6 ปีที่เคยหายไป และบทบาทใหม่ที่อาจทำให้เรเน่ เซลล์เวเกอร์ คว้ารางวัลออสการ์

6 ปีที่เคยหายไป และบทบาทใหม่ที่อาจทำให้เรเน่ เซลล์เวเกอร์ คว้ารางวัลออสการ์

ZELLWEGER’S RENEE-SSANCE

เดินทางสู่ดินแดนแห่งสายรุ้งกับเรเน่ เซลล์เวเกอร์

เหตุผลที่ปิดโหมดจากโลกฮอลลีวูดนาน 6 ปี

และบทบาทท้าทายครั้งใหม่ในฐานะนักแสดงและศิลปินระดับตำนาน

ในหนังชีวประวัติ Judy

 

นักแสดงสาววัย 50 ปี เรเน่ เซลล์เวเกอร์ กำลังมีความสุขกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นชีวิตบทใหม่ของเธอ ช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา หลายคนอาจไม่รู้ว่าเธอพักเบรกจากงานแสดงในฮอลลีวูดไปนานถึง 6 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมจากงานแสดง “ฉันเบื่อกับการใช้ชีวิตตลอด 25 ปีที่ผ่านมาในการใช้ชีวิตเป็นคนอื่น และรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเติบโตในฐานะคนๆ หนึ่งได้แล้ว” ช่วงเวลาที่เรเน่ปิดโหมดจากแสงสีของโลกฮอลลีวูด เธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รวมทั้งยังได้รับความสงบทางจิตใจอย่างที่เธอต้องการ “ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะคุณไม่ได้อยู่ในความคิดของหลายๆ คน พวกเขาค่อยๆ หายไป มันคือชีวิตที่เงียบขึ้นและฉันก็ชอบชีวิตแบบนั้น” เรเน่เปิดใจ

 

 

มาวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าสาวตุ้ยนุ้ยผู้รับบทบริดเจ็ต โจนส์ ตัวละครที่แสนมีเสน่ห์ในหนังเรื่องโรแมนติกคอเมเดี้เรื่องดัง Bridget Jones’s Diary จะกลายมาเป็นนักแสดงสาวร่างผอมบางและเข้าสู่วัยเลขห้าแล้ว บทบาทที่เธอได้รับก็ดูเหมือนจะท้าทายฝีมือทางการแสดงขึ้นเรื่อยๆ ตามชั่วโมงบินในวงการ ล่าสุดเรเน่กลับมามีผลงานในหนังดราม่ามิวสิคัลชีวประวัติเรื่อง Judy เธอรับบทจูดี้ การ์แลนด์ นักแสดงและศิลปินระดับตำนานขวัญใจอเมริกันชนในยุค 60 จูดี้โด่งดังจากการรับบทโดโรธี ตัวละครเอกในหนัง The Wizard of Oz ซึ่งสร้างจากหนังสือสุดคลาสสิก แต่ก็ด่วนจากไปจากการใช้ยาเกินขนาดในวัยเพียง 47 ปี เธอโหมงานหนักจนทำให้ต้องรับประทานยานอนหลับจนกระทั่งเสียชีวิต การแสดงอันน่าทึ่งของเรเน่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก เมื่อครั้งมีการฉายหนังรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังโทรอนโต แคนาดา ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา นำมาสู่การที่ผู้ชมยืนปรบมือให้เธออย่างยาวนาน ซึ่งทำเอาเรเน่ปลื้มปริ่มจนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว

 

 

 

หนังเรื่อง Judy นำเสนอชีวิตของจูดี้ในช่วงฤดูหนาวปี 1968 ซึ่งตอนนั้นเธอเผชิญความยากลำบากหลายอย่าง เธอถังแตก ไร้บ้าน ไม่มีงานทำ ทั้งยังติดยานอนหลับและแอลกอฮอล์ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังทุกข์ใจกับการต่อสู้สิทธิในการดูแลลูก 2 คนของเธอกับซิดนีย์ ลูฟต์ อดีตสามีคนที่ 3 ในตอนนั้น จนกระทั่งถึงจุดๆ หนึ่งที่เธอตอบรับการแสดงคอนเสิร์ตที่กินเวลานานติดกัน 5 สัปดาห์ที่ไนต์คลับชื่อดัง Talk of the Town ในลอนดอน โดยตั๋วถูกขายจนหมดเกลี้ยง การแสดงที่กินระยะเวลายาวนี้ช่วยให้จูดี้สามารถแก้ปัญหาทางการเงินของเธอได้ดีขึ้น แม้ว่าบางคืนแอลกอฮอล์และยาอาจทำให้เธอต้องยกเลิกโชว์ไปบ้างก็ตาม

 

 

ฉันเบื่อกับการใช้ชีวิตตลอด 25 ปีที่ผ่านมาในการใช้ชีวิตเป็นคนอื่น และรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเติบโตในฐานะคนๆ หนึ่งได้แล้ว ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะคุณไม่ได้อยู่ในความคิดของหลายๆ คน พวกเขาค่อยๆ หายไป มันคือชีวิตที่เงียบขึ้นและฉันก็ชอบชีวิตแบบนั้น

 

แม้เสียงของจูดี้จะอ่อนแอลง แต่การสื่ออารมณ์ของเธอกลับทรงพลังมากขึ้น ขณะที่เตรียมพร้อมสำหรับการแสดง จูดี้ต้องสู้รบปรบมือกับบรรดาผู้บริหารและนักดนตรี ในขณะที่เพื่อนๆ และแฟนๆ ต่างย้ำเตือนเธอเกี่ยวกับเรื่องความรัก ซึ่งขณะนั้นเธอกำลังเริ่มต้นคบหาดูใจกับมิคกี้ ดีนส์ ว่าที่สามีคนที่ 5 ความเปราะบางในอดีตเกี่ยวกับคนรักของจูดี้ทำให้ทุกคนเป็นห่วง เธอทำงานมาอย่างยาวนาน ในขณะที่เมื่ออายุ 47 ปี จูดี้รู้สึกหมดแรงและยังถูกหลอกหลอนจากความทรงจำในวัยเด็ก ลึกๆ ในใจเธอยังคงหวังว่าจะได้กลับบ้านพร้อมกับลูกๆ จูดี้จะมีพลังสู้ต่อไปหรือไม่ ร่วมซึมซับความหวังและความซาบซึ้งของบทเพลงคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่เป็นที่รู้จักกันดีของเธออย่าง “Over the Rainbow” ซึ่งดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของคนดังระดับเลเจนด์ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Judy เรเน่ร้องเพลงสุดคลาสสิกของจูดี้เกือบทั้งหมดด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จทางการแสดงที่น่าประทับใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงร้อง พลัง อารมณ์ บุคลิก ตัวตน และท่วงท่าบนเวที เรียกได้ว่าเรเน่สามารถเก็บทุกรายละเอียดของความเป็นจูดี้ ณ โมเมนต์นั้นของชีวิตได้ครบทั้งหมด ไม่แปลกใจที่นักวิจารณ์มากมายต่างยกให้เธอเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่อาจคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงบนเวทีออสการ์ในปีหน้ามาครอบครอง นี่น่าจะเป็นการกลับมาเฉิดฉายราวผู้ชนะในวงการฮอลลีวูดอีกครั้งของเรเน่ หลังเธอเคยเงียบไปเพราะข่าวลือเรื่องศัลยกรรมดวงตาในปี 2013 ซึ่งหลังจากนั้นหลายคนอาจรู้สึกว่าหน้าตาของเธอดูแปลกๆ ไปบ้าง แต่มาวันนี้เรเน่กลับมาพร้อมลุคใหม่ที่ผอมเพรียว สดใส ดูเป็นธรรมชาติ และมีความรอยยิ้มที่มีความสุขขึ้น เราขอต้อนรับเรเน่ เซลล์เวเกอร์ สู่การกลับมาโลดแล่นบนเส้นทางสายฮอลลีวูดอีกครั้ง

 

จูดี้ การ์แลนด์ ตัวจริง สวย สง่า ออร่าจับสมเป็นนักร้อง-นักแสดงระดับตำนาน

 

ย้อนกลับไปในช่วงที่ค้นหาข้อมูลเพื่อรับบทจูดี้ การ์แลนด์ เรื่องไหนของเธอที่โดดเด่นที่สุดในมุมมองของคุณ

จูดี้เป็นคนที่น่าทึ่งมาก เธอต่อสู้กับเรื่องติดแอลกอฮอล์ได้ดี หนังเรื่องนี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างของเรื่องราวต่างๆ ของจูดี้ที่สื่อต่างคาดเดาและตัวตนที่แท้จริงของเธอ ฉันคิดว่าข้อดีข้อหนึ่งของการเล่าเรื่องราวในช่วงชีวิตนั้นของจูดี้ คือการที่หนังนำเสนอว่าทุกเรื่องในชีวิตเธอไม่ได้น่าเศร้าสลดไปเสียทั้งหมด เธอยังคงมีความหวัง เธอมีความสุขมากกับการได้เข้าถึงผู้ชมผ่านการร้องเพลงและการแสดง เธอไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยเลย

 

 

กดดันไหมกับการรับบทคนดังที่เป็นตำนานและเป็นที่รักอย่างจูดี้

ฉันพยายามไม่คิดว่าจูดี้เป็นที่รักของแฟนเพลงในหลายยุคแค่ไหน หรือว่าเธอเป็นอีกหนึ่งไอคอนมายาวนานเท่าไรมากนัก ฉันพยายามดึงเรื่องนี้ออกไปเลย แต่มองว่าหนังเรื่องนี้เป็นการพาเราเข้าไปสำรวจประสบการณ์ชีวิตอีกด้านหนึ่งของการเป็นคนดังมากกว่า ฉันมีความอยากรู้อยากเห็นและความชื่นชมในตัวจูดี้เป็นแรงผลักดันทางการแสดงค่ะ ฉันกับรูเพิร์ต กูลด์ ผู้กำกับ ช่วยกันสร้างตัวละครจูดี้มาพักใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจว่าอารมณ์ความรู้สึกของจูดี้ในช่วงเวลานั้นในชีวิตเป็นอย่างไร

จูดี้โด่งดังมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะจากบทโดโรธีในหนังขึ้นหิ้ง The Wizard of Oz

 

ฉันคิดว่าข้อดีข้อหนึ่งของการเล่าเรื่องราวในช่วงชีวิตนั้นของจูดี้ คือการที่หนังนำเสนอว่าทุกเรื่องในชีวิตเธอไม่ได้น่าเศร้าสลดไปเสียทั้งหมด เธอยังคงมีความหวัง เธอมีความสุขมากกับการได้เข้าถึงผู้ชมผ่านการร้องเพลงและการแสดง เธอไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยเลย

 

จูดี้ การ์แลนด์ ในวัยทีน กับบทเพลงคลาสสิก “Over the Rainbow” ในหนังเรื่องดัง The Wizard of Oz

 

คุณมีวิธีสวมบทบาทเป็นจูดี้ให้ดูสมจริงและตรงไปตรงมาที่สุดอย่างไร

มันเป็นความรู้สึกของความรับผิดชอบที่แตกต่างออกไป คุณรู้สึกว่าต้องนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ให้ถูกต้องที่สุด ด้วยการขุดค้นข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตของจูดี้มาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์และในสื่อ เมื่อได้อ่านและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ แล้ว ฉันจึงค่อยๆ เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างประวัติที่แท้จริงของคนๆ นั้น กับเรื่องราวของเขาที่ถูกนำเสนอออกมาในสื่อ ฉันพยายามหาสมดุลระหว่างข้อมูลจริงกับเรื่องราวจากสื่อของจูดี้ให้ได้

 

 

จริงอยู่ที่มีหลายเรื่องของจูดี้ที่ถูกกล่าวถึงในสื่อ รวมทั้งสิ่งที่จูดี้ให้สัมภาษณ์เอง เพราะฉะนั้นคุณจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้ตรงไปตรงมาที่สุด ในขณะที่หลายเรื่องของเธอก็ค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เพราะเรากำลังพูดถึงช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวมากๆ ของเธอซึ่งไม่เคยมีการแชร์ข้อมูลเรื่องนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นที่เราทำได้คือการตีความเอาเองว่าประสบการณ์ของคนที่ใช้ชีวิตภายใต้สถานการณ์นั้นๆ ณ ช่วงเวลานั้น ควรเป็นอย่างไรมากกว่า

 

แน่นอนว่าคุณต้องเข้าฉากร้องเพลงในหนัง ช่วงเตรียมตัวด้านการฝึกร้องเพลงน่าจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับคุณใช่ไหม

