เมื่อรักหวานร่วมสร้าง เมื่อรักจางต้องแบ่งสมบัติ!...
By okadmin
อาร์ม-กรกันต์ สุทธิโกเศศ ความประทับใจหลังม่านเดอะมิวสิคัลเรื่องเยี่ยมและกำไรชีวิตที่หาซื้อไม่ได้
เสน่ห์ของดนตรีไทยแม้จะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ยังคงกลิ่นอายที่ชวนจับใจคนฟังอยู่เสมอ โหมโรง เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เล่าขานถึงวงการดนตรีไทยผ่านชีวิตบางส่วนของครูดนตรีไทยผู้เป็นที่รักและเคารพ หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ที่มีทั้งเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ละคร รวมถึงละครเพลงแบบมิวสิคัล ซึ่งเวอร์ชั่นมิวสิคัลได้นำกลับมาแสดงใหม่อีกครั้ง และได้รับกระแสการตอบรับที่ดี
อาร์ม-กรกันต์ สุทธิโกเศศ ผู้รับบท ศร พระเอกของเรื่องคือหนึ่งในนักแสดงที่ประทับใจ โหมโรง เดอะมิวสิคัล ในมุมมองของคนทำงาน “ผมว่าสำหรับเวอร์ชั่นละครเวที เสน่ห์ของมันคือความสดครับ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้ามันก็เป็นเรื่องที่สดหมด อย่างเช่น จะมีบทพูดอยู่ตอนหนึ่งที่พ่ออี๊ด (สุประวัติ ปัทมสูตร) พูดแล้วไมค์จะดับเกือบทุกครั้ง ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น พ่ออี๊ดก็ต้องโปรเจ็กต์เสียงขึ้นมาให้คนในโรงละครที่มีประมาณพันที่นั่งได้ยิน แล้วพอพ่อตะโกนสุดเสียง ทีมงานก็ต้องเบาไมค์ลง ดังนั้นพี่โย่ง อาร์มแชร์ ที่อยู่ในซีนนั้นก็ต้องโปรเจ็กต์เสียงเหมือนกัน รอบนั้นคนดูได้กำไรมากเลยนะครับ และผมว่านี่แหละที่เป็นอีกหนึ่งในเสน่ห์ของละครเวที
โหมโรง เดอะมิวสิคัล มีเค้าโครงเรื่องมาจากประวัติของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เป็นเรื่องราวของดนตรีไทย หลายคนเลยบอกว่าเป็นเรื่องที่แรง ซึ่งครั้งที่แล้วโปรดิวเซอร์ป่วย 2 ครั้ง ครั้งนี้พี่สังข์ (ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม) ผู้กำกับป่วยเป็นไข้เลือดออก แต่ผมคิดว่าเรามีเจตนาที่ดีนะครับ และเราทำในสิ่งที่ถูก ก่อนที่จะแสดงผมจับไม้ระนาดขึ้นมาไหว้แล้วนึกถึงภาพท่านครูหลวงประดิษฐไพเราะ แล้วอธิษฐานขอพรว่าผมขอพรจากครูนะครับ การแสดงครั้งนี้ถวายแด่ครู ผมรู้สึกว่าเราทำในสิ่งที่ดีแล้วก็อิ่มใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมทำเต็มที่ที่สุดแล้ว และผมก็เชื่อว่าครูคุ้มครองเราอยู่ครับ”
เชื่อว่าถ้าใครเห็นเบื้องหลังในการทำงานจะรู้ว่าแต่ละคนล้วนฝึกฝนกันอย่างหนักเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเอง สำหรับอาร์มเอง ถึงแม้ว่าเขาจะถ่อมตัวว่าฝีมือการตีระนาดยังไม่เท่าไร แต่ในวันที่ OK! ได้เห็นคลิปที่เขาปิดตาตีระนาดในการฝึกซ้อมก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่าอาร์มมาไกลมากแล้ว “ที่มาที่ไปของเรื่องนี้คือวันหนึ่งพี่เบิ่ง (ทวีศักดิ์ อัครวงษ์) ที่รับบทเป็นขุนอิน ท้าผมระหว่างที่ซ้อมกันอยู่ว่าให้ผมลองปิดตาตีระนาดในเพลงที่ยากที่สุดในเรื่องดู ซึ่งพอทีมงานได้ยินก็ขอถ่ายเก็บไว้ แรก ๆ ผมก็ตีผิดบ้าง แต่พอเข้ารอบ 2-3 มันก็พอถูไถไปได้ กลายเป็นความสนุก และหลังจากนั้นเวลามีถ่ายรายการเขาก็จะขอให้ผมปิดตาตีระนาดตลอดเลยครับ (หัวเราะ) นอกจากนี้การได้ร่วมงานกับทีมงานคุณภาพและนักแสดงมากความสามารถมันก็ทำให้เราได้รับอะไรดี ๆ กลับมาด้วย อย่างพ่ออี๊ดนี่คือบุคคลมหัศจรรย์นะครับ เวลาพ่ออี๊ดแสดง ผมจะแอบนั่งดูอยู่ไกล ๆ คำบางคำ ไม่ว่าพ่อจะพูดคำนี้กี่ครั้ง ผมก็จะน้ำตารื้นได้ทุกครั้ง บางครั้งพ่ออี๊ดก็แนะนำให้ผมลงน้ำหนักเสียงในคำ ๆ หนึ่งใหม่ ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจและอินในสิ่งที่พูดไปมากขึ้น หรือบรรยากาศหลังการฝึกซ้อมของพวกเราก็มีแต่ความสนุกสนาน เบื้องหน้าทุกคนซ้อมหนักก็จริง แต่พอถึงเวลาพวกเราก็จะผ่อนคลายกันเต็มที่เหมือนกัน เราทำงานร่วมกันมาเกือบครึ่งปีแล้ว ได้ซึมซับทัศนคติและความเก่งของแต่ละคนมาหลายเรื่อง ผมเองรู้สึกโชคดีมากครับที่ได้แสดงละครเวทีเรื่องนี้”
อีกเทคนิคหนึ่งที่อาร์มค้นพบระหว่างการซ้อมและ การแสดงคือการพักเสียงและการใช้เสียง จริงอยู่ที่เขาผ่านการใช้เสียงมาแล้วหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักร้อง การพากย์เสียงหรือการประกาศข่าว แต่การใช้เสียงที่ทั้งต้องตะโกนสุดเสียงในบางตอนและเปลี่ยนบทมาร้องเพลงรักที่หวานซึ้งในเวลาไม่นานก็ไม่ใช่เรื่อง่าย “ปกติเวลาผมร้องเพลงก็จะเป็นเพลงลูกกรุง นุ่ม ๆ แต่สำหรับมิวสิคัลเรื่องนี้จะต้องมีการใช้เสียงที่หลากหลาย จะมีทั้งตอนที่เราต้องตะโกนใส่ขุนอิน แล้วอีกประมาณครึ่งชั่วโมงผมจะต้องมาร้องเพลงรักกับนางเอก ซึ่งต้องใช้เสียงแบบหวาน ๆ ซึ้ง ๆ เป็นการใช้คุณภาพเสียง แรก ๆ ผมกลัวมากว่าเสียงจะพัง แต่ครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) กับพี่สังข์ก็บอกว่าถึงเวลาที่จะทำอะไรให้เราทำเต็มที่ เวลาที่จะตะโกนก็ตะโกนให้สุดเสียง ซึ่งปรากฏว่าเราก็ผ่านมาได้ทุกรอบ แต่เราต้องมีเทคนิคในการดูแลเสียงตัวเองครับ คือหลังจากที่เราใช้เสียงหนัก ๆ มา อาร์มก็จะไม่พูด ไม่ใช้เสียงเลย เสียงมันก็ฟื้นตัวได้ และก่อนที่จะแสดงอาร์มใช้เสียงหนัก ก็จะหยุดพวกของทอด หรือเครื่องดื่มอย่างน้ำเย็น กาแฟ เราก็จะไม่ดื่ม เราจะเว้นของเหล่านี้ประมาณ 1 มื้อ แล้วมันก็ช่วยเราได้จริง ๆ”
หลังจากทำงานหนักมาตลอดเวลาหลายเดือน อาร์มได้รางวัลชีวิตกลับไปมากมาย ทั้งเสียงตอบรับที่ดีจนทำให้เขารู้สึกชื่นใจ ทั้งกำไรในการแสดงที่ได้ร่วมงานกับกลุ่มคนคุณภาพ “อีกเรื่องหนึ่งที่อาร์มนำมาต่อยอดในการใช้ชีวิตของตัวเองได้คือเหตุการณ์ที่นายศรได้มาเจอกับขุนอินที่เก่งกว่าครับ ขุนอินเป็นตัวแทนของอุปสรรค แทนโจทย์ในชีวิตของเรา อาร์มคิดว่าในชีวิตจริง เราต้องเจอขุนอินของตัวเอง แล้วเราต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ นั่นจึงจะประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วตอนท้ายของเรื่องพอศรชนะขุนอิน เขาก็ลงไปกราบขุนอินนะครับ ผมว่านี่เป็นการเอาชนะอุปสรรคที่ดี เราควรหาขุนอินให้เจอ แล้วเราก็หาทางผ่านมันไปให้ได้ มันจะทำให้เราได้กำไรและพลังของชีวิตครับ”
Credit:
OK! 263 ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2558
วันนี้ผมนัดกับคุณโอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์...
คิวปิดคนดังผู้แผลงศรรักให้คู่เลิฟเอลิสต์ TAYLOR SWIFT & CALVIN HARRIS SET UP...
© Copyright 2016. All rights reserved.