By okadmin

เที่ยวแบบมีสไตล์ในลาสเวกัส

พูดถึงลาสเวกัส หลายคนเบ้หน้าแล้วบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่คาสิโนกับกลิ่นบุหรี่ ก็จริงของเขานะคะ แต่เวกัสก็ไม่ใช่เมืองที่มีแค่มิติเดียว ยังมีความหลากหลาย น่ามอง น่าไปเที่ยวอยู่อีกหลายมุมที่หลายคนมองไม่เห็นหรืออาจไม่ได้สัมผัส แต่หากคุณเปิดใจรับ เปิดตามองอย่างลึกซึ้ง คุณจะเห็นว่าลาสเวกัส เป็นเมืองที่ไม่ไป… ไม่ได้แล้ว

เมืองแห่งคนบาป หรือ Sin City อยู่กลางหุบเขาทะเลทรายในรัฐเนวาดาของประเทศสหรัฐอเมริกา ห่างจากลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ประมาณ 1 ชั่วโมง หากเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วไปลงที่สนามบินแมคคาร์แรน (McCarran International Airport) สำหรับผู้ที่มีบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส แพลตินัม หรือเซนจูเรี่ยน ก็ไปนั่งชิลล์ทานอาหารแบบไฮโซ และเอ็กซ์คลูซีฟได้ที่ Centurion Lounge แบบไม่เสียสตางค์ ถ้าขับรถไปก็ประมาณสัก 5 ชั่วโมงถึงค่ะ รัฐเนวาดาเป็นรัฐที่ซุกตัวอยู่เงียบๆ จนกระทั่งมีการสร้างเขื่อนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก นั่นก็คือเขื่อนฮูเวอร์ หรือ Hoover Dam เพื่อผลิตไฟฟ้าและใช้เป็นเขตแดนกั้นระหว่างรัฐเนวาดาและ แอริโซนา เขื่อนนี้จะเป็นทางผ่านหากคุณขับรถจากลาสเวกัสไปชม แกรนด์แคนยอนที่ยิ่งใหญ่อลังการ และเพราะการสร้างเขื่อนไฟฟ้านี้เอง ทำให้แรงงานหลั่งไหลเข้ามาในรัฐนี้เป็นพันๆ คน และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่เป็นทะเลทรายเสียส่วนใหญ่ก็จุดประกายให้นักลงทุน ผู้มีวิสัยทัศน์มาสร้างคาสิโนขึ้นเป็นแห่งแรกบนถนนไฮเวย์ 91 ชื่อ Pair-O-Dice Club ในปี ค.ศ.1931 แต่คาสิโนแห่งแรกบน Strip คือ El Rancho Vegas ที่เปิดตัวขึ้นในปีค.ศ.1941 และยืนยงอยู่เป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ก่อนที่ไฟจะไหม้วอดไป ในปี 1960 แล้ว Strip คืออะไร? เข้ามาใกล้ๆ จะขยายความให้ฟังค่ะ เวลาที่เราเห็นภาพลาสเวกัสไม่ว่าจะในหนังสือ โทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ ก็ตามที ภาพโรงแรม คาสิโน ยิ่งใหญ่อลังการ ที่ต้องบอกว่า 15 โรงแรมบนถนนเส้นนี้ ติดชาร์ท 25 โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของโลกด้วย ต่างอยู่บนถนน เซาธ์ลาสเวกัสบูเลอวาร์ด หรือ Las Vegas Strip ที่ยาวถึง 4.2 ไมล์ หรือเกือบ 7 กม. ถนนเส้นนี้ถือเป็นถนนชมวิวสองข้างทาง หรือ Scenic Route ถึงแม้วิวที่ว่านี้จะไม่ใช่ธรรมชาติ จัดสรรก็ตามที แต่ก็เริ่ดที่สุดในปฐพี มีที่นี่ที่เดียวนะคะ

ถ้าคุณนั่งรถแท็กซี่มาจากสนามบิน คุณจะเห็นโรงแรมมันดาเลย์ เบย์ (Mandalay Bay Hotel & Casino) ตั้งอยู่ใต้สุดบน Strip ก่อนที่อืิ่น โรงแรมนี้มีอควาเรียมขนาดใหญ่ชื่อว่า Shark Reef Aquarium ขนาดของแท็งก์บรรจุปลาทะเลที่นี่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงแคนาดาด้วย คุณสามารถเดินลอดใต้อุโมงค์น้ำแหงนหน้ามองปลา และฉลามได้เลย เคยไปสวนสยามกันใช่ไหมคะทะเลเวกัส ที่โรงแรมนี้ก็มีหาดมันดาเลย์ ขนาด 11 เอเคอร์ให้เล่นน้ำกันประหนึ่งว่าอยู่บนชายหาดเมืองทรอปิคอลที่ไหนสักแห่ง สำหรับคอไวน์ ต้องไม่พลาดดินเนอร์ที่ร้าน Aureole โดยเชฟชื่อดังชาร์ลี พาร์มเมอร์ จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่ไวน์ สาวเสิร์ฟต้องใส่สลิงโหนตัวขึ้นลงตู้เย็นเก็บไวน์ที่สูงเท่ากับตึก 4 ชั้นเลยทีเดียว ถัดมาก็จะเห็นโรงแรมเอ็กซ์คาลิเบอร์ (Excalibur Hotel Las Vegas) ที่ออกแนวปราสาทเจ้าหญิงเจ้าชาย แล้วก็โรงแรมลักซอร์ (Luxor Hotel & Casino) แนวอียิปต์ พีระมิด สฟริงซ์ ประมาณนั้น ตรงข้ามเอ็กซ์คาลิเบอร์เป็นโรงแรมและคาสิโนที่ชื่อนิวยอร์ก-นิวยอร์ก (New York-New York Hotel & Casino) หน้าโรงแรมจะมีอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพตั้งสง่าโดดเด่น และใครชอบความเหวี่ยงของรถไฟเหาะตีลังกา ก็ไปต่อแถวเล่นกันได้หน้าโรงแรมเลยค่ะ กลับมาอีกฝั่งถนนเป็นโรงแรมคาสิโนใหญ่มหึมาชื่อว่าเอ็มจีเอ็มแกรนด์ (MGM Grand Hotel & Casino) โรงแรมนี้มีร้านอาหารมิชลินสตาร์ 3 ดาวชื่อดังนั่นก็คือร้าน L’atelier de Joel Robuchon โดยเชฟคนเก่งโจ รูบาชอนนั่นเอง ถ้าจะเข้าร้านนี้กระเป๋าต้องหนักพอสมควรนะคะ เพราะราคาอาหารเบาๆ

ก็อยู่ที่ประมาณคนละ 6,000 บาทเป็นขั้นต่ำ และโปรดจองก่อนล่วงหน้าหลายๆ เดือน ร้านเต็มตลอดเวลา แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังในรสชาติค่ะ ส่วนใครมีลูกเล็กเด็กแดงและพกเจ้าตัวน้อยมาด้วย ก็ไปทานอาหารที่ร้าน Rain Forest Café น่าจะดีค่ะ ร้านนี้ลูกล่อลูกชนเยอะ บรรยากาศประหนึ่งว่านั่งทานอยู่ในป่าอะเมซอน เดี๋ยวรูปปั้นช้างก็ขยับยกงวงส่งเสียงเดียวนกบินผ่าน ยีราฟโก่งคอกินหญ้า ประมาณนั้น ข้ามถนนกลับไปอีกด้านก็จะเป็นโรงแรมใหม่ แต่ชื่อเป็นตำนานอย่าง โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล (Mandarin Oriental Las Vegas) โรงแรมนี้ไม่มีคาสิโน ซึ่งดิฉันโปรดและปลื้มมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นควันและไม่ต้องฝ่าด่านอรหันต์สล็อตแมชชีน เข้าเช็คอินชั้นบนสุดของโรงแรม และบริเวณนี้ก็มีล็อบบี้ ซึ่งเข้าไปนั่งจิบชาทานมาการองอร่อยๆ ชมวิวยามบ่าย หรือถัดไปก็เป็นบาร์สุดเก๋ จิ๊บค็อกเทลแสนอร่อยไปพลาง ดูแสงสีของเวกัสจากมุมสูงไปพลาง ก็เป็นค่ำคืนที่น่าหลงใหลเหลือเกินแล้ว สำหรับสปาเลิฟเวอร์ ต้องไม่พลาดเข้าทำทรีตเมนต์ที่โรงแรมนี้ หรือเพียงเข้าไปใช้บริการสปา จากุซซี่ ซาวน่า นอนเล่นบนเก้าอี้แบบเดย์เบดที่ทำจากเกลือทะเล อบผิวให้สวยฉ่ำ ก่อนไปตะลุยยามค่ำ นั่งทานดินเนอร์หรู กระซิบนิดหนึ่งสำหรับผู้สนใจเข้าพักที่โรงแรมนี้ มื้อเช้าอย่าพลาดสั่งเกี๊ยวกุ้งบะหมี่นน้ำมาทานด้วยนะคะ อืม…อร่อยจริงๆ…

ถัดไปเพียงข้ามสะพานลอยก็จะเป็นศูนย์การค้าไฮโซประหนึ่งเอ็มโพเรียมบ้านเราชื่อ Crystal ที่นี่มีแบรนด์ดังทั้งจากฝั่งอเมริกาและยุโรป จุดเด่นคือดีไซน์ที่เก๋ และตอบสนองการใช้งานได้อย่างดี ติดๆ กับห้างนี้คือโรงแรมเดอะ คอสโมโพลิทัน (The Cosmopolitan) เหมาะเหลือเกินกับหนุ่มสาวปาร์ตี้ทั้งหลาย ในโรงแรมนี้มีบาร์ที่ประดับตกแต่งด้วยคริสตัลย้อยระย้าอยู่เต็มบาร์ร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้านในโรงแรมนี้ แต่ทีเด็ดสำหรับดิฉันก็คือร้าน China Poblano ร้านอาหารลูกครึ่งระหว่างจีนกับเม็กซิกัน แม่เจ้า มันเข้ากันได้ยังไง… แต่มันเข้ากันได้ และอร่อยมากด้วยค่ะ เลยไปอีกนิดคือโรงแรมซีซาร์ พาเลซ (Caesar Palace Hotel) ศูนย์รวมความบันเทิงและเงินคุณอาจร่วงหล่นไปตามรายทาง เพราะที่นี่มีร้านค้าร้านอาหารกว่า 160 ร้านด้วยกันภายใต้ชื่อ The Forum Shops at Caesars นอกจากนั้นยังมีโชว์ให้ดูฟรีๆ อย่าง Atlantis Show ซึ่งเริ่มเปิดหน้าม่านแสดงกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 นำเสนอเรื่องราวของเมืองแอตแลนตีสที่อับโชค แสงสีครบครันตระการตาบนจอขนาด 11’ X 266’ซึ่งเป็นจอที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัสเลยก็ว่าได้ ส่วนเสื้อเกราะ อุปกรณ์ อาวุธต่างๆ ก็ได้มืออาชีพอย่าง บริษัท Sword & Stone ซึ่งทำพร็อพให้กับหนังอย่าง Pirates of the Caribbean, Thor, CSI และ Criminal Minds มาจัดเต็มให้ด้วย โชว์นี้ฟรีและมีให้ดูทุกวัน ทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา11 โมงเช้ายาวไปจนค่ำ ดูโชว์จบก็เข้าอควาเรียมต่อก็ได้มีสัตว์น้ำให้ดูมากมายกว่า 300 สปีชีส์ ร้านอาหารที่นี่ก็มีร้านญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง Nobu ถัดไปติดๆ กันเลย คาดว่าหลายคนรู้จัก นั่นคือน้ำพุเต้นบัลเล่ต์หน้าโรงแรมเบลลาจิโอ (Bellagio)เจ๋งดีค่ะ แนะนำว่าให้ไปนั่งทานอาหารที่ร้าน Olives ในโรงแรมแล้วขอจองที่นั่งตรงระเบียง เพราะจะเห็นน้ำพุชัดมากข้ามฝั่งมาค่ะ ถ้าจะทานอาหาร แนะนำให้ทานที่ร้าน Mon Ami Gabi ที่โรงแรมปารีสลาสเวกัส(Paris Las Vegas Hotel ) อาหารฝรั่งเศสรสเลิศ และบรรยากาศล้ำมากค่ะ จากนั้นยิงยาวไปโน่นเลย โรงแรมเวเนเชียน พาลาสโซ่ (Venetian Palazzo Las Vegas) และห้องที่นี่กว้างขวาง โรงแรมเวเนเชี่ยนก็มีร้านค้าให้ช็อปปิ้งมากมาย และคิดว่าคนไทยคงคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะเขามีอีกสาขาที่มาเก๊า ท้องฟ้าเปลี่ยนสี มีเรือกอนโดล่าทีเด็ดของอยู่ที่แคนย่อนแรนช์สปา (Canyon Ranch Spa) สปาชื่อดังของโลก นวดเสร็จไปนั่งจิบชาต่อในห้องที่ฉายโปรเจ็คเตอร์สายน้ำกระเพื่อมอยู่บนเพดาน ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโลกใต้น้ำ เหมาะมากกับการทำสมาธิ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารเด็ดๆ ทั้ง Carnevino สำหรับผู้ชอบทานเสต็กของเชฟมาริโอ บาทาลี ร้าน Tao อาหารเอเชียญี่ปุ่นผสมจีน และอีกมากมายหลายร้าน เลยไปอีกนิดสุด Strip ก็เป็นโรงแรมใหญ่ 2 แห่งของสตีฟ วินน์ ทั้งโรงแรม Wynn และ Encore การตกแต่งทันสมัย เน้นสีขาวดำแดง ห้องพักกว้างขวาง มีร้านHermes อยู่ที่นี่ด้วย ที่นี่มีสนามกอล์ฟด้วยค่ะ เผื่ออยากโชว์วงสวิงให้สาวๆ ดู ตรงข้ามโรงแรมอีกฝั่งเลยๆ ไป มีร้าน Top Shop ให้ช็อปกันจนบัตรเต็มวงเงิน ยังไงก็รักษาเนื้อรักษาตัว รักษาตังค์กันให้ดีๆ เวลาไปที่ลาสเวกัสนะคะ

ข้อมูลจาก นิตยสาร OK! ฉบับ 230 เดือนสิงหาคม 2557