
เราเห็น ชอว์น เมนเดส เป็นนักร้องมาตั้งแต่เป็นเด็กหนุ่มวัยทีน โด่งดังมาจากการคัฟเวอร์เพลงบนยูทูบตั้งแต่ปี 2013 จนเตะตาแมวมองและได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง มาวันนี้นักร้องหนุ่มชาวแคนาดาโตเป็นหนุ่มวัย 20 ปีแล้ว ยิ่งโตดูเหมือนเขายิ่งจะฉายแววความหล่อและความฮอตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรูปร่างและหน้าตาสุดเป๊ะราวกับเป็นนายแบบที่เทิร์นตัวเองมาเป็นนักร้องดีดกีตาร์บนเวทีอย่างไรอย่างนั้น เสียงร้องอันมีเอกลักษณ์ และผลงานเพลงที่ฮิตติดหูและหลากหลายขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณเคยหลงรักเพลงจาก Handwritten อัลบั้มแรกในปี 2015 และจาก Illuminate อัลบั้มที่ 2 ในปี 2016 ของชอว์นมาแล้ว ไม่ว่าจะเพลง “Stitches”, “I Know What You Did Last Summer”, “Treat You Better”, “Mercy”, “There’s Nothing Holding Me Back” ฯลฯ
ทำความรู้จัก ชอว์น เมนเดส นักร้องสุดฮอตจากแคนาดา
ที่ทำให้สาวๆ ใจละลายกันทั่วโลก
เรามั่นใจว่าอัลบั้มล่าสุดอัลบั้มที่ 3 Shawn Mendes ที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ จะทำให้คุณหลงรักศิลปินหนุ่มขวัญใจสาวและขวัญใจเพื่อนศิลปินด้วยกันมากขึ้นแน่นอน เขามาพร้อมเพลงที่หลากหลายและน่าสนใจ ทั้ง “In My Blood”, “Lost in Japan”, “Youth” (ฟีเจอริงกับเคอลีด), “Where Were You in the Morning?”, “Nervous” ฯลฯ โดยหนุ่มชอว์นได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังหลายคน ทั้งเคอลีด, เอ็ด ชีแรน, จอห์น เมเยอร์, จูเลีย ไมเคิลส์ ฯลฯ อัลบั้มนี้เราจะเห็นมุมมองที่โตขึ้นของนักร้องหนุ่มได้อย่างชัดเจน เขายังกล้าเผยเรื่องราวส่วนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะโรควิตกกังวลที่เขาต้องรับมือ มาสำรวจโลกของศิลปินเสน่ห์แรงให้มากขึ้นอีกนิด ทั้งเรื่องของดนตรี ชีวิตส่วนตัว มิตรภาพ ความรัก โซเชียลมีเดีย และการร่วมงานกับศิลปินที่เป็นไอดอลของเขา ชอว์นเป็นศิลปินที่มองโลกในแง่ดีและเป็นมิสเตอร์ไนซ์กาย ไม่แปลกใจที่ทำไมใครๆ ต่างก็หลงรักหนุ่มคางบุ๋มสุดหล่อและหุ่นเฟิร์มคนนี้
คุณบอกว่าเพลง “In My Blood” เป็นเพลงที่เป็นส่วนตัวที่สุดที่คุณเคยแต่งมา เพลงนี้พูดถึงอะไร
เพลงพูดถึงความรู้สึกวิตกกังวลและการเอาชนะความรู้สึกนั้นครับ บางครั้งผมรู้สึกว่าโลกทำให้รู้สึกแย่ สิ่งที่ผมรับมืออยู่มันหนักเกินไป แต่ว่าก็จะรู้สึกแบบนั้นไม่นาน อาจจะไม่กี่นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อสูดหายใจลึกๆ เราก็จะรู้สึกเหมือนว่าได้ก้าวผ่านความรู้สึกนั้นมาได้
สำหรับคนที่มีอาการวิตกกังวลแบบคุณ คุณจะให้คำแนะนำเขาอย่างไร
