ย้อนวันวานของพี่น้อง 8 ปี! คริส&สิงโต คู่จิ้นสุดลงตัวที่แจ้งเกิดจากระบบโซตัส

ซีรีส์จบ (ไปนานแล้ว) แต่ความเป็นพี่น้องของ คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์ และ สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์ ที่มีชื่อติดอันดับท็อปเทนของคู่จิ้นสุดฮอต นับตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง Sotus the Series (พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง) ของ GMM TV ออนแอร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ปี 2016 จนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว แต่หลายคนที่ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของทั้ง 2 หนุ่ม  อาจสงสัยว่าแฮชแท็กติดเทรนด์บนทวิตเตอร์ #พี่น้องแปดปีแล้วนะ ในวันนี้ล่ะมาจากไหน แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ได้เพิ่งรู้จักกันจากซีรีส์ เพราะในชีวิตจริงทั้งคริสและสิงโตต่างก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วด้วยโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ ยังทำให้พวกเขาได้กอดคอกันมาแจ้งเกิดในซีรีส์เรื่องเดียวกัน รวมถึงเป็นที่รักของแฟนคลับจนถึงทุกวันนี้ด้วย ว่าแล้ว OK! ขอพาทุกคนไปย้อนวันวานที่น่ารักจากบทสัมภาษณ์แรกของ คริส&สิงโต ใน OK! Magazine Issue 284 มาให้อมยิ้มกันอีกรอบ … เวลาเปลี่ยน แต่ความฟินไม่เปลี่ยนนะพูดเลย

ย้อนวันวานของ 2 เด็กแสบ

สิงโต: ตอน ม.ต้น ผมเป็นเด็กเนิร์ดมาก ตัวเล็กที่สุดในห้อง พอขึ้น ม.ปลาย เริ่มเล่นกีฬา ทั้งบาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ และวิ่งแข่ง ส่วนใหญ่อาจารย์จะเข้าใจว่าผมเป็นเด็กดีมาก แต่จริงๆ ดื้อเงียบมากๆ อย่างเวลาอาจารย์บอกให้ตัดผมสั้น ผมก็ไปตัดสกินเฮดเป็นทรงนักโทษเลย แล้วก็ตัดทรงนี้ตลอด อาจารย์ก็ว่านะ แต่ผมตีมึน จนเขาเอือมไปเอง คือเป็นเด็กดีนะครับ แต่บางอย่างก็พยศบ้าง (หัวเราะ) พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ทำกิจกรรมหนักขึ้น ปี 1 เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ปี 2 เป็นพี่สันทนาการ และปี 3 เป็นพี่ว้าก

คริส: ผมมาสายดนตรีจ๋าเลย ทุกคนมองหน้าผมจะนึกถึงกลอง ผมเล่นกลองมาตั้งแต่ ป.4 แล้วเล่นเป็นวงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ ม.ต้น วีรกรรมแสบที่สุดของผมคือโดดเข้าแถวขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงเรียน แอบไว้ผม ทำตัวแสบๆ ซ่าๆ ไปเรื่อย พูดง่ายๆ ทำอะไรต้องโกง นิดหน่อยก็เอา พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มติดเพื่อน เที่ยวต่างจังหวัด ผมไม่ค่อยสนใจแหล่งท่องเที่ยวหรอก สนใจว่าไปกับใครมากกว่า ไปไหนได้หมด ขอแค่มีเพื่อน ส่วนตัวผมเป็นคนชอบดนตรีมาก เรียกว่าหมกมุ่นอยู่แต่กับดนตรีค่อนข้างมาก จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเล่นอยู่ ช่วงปี 3 ก็เป็นพี่ว้าก

เปิดพอร์ตงานบันเทิง

คริส: ตอนเด็กๆ มีผลงานเยอะครับ ส่วนใหญ่เป็นพวกโฆษณาและละครช่อง 9 ของค่ายกันตนา พอเปลี่ยนมาสายดนตรีก็ไม่รับงานเลย จนช่วงมหาวิทยาลัยปี 2 มีหนังเรื่องหนึ่งติดต่อมา ตอนแรกคิดว่าจะปฏิเสธ แต่เขาบอกว่าหนังเกี่ยวกับดนตรี ก็เข้าทางผมเลย เพราะพระเอกเป็นมือกลอง พอไปแคสต์ก็ผ่าน ซึ่งคือหนังเรื่อง My Rhythm ของบ้านสมเด็จฯ ฟิล์ม แต่ยังไม่ได้เข้าฉาย ตั้งแต่นั้นก็เริ่มรู้สึกชอบการแสดงมากขึ้น แล้วคิดอยากกลับเข้าวงการอีกครั้ง จึงไปแคสต์งานเรื่อยๆ จนได้มาเล่นเรื่อง Sotus the Series จาก #พี่ว้ากหล่อบอกต่อด้วย ตอนนั้นมีคนถ่ายรูปผมกำลังว้ากไปลงเพจ แล้วแชร์ต่อๆ กัน จนทีมงานเห็นก็เรียกมาแคสต์

สิงโต: ส่วนผมไม่เคยมีผลงานมาก่อนเลย Sotus the Series คือผลงานทางการแสดงเรื่องแรกของผม โดยเริ่มจากผมเป็นพี่ว้าก แล้วมีคนถ่ายรูปไปลงทวิตเตอร์โดยติด #พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง ซึ่งตรงกับชื่อนิยายเรื่องนี้พอดี พอพี่ทีมงานเห็นก็เรียกมาแคสต์ พออ่านบทแล้ว ผม คุณพ่อ รวมถึงคนรอบข้าง OK! ก็เลยไปแคสต์

