By okadmin

ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกรนางเอกสามร้อยล้านกับเส้นทางคอเมดี้ที่เธอก็คิดไม่ถึง

เบื้องหลังของนักแสดงสาวที่เล่นละครและภาพยนตร์แนวคอเมดี้ที่เรากำลังนั่งคุยด้วยอยู่นี้ดูเป็นคนสบาย ๆ เข้าใจโลกใบนี้ได้ง่ายและไม่ได้คาดหวังกับชีวิตที่สวยงามจนเกินไปนัก “ตอนแรกที่ทำงานก็ไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาเป็นดารานะคะ แต่เราแค่อยากลองหางานอดิเรกทำ จนไปเจอเพื่อนที่เขาไปแคสติ้งงานมาเล่าให้ฟังว่าทำงานตรงนี้ได้ค่าตอบแทนดี ก็เลยลองทำบ้าง ปรากฏว่าได้งานติด ๆ กันมา 7 ตัว ตอนนั้นคิดว่าคงฟลุ้ค กระทั่งวันหนึ่งที่ไปแคสโฆษณาแล้วมีให้ไปแคสต์หนังของ GTH ไอซ์ก็บอกว่าเราไม่เหมาะหรอก ให้คนอื่นเถอะ แต่เขาก็บอกว่าให้ลอง เพราะแคสติ้งที่เดียวกันจะได้ไม่เสียเวลา พอไปแคสติ้ง ไอซ์เจอบทเข้าไป 3 หน้า แล้วใครจะไปจำได้ แต่ก็ลองเล่นดูน่ะค่ะ เล่นไปก็เขินไป เพราะคนเยอะ พอกลับมาถึงบ้านก็มีคนโทรมาบอกว่าไอซ์แคสติ้งผ่านแล้วนะ จังหวะนั้นไอซ์ยังไม่เชื่อเลย แต่เราจะต้องไปแคสติ้งอีกรอบเป็นการต่อบทกับพี่เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) เพื่อจะดูว่าเคมีเข้ากันแค่ไหน ซึ่งพอต่อบทกับพี่เต๋อเสร็จ ทางทีมก็โทรมาบอกไอซ์ว่าล็อกคิวเลยนะ เดี๋ยวจะถ่ายแล้ว ไอซ์ฟังแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัวเลย โทรกลับไปถามเขาอีก 3 รอบ (หัวเราะ) แล้วพอไปเล่นเราก็พบว่ามีคนชอบการแสดงของเรา ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้เราอยากแสดงอย่างจริงจังค่ะ”

พอทำงานเป็นรูปเป็นร่าง ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง ATM เออรัก..เออเร่อ เราก็ต้องมีการตั้งเป้าหมายว่าเราต้องแสดงให้ดีขนาดไหน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าคนจะต้องชอบเรามากอะไร เพียงแต่เราขอทำให้เต็มที่ และให้คนที่เขาไว้ใจให้เราเล่นบทนี้เขา OK! กับเรา เราก็ OK! แล้วค่ะ นอกจากนี้ก็คือเรื่องของการพัฒนาข้อดีของตัวเอง อย่างเช่นที่เขามองเราว่าเรามีเซนส์ความตลกอยู่ในตัว เราก็เริ่มรู้แล้วว่าเราสามารถพัฒนาเรื่องนี้ได้ ก็พยายามเรียนรู้และไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ตัวเองจะไปได้ อีกอย่างคือเรียนรู้จากความผิดพลาดต่าง ๆ ทำให้รู้ว่าเราทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ เรื่องไหนที่มันไม่ไหวก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องไหนที่ไปได้ไกลกว่านี้ก็ทำต่อไป ส่วนคำติ คำชม ไอซ์ก็ OK! นะคะ เพราะบางซีน พี่ ๆ ที่เขาคอยช่วยเราอย่างพี่เมษ (เมษ ธราธร) พี่ปิ๊ง เขาบอกว่าไม่ OK! ไม่ผ่าน ก็มี ซึ่งเราจะไม่มานั่งเยินยอกัน แต่ถ้าเขาบอกว่าดี ก็หมายความว่าจริงเหมือนกัน ซึ่งทุกวันนี้ไอซ์รู้สึกมีพัฒนาการในเรื่องการแสดงบทคอเมดี้ขึ้นเยอะ จากวันแรกที่หัวทื่อมาก แต่ไม่ถึงกับไม่รู้เรื่องเลย ตอนนั้นก็พยายามเรียนรู้ คอยดูว่าใคร ทำอะไร ยังไง มันอยู่ที่การฟัง การสังเกต การหยิบประเด็นมาพูดด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ จะทำให้คนขำขึ้นมาได้เลย แล้วเราก็นำมาปรับกับตัวเอง และเริ่มพัฒนาตัวเองจากจุดนั้นค่ะ”