ผมว่าหลายครั้งการรับมือกับปัญหานี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ถ้ารู้สึกวิตกกังวล ผมไม่อยากให้คุณสติแตก ขอให้สูดหายใจลึกๆ และคิด บางครั้งสมองก็ขุ่นมัวและยุ่งเหยิง เราจึงต้องให้เวลามันเพื่อเคลียร์ตัวเองให้โล่งและปลอดโปร่งบ้าง
คุณมีเทคนิคอะไรดีๆ แนะนำไหม เป็นต้นว่าที่คุณเคยบอกว่าคุณต้องออกกำลังกายทุกเช้า
ใช่แล้ว ผมออกกำลังกายเพื่อคลายความวิตกกังวล แล้วอีกอย่างคือผมนั่งสมาธิบ่อยมาก ซึ่งนั่นช่วยผมได้มากจริงๆ ลองดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Calm มาใช้ดู แอพฯ จะมีเพลงบรรเลงและเสียงของธรรมชาติที่ช่วยให้เรารู้สึกสงบและะผ่อนคลาย ลองเปิดแอพฯ นี้ แล้วปิดตา นอนลง หายใจเขาออกช้าๆ นึกถึงชั่วขณะนั้นอย่างแท้จริงแทนที่จะนึกถึงเรื่องอื่นๆ มันจะช่วยให้คุณมีทัศนคติที่ดีครับ นอกจากนี้เราต้องเฟดตัวเองจากเรื่องที่เราครุ่นคิดไปใช้เวลากับเพื่อนๆ และผู้คนรอบข้างที่แสนดีบ้าง พยายามไม่คิดเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ มากเกินไป สำหรับผมถ้าเป็นเรื่องงาน ผมอาจคิดถึงมันตลอดเวลา ซึ่งมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเลย เพราะที่จริงแล้วชีวิตเราต้องการความสมดุลครับ
ปัจจุบันคุณใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน
ผมออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองในตัวเมืองโทรอนโต แคนาดา ตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ดีครับที่ได้ออกมาใช้ชีวิตในที่ที่เป็นของตัวเองและมีความเป็นส่วนตัว ได้มองเห็นวิวสวยๆ ของ CN Tower ตึกสูงอันโดดเด่นและวิวอื่นๆ ของโทรอนโต ตอนนี้พอผมกลับมาจากทัวร์ที่ต้องนอนคนเดียวในห้องที่โรงแรมมาตลอดมาอยู่บ้านของตัวเอง มันเลยไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันมากนัก ที่จริงการออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองก็ดีนะ อาจจะเหงาบ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ผมก็รู้สึกดีและผ่อนคลาย ทั้งยังช่วยให้ผมรู้สึกโฟกัสตอนแต่งเพลงด้วย
ที่บ้านของคุณมีสตูดิโออัดเสียงด้วยไหม
มีครับ ผมมีสตูดิโอเล็กๆ อยู่ที่บ้าน ทุกวันนี้คุณไม่จำเป็นต้องไปตามสตูดิโอใหญ่ๆ เพื่อทำเพลงให้ออกมามีเสียงอย่างที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันก็เจ๋งดีนะ
ปกติคุณทำอาหารกินเองบ้างหรือเปล่า
ไม่ครับ ผมก็หวังว่าจะทำอาหารกินเองได้เหมือนกัน ถ้าโตกว่านี้อาจจะทำกินเองก็ได้นะ แต่ตอนนี้ผมขี้เกียจเกินไป แถมถ้าสั่งอาหารมากินตอนเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตลอดทั้งปี ยังสะดวกสบายและรวดเร็ว ห้องพักในโรงแรมผมก็ไม่มีห้องห้องครัวเสียด้วยน่ะสิ
เพื่อนสมัยวัยเด็กของคุณหลายๆ คนใช้ชีวิตในโทรอนโตด้วยไหม