ใจจริงต่อระบบโซตัส

สิงโต: ไม่ถึงกับเกลียดนะ คือเคยได้ยินเรื่องว้ากมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร พอเข้าปี 1 ก็เข้าประชุมเชียร์ตลอด ยอมรับว่ามีความรู้สึกอยากเปลี่ยนระบบนี้ให้ได้ เพราะบางครั้งก็ไม่ชอบจริงๆ พอขึ้นปี 3 มีโอกาสไปคัดว้ากแล้วผ่าน แถมได้เป็นประธานว้ากอีก ผมเลยขอเพื่อนๆ เปลี่ยนว่าว้ากคณะ ว้ากสาขา หรือว้ากใดๆ ก็ตาม ต้องแต่งตัวให้ถูกระเบียบ ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้ลงว้าก แล้วต้องผ่านการคัดเลือกจากอาจารย์ก่อน พอปรับทุกอย่างให้เข้าสู่ระบบได้หมด ทีนี้เราเลยเป็นปีแรกที่ขอลายเซ็นอาจารย์มาเป็นป้ายชื่อ (ตอนเป็นพี่ว้ากดุไหม) ผมว่าไม่ดุนะ

คริส: จริงๆ พี่สิงโตไม่ดุครับ เขาจะยืนอยู่ข้างหน้าคอยสั่งว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พวกที่ดุคือคนอยู่รอบข้าง ส่วนผมเป็นสายแหกปาก ตะโกนเสียงดัง (เหมือนในซีรีส์หรือ) ในซีรีส์ยังถือว่าเบามากครับ ในชีวิตจริงผมว้ากจนเสียงแหบแบบกลืนน้ำลายยังเจ็บเลย (แล้วคริสรู้สึกอย่างไรกับระบบโซตัส) แรกๆ ไม่ชอบครับ รู้สึกน่ารำคาญ เพราะส่วนตัวเป็นคนหงุดหงิดง่ายด้วย (หมายถึงตอนโดนสิงโตว้ากหรือเปล่า) ยังครับ ตอนนั้นพี่สิงโตเพิ่งอยู่ปี 2 แต่พอผมขึ้นปี 2 แล้วเขาอยู่ปี 3 เริ่มรู้สึก OK! กับระบบนี้มากขึ้น เพราะได้เพื่อนเยอะ มีสังคมมากขึ้น และรู้สึกดีเวลาน้องปี 1 เห็นเราดูแลเขาแล้วเขารักเรา พอขึ้นปี 3 ก็เลยอยากลองเป็นพี่ว้าก

สลับขั้วรุ่นพี่รุ่นน้อง

สิงโต: ผมกับคริสเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เหมือนกัน แต่คนละปี ผมก็ว้ากคริสมาอีกที (ตอนนั้นคริสเป็นอย่างไรบ้าง) ตอนนั้นเขาอยู่ปี 2 ก็ดื้อดีครับ จริงๆ เรารู้จักกันมานานแล้ว แต่แทบจะไม่ได้คุยกันเลย ส่วนใหญ่คุยกันแต่เรื่องงานว้าก

คริส: หลังคัดรอบแรกให้คนเหลือน้อยลง พอรอบที่ 2 ก็มาเจอพี่สิงโต ตอนนั้นตกใจมาก แต่คิดว่าดีแล้ว ถ้าแคสต์ผ่านก็อยากเล่นกับเขา เพราะเล่นด้วยกันง่ายกว่า (ทำไมเล่นบทสลับกันล่ะ เพราะดูจากหน้าหรือ) ไม่เกี่ยวกับหน้าครับ (สิงโตหัวเราะ) ผมว่าเกี่ยวกับบุคลิกมากกว่า ตอนแรกผมไปแคสต์เป็นก้องภพ แต่ได้เล่นเป็นพี่อาทิตย์

สิงโต: ตอนแรกผมก็ไปแคสต์เป็นพี่อาทิตย์ แต่ได้เล่นเป็นก้องภพ คือต้องสารภาพว่าเรื่องบุคลิกและคาแรกเตอร์ของผมกับคริสจะสลับกัน แต่เรื่องอินเนอร์ ผมว่าพี่เขาคงมองเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นก้องภพในตัวผม เพราะถ้าผมไว้ผมยาวก็กลายเป็นพี่อาทิตย์เลย ขณะที่คริสสามารถเจิดจรัสเป็นก้องภพได้เลยเหมือนกัน

เมื่อพี่น้องต้องมาเล่นบทรัก

คริส: เราเขินแค่ตอนแคสต์รอบที่ 2 เพราะเพิ่งได้เจอกัน แต่หลังเปิดกล้องแล้วก็ปกติเลย ไม่มีอะไรติดขัด อย่างบทโกรธก็เป็น Outside-In แต่ถ้าบทโรแมนติกก็เป็น Inside-Out เวลาแสดงก็ เอ้า…พี่สิงโตไปเข้าฉาก ถ่ายเสร็จก็แยกย้าย…เย้!

สิงโต: ไม่เหลือความเขินใดๆ เลยครับ เพราะช่วงเวิร์คช็อปใกล้ชิดกันมาก ทำให้ได้เห็นหลายๆ มุมของอีกฝ่ายที่เราไม่เคยเห็น (เวลาเข้าฉากก้องภพแซวพี่อาทิตย์ล่ะ) ไม่เขินครับ ส่วนใหญ่คนรอบข้างจะแซวเรา แต่เราจะไม่แซวกันเอง มีเหน็บกันบ้าง แต่จะรู้ว่าไม่มีอะไรอยู่แล้ว ตอนเวิร์คช็อปจะมีการบ้านหนึ่งให้ทำฝ่ายตรงข้ามเขิน ซึ่งคือผมกับคริส พอเล่นบ่อยๆ ก็ไม่รู้สึกเขินกันแล้ว