
YOUTH POWER
ทอม ฮอลแลนด์ กับบทบาทสไปเดอร์แมนที่ต้องปกป้องโลกแม้อยู่ไกลบ้าน
ใน Spider-Man: Far From Home
และการประชันฝีมือกับเจค จิลเลนฮาล นักแสดงมากฝีมือที่เขาอยากร่วมงานด้วย
ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหนุ่มสูงใหญ่ ล่ำ บึ้ก เสมอไปถึงจะมีโอกาสสวมบทซูเปอร์ฮีโร่ เพราะทอม ฮอลแลนด์ นักแสดงชาวอังกฤษวัย 23 ปี พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าหนุ่มตัวเล็กอย่างเขาก็รับบทซูเปอร์ฮีโร่ได้เหมือนกัน และทำได้ดีเสียด้วย! นั่นคือบทสไปเดอร์แมนหรือไอ้แมงมุมที่ทั้งคล่องแคล่วว่องไว กระตือรือร้น มีอารมณ์ขัน และมีความสดใสแบบวัยรุ่น อีกทั้งเขายังมีความสามารถด้านยิมนาสติกและการเต้น ซึ่งส่งผลดีต่อการสวมคาแร็กเตอร์นี้ที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น โดยส่วนตัวทอมยังชื่นชอบตัวละครสไปเดอร์แมนหนักมากเป็นทุนเดิม การได้รับบทสไปเดอร์แมนจึงเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับหนุ่มหล่อน่ารักคนนี้ พรสวรรค์และความทุ่มเททางการแสดงยังผลักดันให้เขาเป็นสไปเดอร์แมนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว จนถึงทุกวันนี้ทอมสวมบทบาทแจ้งเกิดเป็นครั้งที่ 5 แล้ว นับตั้งแต่หนัง Captain America: Civil War, Spider-Man: Homecoming, Avengers: Infinity War, Avengers: Endgame รวมถึงภาคต่อภาคใหม่ของสไปเดอร์แมน Spider-Man: Far From Home ซึ่งเข้าฉายในเดือนกรกฎาคมนี้
เรื่องราวของ Spider-Man: Far From Home เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์จากหนังซูเปอร์ฮีโร่สุดสนุก Avengers: Endgame โดยครั้งนี้ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือสไปเดอร์แมนได้ออกไปทัศนศึกษาในช่วงวันหยุดฤดูร้อนในยุโรปพร้อมกับเพื่อนๆ แต่ช่วงที่ห่างจากบ้านไปอยู่ต่างประเทศนี้เอง ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ปีเตอร์ต้องไปจับมือรวมทีมกับมิสเตริโอ ชายหนุ่มวัยกลางคนรูปหล่อในชุดเกราะทองที่มีความสามารถพิเศษในการสร้างภาพลวงตาซึ่งมาจากโลกมิติอื่น (รับบทโดยเจค จิลเลนฮาล) เพื่อต่อสู้กับเหล่าวายร้าย นับว่าเจคโดดเด่นและแย่งซีนความหล่อจากทอมไปไม่น้อย แต่ทอมกับผองเพื่อนอย่างเอ็มเจ (รับบทโดยเซนเดยา) และเน็ด (รับบทโดยเจคอบ บาตาลอน) ก็ยังคงมีเสน่ห์ในจอเช่นเคย ถ้าบทสไปเดอร์แมนคือความฝันที่เป็นจริงของทอม เราเชื่อว่าเขาคงรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในความฝันที่กลายเป็นจริงมานานนับ 4 ปีแล้ว และคาดว่าน่าจะยาวนานต่อไปอีกหลายปีในอนาคต
นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่คุณสวมบทบาทสไปเดอร์แมนในหนัง เรียกได้ว่าเยอะกว่าโทบีย์ แมไกวร์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ซึ่งเคยรับบทมาก่อนหน้านี้เสียอีก รู้สึกอย่างไรบ้าง
