว่าสีดำเป็นสีที่มีสไตล์มาก มันเป็นสีที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจ เวลาที่ใส่ชุดสีดำ แน่นอนว่ามันส่งผลต่อบุคลิกและท่าทางของผม แต่เสื้อผ้าโทนสีดำในหนังอย่าง The Matrix และ John Wick ซึ่งออกแนวเซ็ตเทรนด์แฟชั่น มันก็แสดงถึงความหม่นเศร้าอยู่เหมือนกัน
ล่าสุดเราเห็นคุณกลับไปร่วมงานกับวิโนนา ไรเดอร์ อีกครั้งในหนังโรแมนติกคอเมดี้ Destination Wedding หลังจากที่คุณทั้งคู่เคยเล่นหนัง Bram Stoker’s Dracula (1992) ด้วยกัน รู้สึกอย่างไรที่ได้หวนมาร่วมงานกันอีกครั้ง
ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับวิโนนาอีกครั้ง คิดว่า Destination Wedding เป็นหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ดีและบทก็ดีมาก ผมไม่ค่อยมีโอกาสเล่นหนังแนวนี้เท่าไร แต่ก็ตื่นเต้นมากนะที่มีโอกาสได้ตกหลุมรักอีกครั้งอย่างในหนัง ผมกับวิโนนารู้จักกันมานาน มีมิตรภาพที่ดี ติดตามผลงานของกันและกัน และมีมุมมองเกี่ยวกับโลกใบนี้คล้ายๆ กัน ในแง่ของการทำงาน นิสัยเราก็เหมือนกันเด๊ะ เราเชื่อใจและสบายใจที่ได้ทำงานด้วยกัน และมักมีความรู้สึกประมาณว่ามาๆ เราไปเข้าฉาก ไปเตรียมรับมือกับงานหนักกันเถอะ
ดูเหมือนคุณจะใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเองและอย่างเป็นอิสระมาก บางครั้งก็อยู่ไม่เป็นที่ งานแสดงมีส่วนช่วยให้คุณติดดินอย่างไรบ้าง
การทำงานหนักมากและต้องย้ายกองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผมก้าวผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวดบางช่วงในชีวิตมาได้ กองถ่ายหนังในทุกๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหม่ๆ ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำงานที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและพอใจมาก แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังคงค้นหาความแข็งแกร่งภายในจิตใจและแสวงหาปัญญาอยู่ รวมทั้งมองอนาคตอย่างมีความหวังและมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
เมื่อครั้งยังเป็นนักแสดงวัยรุ่นของฮอลลีวูด คุณเคยบอกว่าชอบใช้ชีวิตในโรงแรมมากกว่าที่บ้านของตัวเอง ทำไมตอนนั้นคุณถึงคิดแบบนั้น
ผมเคยใช้ชีวิตราวกับเป็นพวกยิปซีมานานมาก แต่ก็สนุกที่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นนะ ตอนนั้นเมื่อไรก็ตามที่ผมกลับไปยังแอลเอหลังจากถ่ายหนังเสร็จ ผมมักเข้าพักในโรงแรมหรือไม่ก็เช่าบ้านอยู่ แต่หลังจากใช้ชีวิตแบบนั้นได้สักพัก ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยกับการไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงตัดสินใจมองหาบ้านสักหลังที่ชอบ สุดท้ายผมก็มาเจอบ้านหลังหนึ่งที่ชอบจนถึงต้องพูดว่า “บ้านแบบนี้นี่ล่ะที่ต้องการ!” และตัดสินใจซื้อ ผมใช้ชีวิตที่บ้านหลังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เวลาอยู่บ้านผมรู้สึกสบายมาก ทั้งบ้านผมยังเหมาะกับการชวนเพื่อนๆ มาแฮงเอาต์ด้วย
คุณยังจำครั้งแรกที่หลงเสน่ห์ของหนังได้ไหม
ตอนอายุ 12 ปี ช่วงนั้นมีหนังเรื่อง Serpico (1973) และ Taxi Driver (1976) ออกมา ฮีโร่เรื่องการแสดงของผมจึงเป็นอัล ปาชิโน และโรเบิร์ต เดอ นีโร ทั้งคู่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากเป็นนักแสดง ผมเริ่มเข้าคลาสการแสดงที่โรงเรียนตอนอายุ 15 ปี และก็เดินตามความฝันทางด้านการแสดงของตัวเองมาตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้
ทุกวันนี้คุณยังเล่นหนังแอ็กชั่นภาคต่ออย่าง John Wick ได้อยู่ทั้งๆ ที่ก็อยู่ในวัย 50 แล้ว ดูแลตัวเองอย่างไรให้ยังคงฟิตได้ตลอด
นั่นเพราะผมมีเทรนเนอร์ส่วนตัวที่เก่งมากและเขาเทรนให้ผมตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาคอยผลักดันให้ผมรักษารูปร่างและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเสมอ แม้ว่าช่วงนั้นผมจะไม่ต้องเตรียมตัวเพื่อเล่นหนังที่ต้องเทรนอย่างหนักหน่วงก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องการผลักดันให้ผมลุกขึ้นมาออกกำลังกายล่ะก็ เขาเหมือนเป็นจอห์น วิค เลยทีเดียว! (หัวเราะ)
คุณเป็นคนดังอีกคนที่ชื่นชอบการขี่บิ๊กไบค์มาก ทุกวันนี้การขี่มอเตอร์ไซค์ยังเป็นกิจกรรมสุดโปรดของคุณอยู่ไหม
ยังเป็นกิจกรรมสุดโปรดของผมอยู่ครับ การขี่มอเตอร์ไซค์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมตั้งแต่ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ Kawasaki Enduro ที่เจ๋งมากๆ ในมิวนิก เยอรมนี แล้วผมก็ขอให้เธอสอนขี่มอเตอร์ไซค์ให้ ทุกครั้งที่ได้พักเบรกจากการถ่ายหนัง ผมจึงหาเวลาไปขี่มอเตอร์ไซค์เสมอ ผมชอบความเร็วและความเป็นอิสระที่การขี่มอเตอร์ไซค์มอบให้ ผมไม่เคยหยุดขี่มอเตอร์ไซค์มานับแต่นั้น ตอนนั้นจำได้ว่าสิ่งแรกที่ทำหลังกลับไปแอลเอคือออกไปซื้อมอเตอร์ไซค์ของ Norton มาคันหนึ่ง ทุกวันนี้มอเตอร์ไซค์คันนั้นยังอยู่ในโรงรถของผมอยู่เลยนะ!
[Credit: Text: WENN, Photographs: Instagram]
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments
