สิ่งที่ คุณโม แวววดี ศรีไตรรัตน์ ลูกสาวคนโตของ ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ละครเวที และภาพยนตร์) ประจำปี 2557 ได้รับมาจากคุณแม่ผ่านการใช้ชีวิตที่ได้เห็นเป็นประจำคือการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์และการรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา การให้ การให้อภัย และเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเมื่อนำมาผสมผสานกับความสนใจส่วนตัวในเชิงธุรกิจที่ซึมซับมากจากคุณยาย(คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ) ผู้ก่อตั้งเรือด่วนเจ้าพระยาจึงทำให้คุณโมเติบโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงเก่งที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เด็ดขาด และมีเป้าหมายชัดเจน ตอนนี้เธอดูแลธุรกิจหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Theatre Residence โรงแรมสไตล์เก๋ที่ดัดแปลงจากภัทราวดีเธียร์เตอร์ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา, โรงเรียนอนุบาลสุภัทราที่คุณยายสร้างมาอยู่ในย่านเดียวกัน, วังหลังพลาซ่าที่อุดมไปด้วยอาหารอร่อยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงโรงแรมพุทธรักษาหัวหินอีกด้วย เห็นมีงานที่ต้องบริหารหลายอย่างแบบนี้แต่เธอก็ยังเอ็นจอยกับทุกสิ่งที่ทำเพราะเป็นสิ่งที่เธอทำด้วยใจรัก ในขณะเดียวกัน คุณโมยังเป็นลูกสาวสุดสนิทของคุณแม่ เป็นพี่สาวสุดเฮี๊ยบ แสนดุแต่ก็เป็นที่รักของน้องๆ ทั้ง 3 คน รวมถึงเป็นคุณแม่ของลูกสองและภรรยาที่คอยดูแลเอาใจใส่สามีอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงเก่งที่สามารถบริหารจัดการบทบาทต่างๆ ในชีวิตได้ดีคนหนึ่ง คราวนี้เราจะนำเคล็ดลับความสำเร็จ และสไตล์การใช้ชีวิตในโหมดต่างๆ ของคุณโมมากฝากกัน รวมถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับสุดโปรดซึ่งเป็นมุมหนึ่งที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักมาเล่าสู่กันฟังอีกด้วย

ตอนนี้คุณโมกำลังเรียนปริญญาโททางด้านบริหารการศึกษาอยู่ เพราะอะไรถึงสนใจเรียนด้านนี้
เพราะโมมีโรงเรียนอนุบาลสุภัทราที่คุณยายส่งต่อให้ดูแล โมเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่จะเติบโตมาเป็นคนดีมีคุณภาพ เราต้องปลูกฝังเขาตั้งแต่เด็ก เลยมีความตั้งใจว่าอยากจะทำให้ดีที่สุด เลยไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อจะนำมาพัฒนาโรงเรียนให้กับชุมชนวังหลัง เป็นการตอบแทนให้กับชุมชนที่สนับสนุนเราในการทำธุรกิจที่นี่มาโดยตลอด โมเองก็เติบโตมาแถวนี้ โมอยากให้ลูกหลานของชุมชนนี้มีการศึกษาที่ดี โมต้องขอบคุณคุณยายและคุณแม่มากที่ท่านทั้ง2 เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้และได้ทำในสิ่งที่เรารัก
คุณโมบาลานซ์ชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างไรให้สมดุลกัน
เราเป็นผู้หญิงทำงานก็เลยต้องเรียงลำดับความสำคัญ สำหรับโม ในแต่ละช่วงอายุจะมีการเรียงลำดับความสำคัญไม่เหมือนกัน ทุกอย่างที่เราเรียงลำดับล้วนมีผลลัพธ์ แต่ทุกอย่างจะต้องผ่านการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ถ้าเป็นช่วงก่อนแต่งงาน ไพออริตี้หลักคือครอบครัว และงาน พอถึงจุดหนึ่งที่มีครอบครัวของตัวเอง เราก็ต้องคิดว่าอยากมีคู่ชีวิตแบบไหน จะเลี้ยงลูกอย่างไร การที่เราอยากได้แบบไหน เราก็ต้องทุ่มแทและทำให้ดีที่สุด
เล่าถึงบทบาทของพี่สาวคนโตให้ฟังหน่อย
โมเป็นคนดุมาก ถามน้องทุกคนได้เลย แต่เป็นเพราะว่าเราต้องรับหน้าที่ในการดูแลน้องตั้งแต่อายุยังน้อย ลองนึกภาพเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี มีลูก 3 คน ซึ่งแต่ละคนก็เป็นตัวของตัวเองทั้งนั้น แต่ด้วยความที่เขายังเล็กก็เลยเชื่อฟัง แต่เราไม่มีประสบการณ์ความเป็นแม่ก็เลยไม่ได้ใช้วิธีที่ถูกต้องในการเลี้ยงดู การดุโดยใช้ทั้งเสียงในตอนนั้นทำให้น้องกลัวรวมถึงหน้าตาของโมเองก็ดุอยู่แล้วด้วย (หัวเราะ) ต้องขอบคุณน้อง ที่ให้อภัยและเข้าใจเรา ยังไงก็ตามเรา 4 คนรักกันมาก โมเลี้ยงน้องจนโมไปเรียนมหาวิทยาลัย มีห่างกันบ้างแต่ก็ยังมีน้องบางคนตามมาอยู่ด้วยกัน และพอกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเราก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ความรักความผูกพันธ์ยังเหมือนเดิม พอนึกย้อนไปก็ต้องขอบคุณคุณแม่อีกเรื่องที่ให้เรามีประสบการณ์นี้ ทำให้เราเอามาปรับใช้กับลูกของตัวเอง ทำให้การเป็นแม่ของโมสมบูรณ์มากขึ้น เราเป็นทั้งเพื่อน ทั้งแม่ให้กับลูก คุยกันได้ทุกเรื่อง

พอทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว เวลาไหนที่ทุกคนจะมาจอยกัน
สิ่งสำคัญที่โมทำประจำคือวันคริสมาสต์, ปีใหม่, วันเกิดของใครในครอบครัว เราก็จะนัดเวลาเพื่อที่จะเจอกันครบทั้งครอบครัว นอกจากนั้นก็เจอกันเรื่อยๆ แล้วแต่ใครว่าง ตอนนี้คุณแม่อยู่หัวหิน น้องก็อยู่หัวหิน เวลาโมไปหัวหิน ก็เจอกัน กินข้าวกัน ถ้าคุณแม่มีธุระที่กรุงเทพฯ เขาก็จะอยู่ที่ Theatre Residence เราก็เจอกัน โมสนิทกับคุณแม่มาก เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว คุณแม่จะให้ข้อคิดและคำปรึกษาได้ดีตลอด
คุณโมบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจหลายอย่างจากคุณแม่ รวมไปถึงเรื่องการแต่งตัวด้วยหรือเปล่า
คุณแม่ก็เป็น role model ในการแต่งตัว แต่ทุกคนมี style ของตนเอง คุณแม่มีคาแรกเตอร์อย่างหนึ่ง โมก็มีคาแรกเตอร์อย่างหนึ่ง ทำให้สไตล์การแต่งตัวเราไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เรียนรู้จากคุณแม่คือการมีรสนิยมที่ดี และความพอดี เมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีพัฒนาการในเรื่องการแต่งตัวไปตามช่วงวัย ขึ้นอยู่กับสถานที่และกาลเทศะ และก็ต้องสะท้อนความเป็นตัวเองค่ะ
คิดว่าเครื่องประดับสำคัญแค่ไหนสำหรับการแต่งตัว
เวลาแต่งตัว เสื้อผ้าและเครื่องประดับจะบ่งบอกความเป็นตัวเรานะคะ สำหรับโม เครื่องประดับจึงไม่ใช่ดาวเด่นแต่เป็นอะไรที่เสริมความเป็นตัวตนของโม เครื่องประดับที่เลือกอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ผ่านกระบวนการคิดมา มีดีไซน์ วัสดุที่ใช้ต้องดี มีคุณภาพ ต้องทนทาน เพราะเป็นคนทำอะไรเร็วไม่ค่อยระวัง เครื่องประดับเลยต้องสมบุกสมบันกับเราได้ด้วย และต้องใช้ได้ทุกโอกาสค่ะ เสื้อผ้าและเครื่องประดับจึงไม่จำเป็นต้องแพงแต่ต้องมีสไตล์ที่ใช่ตัวเรา

เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว อะไรในตัวคุณโมที่โดดเด่นที่สุด
โมค่ะ เพราะเสื้อผ้าและเครื่องประดับเป็นองค์ประกอบเสริมว่านี่คือตัวโมนะ ทุกอย่างก็คือตัวของโม เรียบๆ จะไม่มีอะไรเว่อร์วังออกมาทั้งสิ้น
หนึ่งในเครื่องประดับที่คุณโมชอบคือ Georg Jensen (จอร์จ เจนเซน) เริ่มรู้จักแบรนด์นี้มาตั้งแต่เมื่อไร
โมชอบแบรนด์นี้ตั้งแต่เรียนที่เมืองนอกค่ะ เครื่องประดับชิ้นแรกที่ซื้อของแบรนด์นี้คือแหวน เป็นสไตล์เรียบแต่ดูแล้วมีสไตล์ พอรู้ว่ามาเปิดช็อปที่เมืองไทยก็ดีใจ เพราะเมื่อก่อนต้องไปซื้อที่ฮ่องกง ยุโรป เครื่องประดับที่ชอบและติดตัวตลอดคือต่างหู, กำไล, แหวน ของ Georg Jensen เพราะเราใส่ได้ทุกโอกาสเลยค่ะ
แบรนด์ Georg Jensen เหมาะกับสมาชิกในครอบครัวคนไหนอีกบ้าง
ลูกสาวค่ะ โมซื้อสร้อยคอของ Georg Jensen ให้กับเขาเป็นของขวัญในวันคริสมาสต์ โมชอบชิ้นนี้เพราะความหมายดีมาก มันสื่อถึงความสัมพันธ์ ความห่วงใยระหว่างแม่กับลูก และความรักที่ไม่สิ้นสุดไม่มีเงื่อนไขของแม่ เครื่องประดับของ Georg Jensen นอกจากจะมีสไตล์ที่เรียบเก๋แล้ว ยังมีความหมายอยู่ในครื่องประดับของเขาอีกด้วย อย่าง OFFSPRING Collection เครื่องประดับที่เป็นรูปไข่ก็หมายถึงความรักระหว่างแม่กับลูก หรือแหวน FUSION ก็เป็นแหวนที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เองได้หลายแบบเพราะมีหลายวง ทั้งแบบเงิน sterling silver, gold, rose gold และอัญมณี และที่สำคัญเครื่องเงินของเขาใส่แล้วไม่ดำ ทนแดดทนลม มีความเงาพอดี และมีดีไซน์ สำหรับสามี เขาก็ชอบ Georg Jensen คะ เขาชอบของแต่งบ้าน ของใช้แต่บ้านก็จะมีของ Georg Jensen หลายชิ้น

ภาพลักษณ์การแต่งตัวสำคัญสำหรับเวิร์กกิ้งวูแมนอย่างไรในมุมมองของคุณโม
จริงๆ แล้วสำหรับโมไม่มีสูตรตายตัวคะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกาลเทศะและสถานที่ที่ไป โมให้ความสำคัญกับงานนั้น ให้เกียรติกับคนที่เชิญเรา คนที่เราจะต้องพบเจอ ทำให้การแต่ตัวของเราเหมาะสมแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ
คุณโมมองตัวเองในวันนี้อย่างไร อะไรที่จะบอกว่าสิ่งที่เราทำประสบความสำเร็จแล้ว
โมคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานตรงนี้ และมีโอกาสได้เห็น พัฒนาสิ่งที่คุณยาย คุณแม่ มอบหมายไว้ให้ ความสุขของโมคือการที่ได้มาทำงานในจุดนี้และได้เห็นคนรอบข้างเติบโตไปกับโม นั่นคือความสำเร็จของสำหรับแวววดี ศรีไตรรัตน์
เคล็ดลับความสำเร็จของคุณโมคืออะไร
โมคิดว่าทุกคนมีความสามารถที่จะทำอะไรให้สำเร็จได้ ถ้าใจอยากจะทำจริงๆ ค่ะ

เครดิต : OK! Issue 323