ผมรู้สึกดีมากครับ ในฐานะนักแสดงนี่นับเป็นประสบการณ์ที่ดีและรู้สึกว่าตัวเองได้รับสิทธิพิเศษมากๆ เลย เพราะผมมีโอกาสได้สวมบทบาทที่หลายคนรักมากครั้งแล้วครั้งเล่า จริงๆ ผมถึงขนาดมีความคิดว่าถ้าทีมงานอยากทำหนังสไปเดอร์แมนสัก 20 ภาค ผมก็พร้อมเล่นนะ เพราะมันสนุกมากจริงๆ และดูเหมือน Spider-Man: Far From Home ภาคล่าสุดนี้ ผมจะสนุกกับการถ่ายทำมากกว่าภาคที่แล้ว Spider-Man: Homecoming เสียอีก ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีมากๆ ครับ
คุณรู้สึกอย่างไรกับการเปลี่ยนโหมดจากบทสไปเดอร์แมนในหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ Avengers: Endgame ที่เต็มไปด้วยทีมนักแสดงชื่อดัง แล้วกลับมารับบทสไปเดอร์แมนในหนังภาคต่อของตัวเอง โดยร่วมงานกับทีมนักแสดงในเรื่องอีกครั้ง
ถ้าเทียบกันแล้วเรื่องราวของหนัง Avengers: Endgame ห่างไกลจากเรื่องราวของ Spider-Man: Homecoming และ Spider-Man: Far From Home มากเลยนะ ที่เห็นได้ชัดคือหนังสไปเดอร์แมนนำเสนอเรื่องราวของผู้คนในชีวิตจริงที่เรียลมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเข้าไปอยู่ในโลกของบรรดาซูเปอร์ฮีโร่อย่างอเวนเจอร์ส ทุกอย่างกลับให้ฟีลแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมีตัวละครจากทั่วทั้งจักรวาลผสมปนเปกันเต็มไปหมด เรามีทั้งตัวละครอย่างไอรอนแมน ตัวละครสีเขียว ตัวละครสีน้ำเงิน และอื่นๆ อีกเพียบ เป็นอะไรที่บ้าคลั่งทีเดียว แต่สำหรับ Spider-Man: Far From Home บรรยากาศในกองถ่ายจะออกแนวชิลล์ๆ หน่อย ผมมักพูดเสมอว่ามันคือหนังอินดี้ที่ฟอร์มใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักแสดงและทีมงานรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังทำหนังที่เล่าเรื่องราวของนักเรียนไฮสคูลซึ่งกำลังไปทัศนศึกษาที่ยุโรปอะไรประมาณนั้นเลย
ในภาคนี้ ในหัวของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือสไปเดอร์แมนคิดเรื่องอะไรอยู่
น่าจะเรื่องความรักนะ ภาคนี้ปีเตอร์อินกับเรื่องความรักมาก รวมทั้งการได้พักผ่อนด้วย หนังเล่าว่าปีเตอร์พยายามพักเบรกจากภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่เขาก็ยังคงมีทำหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะสไปเดอร์แมนอยู่ดี น่าตลกตรงที่ใน Spider-Man: Homecoming เราต่างอยากให้ทุกคนเห็นว่าปีเตอร์สนุกกับพลังพิเศษของตัวเอง และเขาอยากเป็นสไปเดอร์แมนมาก แต่สำหรับภาคนี้ปีเตอร์ยังรักที่จะเป็นสไปเดอร์แมนอยู่ก็จริง แต่เขาก็ต้องการพักเบรกจากภารกิจกอบกู้โลกบ้าง เขาเองก็อยากเดินทางไปพักผ่อนเหมือนกับคนอื่นๆ เช่นกัน แต่เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้สำหรับซูเปอร์ฮีโร่ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพราะฉะนั้นผมมองว่าการที่เราได้เห็นมุมของปีเตอร์ทำการบ้านหรืออะไรแบบนั้นบ้าง ก็เป็นสมดุลที่น่าสนใจเหมือนกัน

มู้ดแอนด์โทนที่แตกต่างกันระหว่าง Spider-Man: Homecoming กับ Spider-Man: Far From Home คืออะไร
ผมมองว่า Spider-Man: Far From Home คือส่วนผสมของ Spider-Man: Homecoming กับหนังเจมส์ บอนด์ ภาค Spectre นะ มันมีมุมเซ็กซี่ของการที่เราได้ถ่ายหนังในยุโรป ให้ฟีลของการทำภารกิจของสายลับเพิ่มเข้ามา อย่างไรก็ตามมันก็ยังเหมือนกับ Spider-Man: Homecoming มากในแง่ที่ว่าหนังเล่าเรื่องราวของปีเตอร์และเพื่อนๆ ของเขา, ความมีอารมณ์ขัน ร่าเริง สนุกสนานของตัวละคร รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มชาวอเมริกันไปเที่ยวยุโรป ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งทีเดียว สรุปคือ Spider-Man: Far From Home ก็คล้ายกับ Spider-Man: Homecoming นั่นล่ะ แต่ก็จะมีกลิ่นอายใหม่ๆ เกี่ยวกับภารกิจสายลับสุดคูลเพิ่มเข้ามาด้วย
คุณคิดว่าการได้จอน วัตต์ส กลับมารับหน้าที่ผู้กำกับของหนังภาคต่อนี้อีกครั้งหลังจากเคยกำกับ Spider-Man: Homecoming มาแล้ว เป็นเรื่องสำคัญแค่ไหน
ไม่มีใครเข้าใจตัวละครปีเตอร์หรือสไปเดอร์แมน และหนังภาคต่อนี้ได้ดีเท่าเขา สำหรับผม การถ่ายทำหนังภาคนี้ง่ายกว่าภาคที่แล้วมาก นั่นเพราะเราได้จอน วัตต์ส มารับหน้าที่ผู้กำกับให้เหมือนเดิม และผมกับเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง ตอนถ่าย Spider-Man: Homecoming เราลงเรือลำเดียวกัน เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนด้วยกันทั้งคู่ มาครั้งนี้ เราก็ลงเรือลำเดียวกันเหมือนเคย แต่เรารู้แล้วว่าวงการฮอลลีวูดขับเคลื่อนอย่างไร เพราะฉะนั้นเราจึงทำงานและช่วยเหลือกันและกันได้ในแบบที่เราคงไม่มีทางรู้ตอนถ่าย Spider-Man: Homecoming ผมรู้แล้วว่าถ้าจะถ่ายฉากๆ หนึ่ง จอนต้องการอะไรบ้าง ไม่ต้องรอให้ถ่ายไป 5 เทคก่อนแล้วถึงจะรู้ว่าเขาอยากให้ผมเล่นแบบไหนแล้ว ผมได้เรียนรู้จากการที่เข้าฉากบ่อยๆ นี่ล่ะ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ขั้นตอนการถ่ายทำต่างๆ ราบรื่นขึ้นเยอะเลย
ตอนถ่าย Spider-Man: Homecoming ผมอาจต้องถ่ายฉากๆ หนึ่งราว 20 เทค แต่สำหรับภาคนี้ลดลงมาเหลือแค่ 10 เทค เพราะผมกับจอนเข้าใจตรงกันแล้วว่าแต่ละคนต้องการให้งานออกมาเป็นอย่างไร ผมคิดว่า Spider-Man: Homecoming มีความโดดเด่นเฉพาะตัวมากถ้าเปรียบเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ในแง่ที่ว่าตัวละครปีเตอร์นั้นอายุยังน้อย อีกทั้งตัวละครอื่นๆ ก็แตกต่างและหลากหลายมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับ Spider-Man: Far From Home เราต้องการอะไรที่มากกว่านั้นอีก เพราะฉะนั้นใครล่ะที่จะดึงทุกองค์ประกอบที่ต้องการออกมาได้ดีไปกว่าจอนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วจาก Spider-Man: Homecoming การที่เราได้เขากลับมารับหน้าที่ผู้กำกับอีกครั้งในภาคนี้จึงทำให้ผมดีใจมากๆ ครับ
ในภาคล่าสุดนี้คุณยังมีโอกาสร่วมงานกับเจค จิลเลนฮาล ด้วย การร่วมงานกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ขอบอกว่าเจคเจ๋งมาก และผมกับเขาก็เข้ากันได้ดีมากๆ ด้วย ที่น่าสนใจคือปกติถ้าได้ยินชื่อมิสเตริโอ แฟนๆ ของตัวการ์ตูนสไปเดอร์แมนมักจะคิดทันทีว่าเขาต้องเป็นวายร้ายแน่ๆ แต่สำหรับในหนังเรื่องนี้มันไม่ใช่ มิสเตริโอคือสมาชิกใหม่ในโลกของฮีโร่ เขาเหมือนเป็นเพื่อนร่วมทีมของผมตลอดทั้งเรื่องเลยมากกว่า เจคเป็นคนที่ดีมากๆ และผมก็สนุกมากที่ได้เข้าฉากต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งต่างๆ ร่วมกับเขา ลองนึกถึงว่าถ้าเราต้องถ่ายฉากที่ค่อนข้างยากคนเดียว มันก็คงยากล่ะนะ แต่ถ้ามีเพื่อนมาถ่ายฉากนั้นด้วยกัน ที่เรารู้สึกว่ายากนั่นก็จะช่วยให้ง่ายขึ้นเยอะเลย นอกจากนี้ ทุกปีผมกับตัวแทนจะคุยกันทางโทรศัพท์ตลอดว่านักแสดง 5 คน และผู้กำกับ 5 คนที่ผมอยากร่วมงานด้วยมีใครบ้าง และชื่อของเจคก็จะอยู่ในลิสต์ 5 นักแสดงที่ผมอยากร่วมงานด้วยตลอด เพราะฉะนั้นการที่สุดท้ายผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขาจริงๆ จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษทีเดียว
ช่วยเล่าถึงชุดสไปเดอร์แมนชุดใหม่ในเวอร์ชั่นสีดำที่คุณใส่ในภาคนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม มันมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
มันเจ๋งสุดๆ เลย แต่ที่จริงก็ไม่ได้มีคุณสมบัติโดดเด่นอะไรมาก ภาคนี้เราเน้นให้สไปเดอร์แมนพึ่งพลังวิเศษของตัวเอง โดยไม่ทำให้ทั้งโลกรู้ว่าสไปแดอร์แมนอยู่ตรงนั้น ไอเดียสำคัญคือเขาต้องปกปิดตัวตนของตัวเองในฐานะสไปเดอร์แมนจากเพื่อนๆ แต่มันก็เจ๋งมากๆ นะ ทั้งยังเป็นชุดที่ทำให้ผมเข้าห้องน้ำได้ง่ายหน่อย แค่นี้ก็นับว่าผมได้โบนัสก้อนโตแล้ว (หัวเราะ)
ภารกิจหลักของปีเตอร์ในภาคนี้คืออะไร เมื่อเขาอยู่ในโหมดที่ต้องเป็นสไปเดอร์แมน
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็คือการช่วยชีวิตผู้คนและทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอนั่นล่ะ ในภาคนี้โลกตกอยู่ในอันตราย และน้อยคนนักที่ตระหนักถึงภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามานี้ มันคือหายนะระดับโลก มีแนวโน้มว่าจะเกิดการสูญเสียสูงมาก ปีเตอร์เข้าใจเรื่องนี้ดีและรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาต้องไปปรากฏตัวช่วย แต่หัวใจสำคัญของหนังมันอยู่ที่ปีเตอร์แค่ต้องการบอกผู้หญิงที่เขาชอบมากๆ ว่าเขารักเธอ และขอให้เธอเที่ยวพักผ่อนให้สนุกก็เท่านั้นเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า
แล้วประสบการณ์การถ่ายทำ Spider-Man: Far From Home ร่วมกับเซนเดยาซึ่งรับบทเอ็มเจ สาวที่คุณชอบในเรื่อง และเจคอบ บาตาลอน ซึ่งรับบทเน็ด เพื่อนซี้ของคุณเป็นอย่างไร
ทุกอย่างเยี่ยมไปเลย การถ่ายทำหนังเรื่องนี้สนุกมากจริงๆ เซนเดยา เจคอบ และผม เหมือนเป็นเพื่อนซี้วัยทีนในจอ เคมีของเราทั้ง 3 คนเข้ากันได้ดีมาก นิสัยของตัวละครในเรื่องก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เราก็ได้ไปสำรวจอะไรใหม่ๆ จากตัวละครที่เราเล่นด้วย เหมือนกัน ส่วนเซนเดยาก็เลิศเลยล่ะครับ เธอใส่อะไรใหม่ๆ ไปให้กับตัวละครเอ็มเจที่เธอรับบทเยอะเลย ซึ่งเราทุกคนต่างรู้จักเอ็มเจดีและรักตัวละครตัวนี้ ผมคิดว่าผู้ชมน่าจะรู้สึกอินกับการสวมบทบาทเอ็มเจของเซนเดยามากแน่นอน
WEB OF LIFE
6 เรื่องราวที่จะทำให้คุณรู้จักหนุ่มหล่อเอเนอร์จี้ล้นทอม ฮอลแลนด์ มากขึ้นไปอีก
1.His First Celebrity Crush
แม้จะมีข่าวปิ๊งปั๊งกับเซนเดยา เพื่อนนักแสดงใน Spider-Man: Homecoming และ Spider-Man: Far From Home แต่เมื่อถามถึงคนดังคนแรกที่เขาปิ๊ง หนุ่มทอมบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือเจนนิเฟอร์ อนิสตัน เพราะเห็นเธอจากซีรีส์เรื่องดัง Friends ที่เธอนำแสดง และเขาก็ชอบซีรีส์เรื่องนี้มากๆ ด้วย จะว่าไปมีคนดังฮอลลีวูดตกหลุมรักเจนนิเฟอร์หลายคนอยู่เหมือนกันนะ
2.His Major Movie Roles
นอกจากจะเป็นที่รู้จักจากบทบาทสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว ทอมยังเคยเล่นหนังเรื่องดังมาแล้วหลายเรื่อง เช่น The Impossible, In the Heart of the Sea, The Lost City of Z โดยเคยร่วมงานกับนักแสดงเอลิสต์มากฝีมือเพียบ ทั้งนาโอมิ วัตต์ส, ยวน แมคเกรเกอร์, คริส เฮมสเวิร์ธ, ชาร์ลี ฮันนัม, โรเบิร์ต แพตทินสัน ฯลฯ


3.His BAFTA Award
ปี 2017 ทอมได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Rising Star Award จากเวทีประกาศรางวัลใหญ่ของเกาะอังกฤษอย่าง BAFTA ด้วย
4.Chris Pratt Was Just Too Funny
ย้อนกลับไปตอนถ่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องดัง Avengers: Infinity War ตอนนั้นทอมบอกว่าเขามีปัญหากับการร่วมงานกับนักแสดงคนหนึ่ง นั่นคือคริส แพรตต์ ซึ่งรับบทปีเตอร์ ควิลล์ หรือสตาร์-ลอร์ดนั่นเอง อย่าตกใจไป มันไม่ใช่เกาเหลาอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการที่คริสนั้นตลกเกินไปจนทอมไม่สามารถกลั้นหัวเราะระหว่างเข้าฉากถ่ายทำได้นั่นเอง ล่าสุดทอมกับคริสยังพากย์เสียงหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Onward ด้วยกัน โดยหนังจะเข้าฉายในเดือนมีนาคมปีหน้า
5.Spoiler Alert!
ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงอีกคนที่เก็บความลับไม่ค่อยได้ และชอบสปอยล์หนังที่ตัวเองเล่นบ่อยๆ เพราะฉะนั้นระยะหลังๆ เพื่อนนักแสดงจึงต้องคอยระแวดระวังไม่ให้หนุ่มทอมเผลอสปอยล์หนังออกมา ไม่ว่าจะทีมนักแสดงจาก Avengers: Endgame โดยเฉพาะคริส แพรตต์ และเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ สำหรับ Spider-Man: Far From Home ก็เช่นกัน ด้วยความที่เจค จิลเลนฮาล เพื่อนนักแสดงรูปหล่อในเรื่องรู้กิตติศัพท์ของทอมดี ระหว่างที่เดินสายโปรโมตหนัง เขาจึงต้องคอยระวังไม่ให้นักแสดงรุ่นน้องหลุดเผยเรื่องราวของหนังตลอดๆ ถึงขั้นมีซีนต้องขอปิดปากทอมด้วยนะ!
6.His Favorite Films
หนุ่มทอมเคยเผยถึง 5 หนังเรื่องโปรดของเขากับเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ว่ามีดังนี้ 1.Primal Fear, 2.The Departed, 3.Avatar, 4.Saving Private Ryan และ 5.My Cousin Vinny โดยเฉพาะ Saving Private Ryan เนี่ยเขาเลิฟมาก!

[Photo Credit: Instagram/ tomholland2013/ sonypictures]
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments