
“ผมชอบ Ralph Lauren วันหนึ่งผมอยากจะมีชีวิตแบบเขา”
โทนี่ รากแก่น ใช้ทั้งพรสวรรค์ ความสามารถ และความบ้าบิ่น เนรมิตบ้านหลังที่เขาใฝ่ฝันให้เป็นจริง เขาเริ่มตกแต่งบ้านด้วยงบประมาณ 6 แสนบาท แต่เมื่อความฝันของเขาต้องใช้งบประมาณมากกว่านั้น อีกทั้งการแต่งบ้านครั้งแรกยังมีการลองผิดลองถูก รื้อ แก้ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ทุบ ก่อใหม่อยู่หลายครั้ง งบประมาณที่ตั้งไว้ก็มีอันต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเป้าหมายของเขาชัดเจนว่ามันคืออะไร เขาก็พร้อมที่จะทุ่มทุนสร้างเพื่อที่จะได้มา “ตอนนี้ผมหมดงบไปประมาณ 5 ล้านกว่าบาทแล้วครับ” (หัวเราะ) เจ้าของบ้านหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
จุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้เกิดจากการดูฮวงจุ้ย
ผมชอบแต่งบ้าน ตอนอยู่ออสเตรเลีย เราก็จะชอบจัดห้อง เปลี่ยนทุกอาทิตย์ พอมีรายได้ก็เลยมาซื้อที่นี่ ซึ่งผมก็หาอยู่หลายที่เหมือนกันครับ พอมาดูที่นี่รู้สึกว่าจากภายนอกก็เท่ แล้วก็ได้ทิศอย่างที่เราต้องการด้วย จากตอนแรกเราดูฮวงจุ้ยจากหนังสือก่อน จากนั้นก็มีพี่อีกคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้กำกับรายการเกี่ยวกับฮวงจุ้ยมาช่วยดูให้และแนะนำอะไรหลายอย่าง ซึ่งผมก็ทำตาม เพราะฮวงจุ้ยในความรู้สึกผมก็คือการปรับให้ธรรมชาติภายในบ้านสมดุลกัน หลักๆ มันเป็นเรื่องของทิศทางลมที่เราจะรู้สึกได้ว่าพอเข้ามาในบ้านนี้แล้วมันไม่อับ บ้านนี้หันหน้าไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นทิศที่ลมจะหมุนเวียนตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงหน้าหนาวลมจะมาทางเหนือ แต่ถ้าเราหันบ้านไปทางตะวันออกหรือตะวันตกลมจะไม่ค่อยมี และแสงจะแรงไป ทำให้บ้านร้อนครับ แล้วก็มีรุ่นพี่อีกคนหนึ่งมาดูธาตุของเราอย่างจริงจังเลยว่าเราเกิดวันอะไร เดือนอะไร เวลาอะไร เป็นคนธาตุอะไร ปรากฏว่าผมเป็นคนธาตุไม้ ก็ต้องทำอะไรที่เป็นธรรมชาติ มีไม้ มีน้ำ และเขาบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่ 2 ในชีวิตที่เขาเคยดูแล้วตรงตามฮวงจุ้ยประมาณ 95เปอร์เซ็นต์ ผมรู้สึกโล่งใจมากครับ
ความทรงจำในวัยเด็กกับบ้านแนวคันทรี
ช่วงเด็กๆ ตอนผมอยู่ที่เมลเบิร์น ผมเคยไปบ้านของฝรั่งที่เป็นไร่องุ่น ซึ่งต้องขับรถออกไปไกลๆ ระหว่างทางมีจิงโจ้ มีกระต่าย แล้วบ้านเขาเป็นแนวคันทรี ตกแต่งด้วยไม้ ผ้าแคนวาส หนัง ภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่ติดตาเรามาตลอด พอเรามาทำบ้านเองเราก็อยากให้ได้ฟีลแบบคันทรี ประตูต่างๆ จะเหมือนเป็นโรงม้า ที่ผมทำบ้านหลังนี้ผมไม่มีช่างในมือ ไม่มีความรู้ แต่มีไอเดีย ก็เลยคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นสถาปนิกแล้วเราก็แชร์ไอเดียกัน พี่เขาช่วยตบๆ และสอนเราว่าเราจะต้องทำยังไง เฟอร์นิเจอร์หลายๆ ชิ้นในบ้าน ผมก็ออกแบบให้เขาทำเองขึ้นมาเลย เพราะพื้นที่บ้านเรามีจำกัด ก็เลยต้องออกแบบขึ้นมาเพื่อให้ได้ชิ้นที่พอดี
สวนผนังหลังบ้านกับกิจวัตรประจำวัน
ตอนทำบ้าน เรากินพื้นที่ของสวนหลังบ้านมากครับ เพราะเราดันครัวออกไปด้านหลัง ก็เป็นเรื่องของฮวงจุ้ยนั่นล่ะ ผมไม่อยากให้เตาทำอาหารตรงกับห้องนอนทางด้านบนหรือห้องทำงานด้วย ก็เลยดันครัวออกมาด้านนอก ตอนนั้นเลยคิดว่าตรงนี้เราจะทำผนังขึ้นมาเพื่อแขวนต้นไม้ เพราะผมชอบต้นไม้ ถ้าผมอยู่คนเดียว ผมชอบตื่นเช้าขึ้นมาจะรดน้ำต้นไม้ครับ เช้าของผมก็ 11.00 น.ครับ แต่ส่วนมากผมจะตื่นบ่าย (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมเป็นคนปลูกต้นไม้ไม่ขึ้นเลยนะ เอามาทีไรก็ตาย นี่ก็เปลี่ยนไปหลายล็อตมาก แต่ด้วยความที่ผมชอบมากก็เลยเลี้ยงต่อไป เลยกลายเป็นงานอดิเรกที่เราจะตื่นขึ้นมารดน้ำ เป็นความสุขที่ได้เห็นต้นไม้ที่เราเลี้ยงยังไม่ตายครับ
ฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นฐานกับปาร์ตี้ยูทูบ
ผมจัดแบ่งฟังก์ชั่นของบ้านนี้ตามพื้นฐานการใช้งานเลยครับ ชั้นแรกคือห้องรับแขก ห้องครัว ห้องกินข้าว มุมกินข้าวอาจจะไม่ใหญ่อะไรเพราะผมอยู่คนเดียว เพื่อนมาบ้านก็มาอยู่กันไม่นาน แล้วเราก็ยังมีที่นั่งหลายที่ บ้านนี้เป็นบ้านแฮงเอาต์นะครับ เพราะบรรยากาศมันชิลล์ โดยไม่ต้องพึ่งของมึนเมา ที่นี่เลยทำให้ใครหลายๆ คนที่มาเกิดไอเดียใหม่ๆ หลายอย่างจากการมานั่งชิลล์ พูดคุยกัน เรามีปาร์ตี้ยูทูบครับ เพราะผมติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ตรงห้องรับแขกเลย ซึ่งเรามีทีวี และคีย์บอร์ด ใครไปเจออะไรที่เจ๋งๆ ก็จะมาแชร์กัน เปิดดูกัน ต่างคนก็ต่างมาแชร์ หลักๆ เราก็เอาไว้เอนเตอร์เทนกันนะครับ เพราะงานเราก็มีตารางที่เราจะต้องทำอยู่แล้ว และการผ่อนคลายของผมในวันนี้ไม่ใช่การออกไปเที่ยวนอกบ้านแล้ว ผมชอบฟังเพลงสบายๆ นั่งอยู่ในบ้านหลังนี้มากกว่า
ห้องแรกที่คิดถึงกับแรงบันดาลใจจากร้านเสื้อของดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก
ห้องแต่งตัวเป็นห้องแรกที่ผมคิดถึงในบ้านหลังนี้เลย แล้วผมชอบมากเวลาที่ผมเดินเข้าไปที่ร้าน Ralph Lauren RRL มันมีความดิบ มีงานไม้ มีเสื้อผ้าวินเทจเก่าๆ แขวนเรียงอยู่ ผมรู้สึกว่าอยากได้เอากลับไปที่บ้านทุกตัวเลย ก็เลยคิดว่าห้องเสื้อผ้าของเรามันต้องเหมือนร้านเสื้อผ้า Ralph Lauren RRL ก็เลยหาข้อมูลว่าร้านนี้เป็นร้านยังไง ผนังอิฐที่โค้งที่เป็นส่วนกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องแต่งตัวตอนแรกผมไม่ได้คิดไว้อย่างนั้นนะครับ เราคิดว่าน่าจะเป็นกระจก เป็นซี่ๆ พอนอนปุ๊บแล้วเรามองเข้าไปเห็นเสื้อผ้าแล้วแฮปปี้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้เพราะห้องนอนห้ามมีกระจกครับ เพราะมันจะสะท้อนที่ตัวเรา ก็เลยเปลี่ยนเป็นผนังอิฐแทน ตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นอิฐมอญสีส้ม แต่คิดไปคิดมาผมว่ามันหนักไปก็เลยเปลี่ยนมาเป็นสีขาว ทำห้องนี้ให้เป็นสีขาวโพลนไปหมด แล้วก็นำแต่สิ่งที่น่าสนใจเอามาวางครับ
ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ผมชอบอะไรที่มันคันทรี มีความเป็นธรรมชาติครับ อะไรที่มันโมเดิร์นผมจะไม่ชอบ หรืออะไรที่เป็นฟิวเจอร์ลิสติกก็มีได้ในบางชิ้น แล้วผมเข้าใจคนนิสัยครีเอทีฟเลยนะครับว่าเขาสามารถที่จะอินกับอะไรบางอย่างได้มาก พอถึงจุดหนึ่งเขางเราก็จะเบื่อเลย แต่สำหรับบ้านหลังนี้ผมไม่เป็นอย่างนั้นเลย ด้วยพื้นฐานที่เราวางเอาไว้ให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด ยังไไม่มีวันเบื่อธรรมชาติครับ เราไม่มีทางเบื่อต้นไม้ แต่เราอาจจะปรับเปลี่ยนบางจุดตามการใช้งานและสิ่งที่เราชอบมากกว่าแล้วเราก็นำมาปรับให้เข้ากับสิ่งนั้น ผมรู้สึกว่ามีความสมดุลบางอย่างที่มันเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ เพราะพื้นฐานมันอยู่ในเรื่องของการใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เช่น พื้นดินสีเข้มเป็นธรรมชาติ ข้างบนท้องฟ้าสว่าง พื้นบ้านเราก็เป็นสีเข้ม ข้างบนเราก็เป็นสีขาวอะไรอย่างนี้ (แต่ที่นี่มีงานผ้าเข้ามาตกแต่งหลายมุมด้วยนะคะ) มีรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นคนที่ชอบสะสมผ้าเก่าเพื่อเอามาตัดเสื้อผ้าแล้วก็ขายครับ ผมก็จะเริ่มศึกษาจากตรงนั้นว่างานผ้าเก่ามันละเอียดนะ การทอของเขามันละเอียดกว่าปัจจุบัน วิธีการย้อมครามก็คนละแบบ เราก็จะเริ่มจากตรงนั้นครับ ก็เลยเป็นที่มาที่ไปของงานผ้า และเป็นพี่คนนี้ล่ะที่ทำงานผ้าให้กับบ้านนี้ ผมบอกว่าพี่ครับ โซนนี้ผมอยากได้สีน้ำเงิน ตรงนี้ผมอยากได้สีไหน พี่เขาก็จัดให้ครับ
Comments
comments