ไม่ครับ พวกเขาอยู่ที่พิกเคอริง ซึ่งเป็นย่านชานเมืองที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ ห่างกันราว 30 นาทีเอง แต่เพื่อนๆ ก็จะมาแฮงเอาต์กันที่บ้านผมถ้าผมอยู่บ้านนะ
เคยคิดไหมว่าชีวิตคุณจะเป็นอย่างไรถ้าใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเพื่อนๆ อย่างเข้ามหาวิทยาลัยอะไรอย่างนี้
บางทีก็เคยนึกนะ แต่ผมมีความสุขกับการเป็นศิลปินแบบนี้มากกว่า ไม่ขอเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น และผมมั่นใจว่าเด็กอายุ 20 ปีหลายคน ก็คงอยากจะลองมาทำงานแบบผมด้วยเหมือนกันถ้าพวกเขามีโอกาส
เสียดายโอกาสที่เราพลาดทำเรื่องสนุกๆ บ้าๆ บอๆ กับเพื่อนบ้างไหม
ก็มีเสียดายเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสเดินทางทั่วโลกและทำอะไรเจ๋งๆ อย่างการขึ้นแสดงบนเวที ซึ่งเด็กคนอื่นอาจไม่มีโอกาสได้ทำ ผมมีความสุขกับสิ่งที่ทำจริงๆ แต่ว่าถ้ากลับบ้านเมื่อไร ผมก็จะไปแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ และเล่นอะไรอย่างที่เด็กอายุ 20 ปีทำอยู่บ้างเหมือนกัน
คุณกับเพื่อนๆ มักทำกิจกรรมอะไรด้วยกัน
ก็หลายอย่าง ผมกับเพื่อนๆ เราไปเที่ยวคลับบาร์กันได้ เพราะถ้าอายุ 19 ปี ก็สามารถดื่มได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในโทรอนโต หรือไม่เราก็เล่นเกมส์ Xbox กันแบบ 3 วันติด! (หัวเราะ)
เวลาขึ้นแสดงบนเวที คุณดูมั่นใจทีเดียวเมื่อเทียบกับศิลปินคนอื่นที่อายุเท่าๆ กัน ทุกวันนี้คุณชิลล์กับการขึ้นโชว์แล้วใช่ไหม
ขอบคุณครับ ผมคิดว่าอาจเพราะผมขึ้นแสดงมาตั้งแต่อายุ 15 ปี และผมเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูดคุยกับคนที่อายุมากกว่าและผู้คนกลุ่มใหญ่บ่อยๆ ผมเลยรู้สึกสบายมากๆ กับการขึ้นแสดง ไม่เขินอายเลย และสนุกที่ได้ทำแบบนั้น
พูดถึงสไตล์ของคุณบนเวทีคอนเสิร์ตบ้าง เดี๋ยวนี้เรามักเห็นคุณใส่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ เป็นส่วนใหญ่
ใช่ครับ ผมอยากใส่เสื้อผ้าแบบนั้น แรงบันดาลใจและสไตล์ในการแต่งตัวส่วนใหญ่ของผมมักอินสไปร์มาจากสไตล์ในยุคก่อน
ศิลปินคนไหนเป็นแรงบันดาลใจเรื่องการแต่งตัวให้คุณบ้าง
จะบอกว่าผมพยายามไม่ดูว่าศิลปินหลายๆ คนแต่งตัวกันอย่างไร แต่จะพยายามค้นหาดูว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่เหมาะกับผมที่สุด และใส่สบายที่สุดเวลาขึ้นโชว์มากกว่า เพราะถ้าคุณดูดีและรู้สึกดี คุณก็จะดูดีขึ้นมากกว่าเดิม และจะแสดงได้ดีบนเวทีด้วย แต่ถ้าเป็นเรื่องดนตรี ทุกคนเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้หมด หลังๆ มานี้ผมชอบฟังเพลงของ Kings of Leon, จัสติน ทิมเบอร์เลค และแน่นอนว่าฟังเพลงของจอห์น เมเยอร์ ไอดอลของผมด้วย ผมเคยมีโอกาสเจอวง Kings of Leon ด้วย พวกเขาเป็นกันเองมากๆ และมีพรสวรรค์สุดๆ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมชอบฟังเพลงของวง Fleetwood Mac ฟังเพลงของวงรุ่นใหญ่นี้แล้วอินสไปร์มาก