ฟังไอซ์นั่งพูดถึงวิธีคิดและวิธีการทำงานของเธอแล้ว ก็พบว่าสาวคนนี้ไม่ได้พกโชคชะตามาอย่างเดียว แต่เธอยังมีความใส่ใจในรายละเอียดของการทำงานและการใช้ชีวิตอีกด้วย “จะเรียกว่าไอซ์เป็นคนละเอียดหรือเป็นคนจุกจิกดีล่ะ (หัวเราะ) คือไอซ์เป็นคนใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ แล้วก็เป็นคนชอบสังเกตด้วย ชอบหยิบเรื่องนู้นเรื่องนี้มาตั้งข้อสังเกต หรือถ้าใครสอนอะไรมาเราก็จะนำมาประยุกต์ค่ะ” ไอซ์กล่าวพร้อมกับเล่าถึงวิธีการทำงานของเธอไปด้วยว่า เธอมักจะเลือกทำงานที่เหมาะกับตัวเองเพราะอยากให้งานออกมาดี เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดกับผู้ร่วมงานและตัวเอง “แต่ถ้าเป็นการใช้ชีวิต ไอซ์ก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ตื่นนอนก็มาทำงาน ถ้ามีเวลาว่างก็ออกกำลังกาย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยว่าง (หัวเราะ) ดังนั้นถ้าว่างก็จะใช้เวลานอนเล่นเป็นการพักผ่อน อยู่บ้านเฉย ๆ เป็นการเซฟแบตเตอรี่เพื่อที่จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ในวันต่อไป ชีวิตไอซ์ไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่ก็มีเรื่องการปรับตัวบ้าง เพราะเราเคยคิดว่าเราก็เป็นคนธรรมดา ใครจะอยากมารู้เรื่องอะไรของเรา แต่พอเราเริ่มเป็นที่รู้จัก เริ่มมีการบอกว่าเจอเราที่นู่นที่นี่ ก็รู้สึกว่าคงต้องแคร์กับคนรอบตัวมากขึ้น ในที่นี้คือเขาอาจจะมองเราเป็นตัวอย่าง หรือถ้าเราทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเขาอาจจะรู้สึกแย่ ก็เลยต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ไอซ์คงจะไม่ไปทำอะไรที่ไม่ดีอยู่แล้ว และไอซ์ก็คงไม่ได้แคร์ใครจนเราเสียความเป็นตัวเอง เราต้องบาลานซ์ให้มันพอดีกับตัวเราด้วยค่ะ แต่มันก็ไม่ได้มีวิธีการอะไรที่มันตายตัวนะคะ เพราะถ้าตราบใดที่เราดำเนินชีวิตไปในทางที่ดี คนจะมองเรายังไงก็จะเห็นในมุมที่ดีอยู่แล้ว ไอซ์ว่ามันขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของตัวเองด้วยค่ะ”

 

Credit:

OK! 247 ฉบับเดือนเมษายน 2558