ใช่ค่ะ แต่ฉันมีครูสอนร้องเพลงที่เก่งมาก ซึ่งช่วยสร้างเสียงร้องที่มีพลังให้แก่ฉัน ช่วงแรกๆ ของการถ่ายทำ ฉันร้องเพลงไม่ได้เลยเพราะมีพลังเสียงไม่มากพอ แต่พอถึงช่วงท้ายๆ ฉันก็สามารถร้องเพลงส่วนใหญ่แบบสดๆ ในตอนถ่ายทำได้

 

เล่าความรู้สึกตอนที่คุณร้องเพลงสุดคลาสสิกของจูดี้อย่าง “Over the Rainbow” ให้ฟังหน่อยได้ไหม

วันนั้นเป็นวันที่ค่อนข้างอยู่ในความทรงจำเลยค่ะ เพลงนี้แตะเข้าไปในความรู้สึกในใจของฉันได้อย่างลึกซึ้ง ตอนนั้นเป็นช่วงท้ายๆ ของการถ่ายฉากร้องเพลงสดที่ฉันถ่ายทำร่วมกับนักแสดงราว 300 คนที่มารับบทเป็นผู้ชมมาตลอดทั้งสัปดาห์ มันเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายที่เราทุกคนแชร์ร่วมกัน ความรู้สึกรักและชื่นชมที่เราทุกคนมีต่อจูดี้มันท่วมท้นมาก ณ ช่วงเวลานั้น คุณพบว่าตัวเองคิดว่าเพลงนี้จะมีความหมายต่อชีวิตของจูดี้ในตอนนั้นมากแค่ไหน

 

เสียงร้องของเรเน่ในเพลง “Over the Rainbow” ที่ทั้งไพเราะและเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 


จูดี้ การ์แลนด์ กับบทเพลงอมตะของเธอ

 

 

ความรู้สึกรักและชื่นชมที่เราทุกคนมีต่อจูดี้มันท่วมท้นมาก ณ ช่วงเวลานั้น คุณพบว่าตัวเองคิดว่าเพลงนี้จะมีความหมายต่อชีวิตของจูดี้ในตอนนั้นมากแค่ไหน

 

คุณมีวิธีเข้าถึงตัวตนของจูดี้ตอนขึ้นร้องเพลงบนเวทีอย่างไร

ฉันพยายามดูสีหน้าและท่าทางของเธอมากกว่าดูว่าเธอสื่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างไร เพราะไม่อย่างนั้นมันคงดูหลอนไปหน่อย วิธีของฉันคือการศึกษาท่วงท่าการร้องและการใช้ระดับเสียงของเธอ เสียงของจูดี้จะเป็นแบบไหนในช่วงเวลาต่างๆ แล้วอีกอย่างคือรูเพิร์ต ผู้กำกับจะยืนกรานกับฉันว่า “คุณจำเป็นต้องร้องเพลงนี้จริงๆ นะ” เสมอด้วย ฉันจึงต้องศึกษาสไตล์การร้องเพลงของจูดี้อย่างจริงจัง

 

 

การเล่นหนังเรื่องนี้ทำให้คุณมีมุมมองเกี่ยวกับจูดี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน

ฉันเสียใจที่จะบอกว่าแต่ก่อนฉันมองข้ามเธอไป เธอคงเหมือนหลายๆ คนในชีวิตที่คุณรัก ซึ่งเป็นคนที่อยู่รอบกายคุณเสมอ แน่นอนว่าจูดี้เป็นคนที่น่าทึ่งและควรค่ากับการเป็นคนดังระดับตำนานในประวัติศาสตร์ เธอทุ่มเทเพื่อที่จะประสบความสำเร็จด้วยตัวเองเคียงข้างคนดังแห่งยุคคนอื่นๆ แต่กว่าฉันจะหันมาชื่นชมจูดี้ว่าเป็นบุคคลที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง ก็ตอนที่มาเล่นหนังเรื่องนี้แล้วนี่ล่ะ เพราะได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เธอต้องรับมือในชีวิต

 

คุณคิดว่าจูดี้ได้มอบแรงบันดาลใจอะไรให้แก่ศิลปินรุ่นหลังคนอื่นๆ บ้าง

พรสวรรค์ในด้านต่างๆ ที่เธอเกิดมาพร้อมกับมันเป็นเรื่องสำคัญอย่างบอกไม่ถูก แต่ทำไมเธอถึงรับมือกับชื่อเสียงไม่ได้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และถ้าได้อ่านเรื่องราวของเอมี่ ไวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นศิลปินที่ด่วนจากโลกนี้ไป คุณก็คงสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น การเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ต่างๆ ที่พระเจ้ามอบให้คนสัก 1 ในล้านคนคือเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่การประคับประคองชีวิตให้ไปต่อได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ การได้เห็นและเรียนรู้การรับมือกับปัญหาต่างๆ ของจูดี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากศิลปินคนอื่นๆ เธอไม่เพียงเป็นตำนาน แต่ยังเป็นฮีโร่ด้วย ยิ่งฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับเธอมากเท่าไร ฉันก็ตกหลุมรักเธอมากขึ้นเท่านั้น

 

 

การเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ต่างๆ ที่พระเจ้ามอบให้คนสัก 1 ในล้านคนคือเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่การประคับประคองชีวิตให้ไปต่อได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ การได้เห็นและเรียนรู้การรับมือกับปัญหาต่างๆ ของจูดี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากศิลปินคนอื่นๆ เธอไม่เพียงเป็นตำนาน แต่ยังเป็นฮีโร่ด้วย ยิ่งฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับเธอมากเท่าไร ฉันก็ตกหลุมรักเธอมากขึ้นเท่านั้น

 

จูดี้ในฐานะนักแสดงและศิลปินผู้มอบความบันเทิงบนเวทีกับจูดี้ที่อยู่ต่อหน้าสื่อ แตกต่างกันอย่างไรในมุมมองของคุณ

ฉันเดาว่าจูดี้ที่นั่งให้สัมภาษณ์สื่อและนำเสนอตัวตนในบางแง่มุมของเธอที่อยากแชร์ให้โลกรู้ เป็นจูดี้ในเวอร์ชั่นที่มีเกราะกำบังบางอย่าง ในขณะที่จูดี้ที่เราเห็นบนเวที เป็นจูดี้ที่มีความเปล่งประกาย โดดเด่น จิตใจงดงาม น่ารัก แต่นั่นก็นับว่าเป็นการแสดงเช่นกัน ฉันอยากรู้ว่าจูดี้ในเวอร์ชั่นหลังแสงสีสปอร์ตไลต์เป็นอย่างไรมากกว่า ไม่ว่าจะตอนอยู่บ้านตอนกลางคืน วางเกราะป้องกันตัวเองลง ไม่ได้อยู่ในเดรสวิบวับเปล่งประกาย เธอเป็นแบบไหน รวมทั้งยังอยากรู้ด้วยว่าชีวิตของเธอตอนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากต่างๆ เป็นอย่างไร

 

 

ตอนนี้ฉันชื่นชมการแสดงในมุมที่แตกต่างออกไป เพราะฉันค้นพบว่าจะนำความสงบในชีวิตส่วนตัวไปใส่ไว้ชีวิตการทำงานได้อย่างไร มันไม่ใช่ความวุ่นวายในรูปแบบเดิมๆ เพราะฉันเรียนรู้แล้วว่าตัวเองรับมือกับมันได้มากแค่ไหน และเมื่อไรที่มันถึงจุดที่มากเกินไปจนรับไม่ไหว

 

ย้อนกลับไปในช่วงที่คุณพักเบรกจากงานแสดงในฮอลลีวูด เคยมีคิดบ้างไหมว่าอยากเลิกเป็นนักแสดงตลอดไป

ฉันไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะไม่กลับมาเป็นนักแสดงอีก เพราะการแสดงเป็นสิ่งที่ฉันรัก มันคือสิ่งที่มอบความสุขให้แก่ฉัน แต่ตอนนี้ฉันชื่นชมการแสดงในมุมที่แตกต่างออกไป เพราะฉันค้นพบว่าจะนำความสงบในชีวิตส่วนตัวไปใส่ไว้ชีวิตการทำงานได้อย่างไร ตอนนี้งานแสดงของฉันไม่ใช่ความวุ่นวายในรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป เพราะฉันเรียนรู้แล้วว่าตัวเองรับมือกับมันได้มากแค่ไหน และเมื่อไรที่มันถึงจุดที่มากเกินไปจนรับไม่ไหวแล้วน่ะค่ะ

 

RENEE’S LIFE

3 เรื่องราวชีวิตของเรเน่ เซลล์เวเกอร์

 

1.Her Acting Roles

เรเน่เป็นนักแสดงมาเกือบ 30 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันมีผลงานหนังเกือบ 40 เรื่อง แต่เรื่องที่โดดเด่นและสร้างชื่อให้เธอคือ Jerry Maguire (1996), Bridget Jones’s Diary (2001), Chicago (2002), Cold Mountain (2003), Bridget Jones: The Edge of Reason (2004), Bridget Jones’s Baby (2016) ส่วนปีนี้เรเน่มีงานหนัง 1 เรื่อง คือ Judy และมินิซีรีส์ทริลเลอร์ทางเน็ตฟลิกซ์ชื่อ What/If โดยเธอเคยคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากหนังสงคราม Cold Mountain จากเวทีออสการ์ในปี 2004 มาครอง

 

Jerry Maguire

 

Chicago

 

Cold Mountain

 

2.Her Famous Movies

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาทที่ทำให้เรเน่กลายเป็นที่จดจำคือบทบริดเจ็ต โจนส์ นักข่าวสาวเฟอะฟะตุ๊ต๊ะวัยกลางคน ซึ่งสุดท้ายอินเลิฟกับมาร์ค ดาร์ซี่ ทนายหนุ่มมาดนิ่ง (รับบทโดยคอลิน เฟิร์ธ) ใน Bridget Jones’s Diary ทั้ง 3 ภาค เรเน่เล่นบทบริดเจ็ตได้อย่างมีเสน่ห์ ทำให้ตัวละครดูมีทั้งความสดใส ความน่ารัก ความเปิ่น และความมีอารมณ์ขัน

 

 

3.Her Love Life

สำหรับความรักครั้งที่ผ่านๆ มาของเรเน่ เธอคบกับหนุ่มในวงการเป็นส่วนใหญ่ ทั้งจิม แคร์รีย์, แจ็ค ไวต์, เคนนี่ เชสนีย์, แบรดลีย์ คูเปอร์ และล่าสุดกับศิลปินมาดเซอร์ดอยล์ แบรมฮอลล์ เดอะเซคกันด์ ซึ่งรักกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2012 แต่มาเลิกราในปีนี้ ทั้งนี้เรเน่เคยผ่านการแต่งงานกับศิลปินคันทรีเคนนี่ เชสนีย์ ในปี 2005 แต่ชีวิตคู่ก็จบลงอย่างรวดเร็วหลังแต่งงานกันได้เพียง 4 เดือน!

 

ดอยล์ แบรมฮอลล์ เดอะเซคกันด์

 

เคนนี่ เชสนีย์

 

[Credit]

Text: WENN

Instagram: @judythefilm, @gettyentertainment

 

✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦

ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่

♥ Website : www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : twitter.com/okthailand

 

Comments

comments

okadmin

นิตยสาร OK! เป็นนิตยสารรายแรกและเพียงรายเดียวที่อัพเดตข่าวคราวของเหล่าดาราทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเจาะลึกทุกซอกทุกมุม รวมทั้งเรื่องส่วนตัวของเหล่าศิลปินและดาราสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

RELATED ARTICLES

ที่มาและคำเฉลยของเพลง & หนังสะท้อนตัวตนของหนุ่มๆ HUMAN ERROR

ที่มาและคำเฉลยของเพลง & หนังสะท้อนตัวตนของหนุ่มๆ HUMAN ERROR

HUMAN ERROR คือโปรเจ็กต์ส่งท้ายปลายปีที่มีหนุ่มๆ สายเอนเตอร์เทนสุดฮอตจากบ้านนาดาวอย่างเจเลอร์-กฤษณภูมิ [...]

READ MORE
ดูเจนต์จัง! เฮนรี่ โกลดิง กับเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปและความภูมิใจในเชื้อสายเอเชีย

ดูเจนต์จัง! เฮนรี่ โกลดิง กับเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปและความภูมิใจในเชื้อสายเอเชีย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกและอัดแน่นด้วยนักแสดงที่มีเชื้อสายเอเชียอย่าง Crazy Rich Asians [...]

READ MORE