พ่อแม่กังวลไหมที่คุณเดินทางขึ้นโชว์ทั่วโลกมาตั้งแต่อายุยังน้อย
ผมคิดว่าพ่อแม่ต้องเป็นกังวลล่ะ แต่ท่านเชื่อใจผมมากเพราะปกติผมเป็นคนที่มีอะไรก็บอกเขาทุกเรื่อง รู้สึกอย่างไรก็บอกหมด ตั้งแต่ยังเด็กผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพ่อแม่กับผมเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษ เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนเราเป็นกันเพื่อนมากกว่า และผมไม่กลัวที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขาฟัง ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งพ่อแม่จึงเชื่อใจผมมากเวลาที่ผมต้องเดินทางไปไหนมาไหน
รวมทั้งเชื่อว่าคุณจะไม่ไปทำอะไรห่ามๆ ในวันว่างด้วยใช่ไหม
ผมว่าบางครั้งท่านก็คงอยากให้ผมทำอะไรบ้าๆ บอๆ บ้าง ที่จริงถ้าได้ทำอะไรแบบนั้นบ้างมันก็ดีนะ เพราะถ้าคุณทำงานหนักมากไป ถ้ามีสักวันที่ได้ทำอะไรสุดโต่งบ้างมันก็คงดี แต่ก็ยากที่จะเห็นผมทำอะไรแบบนั้น
คุณเป็นคนที่ไม่เคยมีข่าวฉาวให้ได้ยินเลย
คิดว่าอย่างนั้นนะครับ และบอกตามตรงว่าผมก็อยากให้แฟนๆ สนใจงานเพลงของผมมากกว่าเรื่องอื่นๆ
คุณเป็นศิลปินอีกคนที่ฟังเพลงหลากหลายประเภทและไม่จำกัดตัวเองที่ดนตรีประเภทใดประเภทเดียว คุณอยากเพิ่มความหลากหลายของเพลงให้มากขึ้นทุกครั้งที่ทำอัลบั้มใหม่หรือเปล่า
แต่ก่อนผมกลัวการทำเพลงหลากหลายสไตล์มากๆ เลย มักคิดว่า “นี่เราทำอะไรอยู่ เราไม่ควรทำเพลงด้วยวิธีแบบนี้นะ” มักรู้สึกว่าตัวเองทำทุกอย่างเละเทะไปหมด แต่หลังจากนั้นก็มาตระหนักได้ว่าที่จริงแล้วผมชอบเพลงทุกๆ เพลง เพราะเพลงแต่ละเพลงมีความหมายเฉพาะตัวของมันจริงๆ ผมว่านี่ล่ะคือเหตุผลว่าทำไมครอบครัวและเพื่อนๆ ของผมถึงเสพดนตรี บางครั้งพวกเขาก็จะฟังเพลงแร็ป บางครั้งก็ฟังเพลงป๊อป บางครั้งก็ฟังเพลงคันทรี พวกเขาไม่แคร์ว่าจะต้องฟังดนตรีประเภทใดประเภทเดียวเท่านั้น ผมชอบนะ นี่อาจจะมีส่วนทำให้ผมอยู่ในจุดที่เจ๋งมาก คือรู้สึกว่าตัวเองมีอิสระในการทำเพลงสไตล์ไหนก็ได้ที่อยากทำน่ะครับ
เรื่องไหนที่เกี่ยวกับดนตรี คุณมักจะอินได้เสมอใช่ไหม
ใช่ครับ กฎคือถ้าเพลงไหนดี มันก็คือดี ถ้าเพลงไหนแย่ มันก็คือแย่ ถ้าผมเกิดทำเพลงอาร์แอนด์บีที่แย่ออกมา คนฟังก็จะบอกเองว่ามันแย่ แต่ถ้าผมทำเพลงอาร์แอนด์บีที่ดีออกมา ก็หวังว่าคนฟังจะชมว่ามันเพราะดี นี่เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเกี่ยวกับดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเพลงแร็ป เพลงป๊อป หรือเพลงประเภทไหนๆ ถ้าเป็นเพลงที่ดี ผมก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเพลงที่ดีจริงๆ และผมชอบมัน
ตอนนี้คุณแต่งเพลงด้วยตัวเองหรือเปล่า
ผมแต่งเพลงร่วมกับกลุ่มนักแต่งเพลงที่ผมเชื่อมั่นมากๆ ครับ
สำหรับคุณการแต่งเพลงเป็นเรื่องง่ายไหม
ทั้งง่ายและยากนะ บางวันผมรู้สึกว่าการแต่งเพลงเป็นเรื่องง่ายที่สุด แต่บางวันก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต นี่ล่ะที่ทำให้การแต่งเพลงเป็นเรื่องน่าสนใจ ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นเป็นอย่างไร ผมรู้สึกแบบไหน หรือเรากำลังแต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรอยู่ บางครั้งคุณอาจจะแต่งเพลงได้หลายเพลงในวันเดียว แต่บางครั้งใช้เวลา 3 วัน คุณอาจจะแต่งเพลงไม่ได้เลยสักเพลงก็ได้
เล่าถึงเพลง “Lost in Japan” ให้ฟังหน่อยได้ไหม ทำไมต้องหลงทางในญี่ปุ่นด้วย
(หัวเราะ) นั่นเพราะผมฝันว่าตัวเองหลงทางอยู่ในญี่ปุ่นน่ะ เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สวยงามครับ ผมมีโอกาสไปเยือนที่นั่นมาหลายครั้ง ที่จริงผมอาจจะแต่งเพลงว่าหลงทางในอุรุกวัยหรือหลงทางในรัสเซียก็ได้ แต่ว่าพอร้องออกมาแล้วมันไม่ไหลลื่นน่ะ
ส่วนเพลงที่พูดถึงความรู้สึกประหม่าอย่าง “Nervous” นั้น ทราบว่าคุณแต่งร่วมกับนักร้องสาวจูเลีย ไมเคิลส์ ด้วย คุณกับจูเลียรู้จักกันมานานหรือยัง ต้องเป็นเพื่อนกันมาก่อนไหมถึงจะแต่งเพลงด้วยกันได้
ผมว่าควรจะเป็นเพื่อนกันก่อนนะ ผมรู้จักจูเลียมาก่อนหน้านี้แล้ว เธอมาเป็นศิลปินเปิดให้กับทัวร์คอนเสิร์ตของผมด้วย หลังจากนั้นผมก็ได้แต่งเพลงกับจูเลีย เรากลายเป็นเพื่อนกันทันที เพราะเริ่มต้นจากการคุยเรื่องราวที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก ซึ่งเราไม่มีทางบอกกับคนแปลกหน้าแน่ๆ ก็เหมือนกับตอนที่คุณสัมภาษณ์ คุณจะรู้จักผมมากขึ้นทันที เพราะเราเริ่มต้นจากการคุยเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวเลย ไม่มีเวลามาถามว่า “วันนี้เป็นอย่างไร อ้อ วันนี้ดีเลยล่ะ” ไม่มีเลย สำหรับผมกับจูเลีย เราเข้าประเด็นกันทันทีว่า “เรากำลังจะพูดถึงอะไรกัน ความลับที่ลึกลับที่สุดของคุณคืออะไร” อะไรทำนองนี้มากกว่า และจุดนั้นล่ะที่มิตรภาพที่แท้จริงของเราเริ่มต้นขึ้น
แชร์ความลับของคุณให้เราฟังหน่อยได้ไหม
ถ้ามีผมก็จะไม่บอกคุณหรอก (หัวเราะ) แต่มันน่าจะไปอยู่ในเพลงของผมนะ ผมคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่คุณรู้สึกอยู่ตลอดเวลานั่นล่ะ อย่างเรื่องที่ติดอยู่ในใจและในความคิดของคุณจริงๆ
แล้วเรื่องที่ติดอยู่ในใจและความคิดของคุณมีอะไรบ้าง
อย่างเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิง เรื่องงาน หรือเรื่องอาการวิตกกังวลอย่างที่ได้ยินในเพลง “In My Blood” อะไรอย่างนั้นน่ะครับ
คุณประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าสาวๆ ไหม
แน่นอนอยู่แล้ว แล้วถ้าประหม่าต่อหน้าสาวๆ ก็ไม่ค่อยดี เพราะเธอจะมองว่าผมเป็นคนเปราะบาง ทั้งๆ ที่ที่จริงผมก็อยากเป็นผู้ชายเจ๋งๆ ที่ไม่ประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิง แต่ความจริงคือผมกลับรู้สึกประหม่าตลอด และผมคิดว่าหนุ่มหลายๆ คนก็เป็นแบบผมเหมือนกันนะ
คุณจะบอกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ไม่เจ๋งเหรอ
ไม่เจ๋งเลย ผมพยายามจะเป็นผู้ชายเจ๋งๆ ต่างหากล่ะ (หัวเราะ)
ครั้งล่าสุดที่คุณประหม่าต่อหน้าสาวๆ คือตอนไหน
ผมรู้สึกประหม่าได้ทุกวันเลย ผมมักประหม่าและกังวลเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่มันก็ดีนะ เป็นนิสัยน่ะ ผมว่าอาจเพราะผมแคร์ล่ะมั้ง เวลาที่ใครกังวลกับการพบปะผู้คนหรือการทำอะไรก็ตาม นั่นหมายความว่าเขาแคร์นะครับ
ดูเหมือนการเข้าหาสาวๆ น่าจะเป็นเรื่องง่ายของคุณด้วยซ้ำ
(หัวเราะ) บางทีเท่านั้นล่ะ ไม่รู้สิ หรือบางทีการที่ผมเป็นศิลปินอาจทำให้คนคาดหวังกับผมสูง และผมก็พยายามจะทำให้ได้อย่างที่พวกเธอคาดหวังไว้ แต่จะว่าไปผมรู้สึกว่าการเข้าหาสาวก็เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ชายทุกคนนั่นล่ะ ไม่ว่าคุณจะมีชื่อเสียงขนาดไหนก็ตาม
ในวัย 20 ปี คุณเก่งเรื่องเดทกับสาวๆ มากกว่าตอนอายุ 16 ปีไหม
ไม่เลย ตอนอายุน้อยกว่านี้ผมถนัดเข้าหาสาวๆ มากกว่าและมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้เสียอีก ผมคิดว่าเมื่ออายุมากขึ้น คุณจะเริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ มากเกินไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมคิดว่าเรื่องเดทกับสาวๆ ผมก็ไม่แย่เสียทีเดียวนะ
แล้วตอนนี้คุณคิดถึงความสัมพันธ์ที่จริงจังบ้างหรือเปล่า
แน่นอนครับ แต่ผมไม่มีข้อจำกัดหรือกฎเรื่องความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะการเจอใครสักคนที่ผมอาจมีความสัมพันธ์ที่จริงจังด้วย หรือถ้าไม่ใช่คนที่ใช่ ผมก็อยากสนุกกับชีวิตและสนุกกับการเจอะเจอผู้คนใหม่ๆ ไม่รู้สิ ผมว่ามันไม่มีกฎตายตัวนะ วันหนึ่งผมอาจจะเดทกับแฟนคลับก็ได้ แฟนคลับก็คือคนๆ หนึ่งเหมือนกัน
เห็นว่าคุณเองก็ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากใช่ไหม
ครับ ผมรู้จักแฟนๆ มาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กมาก ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันมันมากกว่าความสัมพันธ์ของศิลปินกับแฟนคลับไปแล้ว เราเป็นเหมือนเพื่อนกัน เหมือนโตมาด้วยกัน ซึ่งมันเจ๋งมากๆ ผมเคารพความเห็น รวมทั้งรู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนและกำลังใจจากพวกเขา ผมมักถามแฟนๆ ตลอดว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องต่างๆ คำแนะนำและความเห็นของพวกเขาเป็นประโยชน์ต่อผมมาก ถ้าผมไม่ขอคำแนะนำจากเขา แล้วผมจะขอจากใครได้ล่ะเนอะ แฟนเพลงจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ในทุกวันนี้
ศิลปินบางคนไม่ได้รู้สึกดีกับการใช้โซเชียลมีเดีย แล้วคุณล่ะรู้สึกอย่างไร
ผมคิดว่าโซเชียลมีเดียก็มุมที่มีประโยชน์และทำให้เกิดเรื่องราวที่ดีได้ ถ้าคุณปล่อยอะไรดีๆ ไป มันอาจจะกลายเป็นคลิปไวรัลและเป็นอะไรที่สุดยอด ในทางตรงข้าม ถ้าคุณอัพอะไรแย่ๆ มันก็จะกลายเป็นคลิปไวรัลและเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดก็ได้ เพราะฉะนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะปล่อยอะไรลงไปในนั้น และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบและพยายามอัพแต่เรื่องดีๆ ลงในโซเชียลมีเดียเสมอ เรื่องแย่ๆ มันมีเยอะพอแล้ว
สถานที่ที่คุณชอบในอินเทอร์เน็ตคือที่ไหน
ผมชอบเข้าไปดูยูทูบมาก ดูมิวสิกวิดีโอของศิลปินต่างๆ และทุกๆ อย่าง แล้วผมก็เล่นทวิตเตอร์กับอินสตาแกรมด้วย ผมเล่นทุกอย่างเลย ติดการใช้โซเชียลมีเดียเหมือนกับคนทั่วๆ ไปนี่ล่ะ
คุณเองก็เริ่มต้นมีชื่อเสียงมาจากอินเทอร์เน็ตใช่ไหม
ใช่ครับ ผมเป็นที่รู้จักจากยูทูบ ถ้าไม่มีโซเชียลมีเดีย ผมก็คงไม่ได้มีอาชีพศิลปินอย่างเช่นทุกวันนี้ โซเชียลมีเดียเป็นวิธีเข้าถึงแฟนๆ และโปรโมตงานเพลงของผมว่าผมกำลังทำอะไรอยู่บ้าง ผมโชคดีมากๆ ที่มีโซเชียลมีเดียเป็นตัวช่วย
ข่าวว่าคุณขอให้จอห์น เมเยอร์ ศิลปินที่เป็นไอดอลของคุณ ช่วยโปรดิวซ์เพลง “Like to Be You” (ฟีเจอริงจูเลีย ไมเคิลส์) ให้ด้วย
ที่จริงผมไม่ได้เป็นคนติดต่อไปหาจอห์นนะครับ แต่เขาเป็นคนติดต่อผมมาเอง ผมมั่นใจว่าเขาเห็นเองว่าผมอยากร่วมงานด้วย เพราะผมทวีตหาเขาทุกวันเลย เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เข้ากันได้ดีมากๆ บางคนอาจมองว่าจอห์นเป็นคนที่ก้าวร้าวหน่อยๆ แต่ถ้าได้รู้จักเขาจริงๆ คุณจะพบว่าเขาเป็นศิลปินที่เก่งกาจเรื่องดนตรี ให้คำแนะนำได้ดี มักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จิตใจดี และไนซ์มากๆ เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยเจอเลยล่ะ ผมมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกับจอห์น เพราะเขามาช่วยโปรดิวซ์เพลง “Like to Be You” ในอัลบั้มให้ผม ทั้งยังมาเล่นกีตาร์ท่อนโซโล่ให้ด้วย เราจึงมีโอกาสได้เจอกันบ่อยมากๆ ครับ
[Credit]:
Text: Ken Summit (The Interview Feed)
Photographs: Instagram/ shawnmendes
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments