6 เรื่องที่จะทำให้คุณหลงรักทรอย ซีวาน ป๊อปสตาร์ขวัญใจ LGBTQ+ มากกว่าเดิม

หลังประสบความสำเร็จอย่างสวยงามกับสตูดิโออัลบั้มแรก Blue Neighbourhood ในปี 2015 พร้อมเพลงฮิตติดหูอย่าง “WILD”, “TALK ME DOWN” และเพลงที่ขึ้นไปพีคอยู่บนชาร์ตบิลบอร์ดได้ถึงอันดับที่ 23 อย่าง “YOUTH” ทรอย ซีวาน ทีนไอดอลเจนใหม่จากออสเตรเลียก็กลายเป็นขวัญใจชาว LGBTQ+ อย่างไม่ต้องสงสัย ทรอยไม่เพียงมีน้ำเสียงที่น่าค้นหา แต่ยังมีนิสัยและท่าเต้นส่วนตัวอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีเซ้นส์ทางดนตรีและการเขียนเพลงที่ทำให้ทั้งโลกหันมาสนใจประเด็นของกลุ่มคนที่มีหลากหลายทางเพศ นักร้องผู้ได้รับสมญานามว่าเควียร์ไอคอนคนใหม่ปล่อยสตูดิโออัลบั้มที่ 2 Bloom เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา เพลงในอัลบั้มนี้โตขึ้น เซ็กซี่ขึ้น และเป็นตัวเองยิ่งกว่าที่ผ่านมา เพลงดังๆ ก็เช่น “My My My!”, “Dance to This” (ที่ได้เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อปคนใหม่อารีอานา กรานเด มาฟีเจอริง) ทรอยฮอตสุดๆ จนหยุดไม่อยู่แล้วในตอนนี้ และเชื่อว่าแฟนคลับของนักร้องหน้าสวยวัย 23 ปีในเมืองไทยน่าจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว 8 พฤษภาคมนี้มาร์กไว้ในปฏิทินกันเลย เพราะป๊อปสตาร์รุ่นใหม่พร้อมนำเสียงเพลงของเขามาระเบิดความสนุกบนเวทีคอนเสิร์ต Troye Sivan The Bloom Tour Bangkok 2019 ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี

6 เรื่องราวที่จะทำให้คุณหลงรักทรอย ซีวาน

ป๊อปสตาร์ขวัญใจ LGBTQ+ คนใหม่มากกว่าเดิม

1. Passion Is Passion

หลายคนอาจคุ้นหน้าค่าตาทรอยจากการเป็นนักร้องนักแต่งเพลง แต่อาจไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเขาเริ่มต้นงานในวงการในฐานะนักแสดงในหนังฮอลลีวูด X-Men Origins: Wolverine โดยรับบทฮิว แจ็คแมน หรือวูล์ฟเวอรีนตอนเด็กมาก่อน หลังจากนั้นทรอยก็หายไปและเริ่มกลับมามีชื่อเสียงจากการทำช่องยูทูบของตัวเอง คลิปร้องเพลงคัฟเฟอร์ของเขามียอดวิวหลายล้านวิว จนกระทั่งค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ EMI เล็งเห็นความสามารถและเซ็นสัญญาร่วมงานกับเขาในปี 2013 ตามด้วยการปล่อย TRXYE อีพีแรกในปี 2014 และ WILD อีพีที่ 2 โดย WILD เป็นอีพีแรกที่เปิดตัวขึ้นถึงอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาร์ตเพลงออสเตรเลีย ผลตอบรับอันท่วมท้นนำไปสู่การที่ทรอยได้มีผลงานอัลบั้มแรก Blue Neighbourhood ในปี 2015 ต่อด้วยอัลบั้มที่ 2 Bloom ในปี 2018 ชื่อของทรอย ซีวาน จึงเป็นที่รู้จักของคอเพลงทั่วโลก

2. Bloom Just for You

ด้านความรักของนักร้องมากความสามารถคนนี้ก็หวานชื่นจนน่าอิจฉา เพราะทรอยคบหาดูใจกับเจคอบ บิเซนแมน นายแบบหนุ่มชาวอเมริกันหน้าหล่อมานานเวลา 3 ปีแล้ว เราเห็นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นประจำ ดูเหมือนความสัมพันธ์ครั้งนี้จะหอมหวานมากจนหลายเพลงในอัลบั้ม Bloom ก็เขียนถึงเจคอบด้วย ทรอยเปิดใจว่าเจคอบเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก และเขาก็อินเลิฟกับเจคอบสุดๆ จนต้องนำความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไปแต่งเป็นเพลง ดังท่อนหนึ่งในเนื้อเพลง “Dance to This” ที่พูดถึงความฮอตของเจคอบไว้ว่า “คุณยืนอยู่ใต้แสงไฟในครัว แต่ก็ยังปังเหมือนระเบิดไดนาไมต์” ฮอตระเบิดระเบ้อไหมล่ะ!

ทรอยกับเจคอบ แฟนหนุ่มนายแบบสุดหล่อ หน้าเหมือนกันมาก!

3. Sweetest Plum

ทรอยเป็นที่รู้จักดีกับท่าเต้นเฉพาะตัวของเขา ไม่ว่าจะขึ้นเวทีไหนๆ ร้องเพลงช้าหรือเพลงเร็ว เขาไม่เคยทำให้ผิดหวังกับทุกการแสดง ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เจ้าตัวยังเซอร์ไพรส์แฟนคลับด้วยการร่วมแจมบนคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ป๊อปสตาร์สาวซึ่งเป็นไอดอลคนหนึ่งของเขาใน Taylor Swift’s Reputation Stadium Tour ที่แพซาดีนาในรัฐแคลิฟอร์เนีย กับเพลง “My My My!” ท่าเต้นและจริตเดินสับขาสุดมั่นของเทย์เลอร์และทรอยทำให้แฟนคลับกรี๊ดกร๊าด ค่ำคืนนั้นทรอยยังประกาศวันปล่อยอัลบั้ม Bloom ของเขาในคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ต่อหน้าแฟนคลับหลายหมื่นคนอีกด้วย ภายหลังทรอยให้สัมภาษณ์ว่าเขาแทบเป็นลมตอนอยู่บนเวที เพราะวันนั้นมีผู้ชมเยอะมากที่สุดในชีวิตที่เขาเคยเห็นคนมารวมตัวกัน แต่ก็บอกตัวเองว่าลองโฟกัสคนที่อยู่บนเวทีแล้วกันเผื่อจะช่วยให้หายตื่นเต้น แต่พอโฟกัสไปที่คนบนเวที เขาก็นึกได้ว่าตายแล้ว นั่นมันเทย์เลอร์ สวิฟต์!

ทรอยเป็นเกสต์สุดพิเศษในคอนเสิร์ตใหญ่ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เมื่อปีที่แล้ว

4. Bring Those Vibes

คลิปวิดีโอที่เป็นที่พูดถึงของทรอยในช่วงที่ยังเป็นยูทูเบอร์คือคลิป Coming Out ที่เขาออกมาเปิดเผยถึงเพศวิถีของตัวเอง ตอนนั้นทรอยอายุเพียง 17 ปี ซึ่งภายหลังเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ในปี 2015 ว่านั่นเป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายที่สุดสำหรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะเราไม่รู้ว่าสมาชิกครอบครัวหรือคนที่ติดตามจะยอมรับได้ไหม แต่ทรอยบอกว่าโชคดีที่พ่อแม่ เพื่อน และเพื่อนร่วมงานเปิดรับและเข้าใจเขาเป็นอย่างดี นับว่านี่เป็นความกล้าอย่างหนึ่งสำหรับเด็กที่เติบโตในครอบครัวชาวยิว แต่ผลตอบรับก็ทำให้ทรอยได้เป็นตัวเองและกล้าที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ออกมาจากใจเขาอย่างที่ไม่ต้องปิดบัง ทำให้เกิดกระแสผู้คนออกมายอมรับตัวเองกันมากขึ้น ทรอยจึงเปรียบเป็นหนึ่งในคนที่บุกเบิกทาง ให้ศิลปินรุ่นใหม่กล้าออกมายอมรับตัวเอง และสร้างสรรค์ผลงานให้ผู้เสพอย่างเราเข้าถึงตัวตนของพวกเขา เข้าใจและรู้สึกอินไปกับมัน

5. A Boy Becomes a Man Now

ด้วยความที่ทรอยเป็นที่สนใจของผู้คนตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะโดนชาวเน็ตเมาท์และถูกคอมเมนต์เรื่องรูปร่างที่ผอมและดูเก้งก้างอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักร้องหน้าสวยได้โพสต์รูปตัวเองไม่ใส่เสื้อลงไอจีสตอรี่ว่า “รู้สึกแปลกและแย่กับรูปร่างของตัวเองมาตลอด และนี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเกลียดความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้น ดังนั้นมาฉลองให้กับกระดูกพวกนี้กันเถอะ”

6. Young Ambition

ตำแหน่งเควียร์ไอคอนไม่ได้มาง่ายๆ แต่นั่นมาจากการที่ทรอยตั้งใจทำงาน ใส่ใจ และสรรเสริญกลุ่มคนที่มีหลากหลายทางเพศ ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียม ในเอ็มวีไตรภาคจากอัลบั้ม Blue Neighbourhood ของเพลง “WILD”, “FOOLS” และ “TALK ME DOWN” ทรอยเปิดใจว่าเอ็มวีทั้ง 3 ตัวนี้สื่อให้เห็นถึงเหตุการณ์ในชีวิตของกลุ่มคน LGBTQ+ ที่อาจเกิดขึ้นจริง หากไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวหรือสังคม และทุกปีชาว LGBTQ+ ฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับ ส่วนในเอ็มวี “HEAVEN” ทรอยอุทิศเอ็มวีนี้ให้แก่กลุ่มคนที่มีหลากหลายทางเพศ ซึ่งออกมาประท้วงเพื่อความยุติธรรมและความเท่าเทียม รวมถึงคู่รักที่ช่วยทำให้สังคมโลกยอมรับชาวเรามากยิ่งขึ้น ความดีงามที่มากกว่าเรื่องงานเพลงของนักร้องคนนี้ส่งให้เขาเป็นคนดังอายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลรางวัล Stephen F. Kolzak Award จากเวที GLAAD ในปี 2017 ด้วย โดยรางวัลนี้จะมอบให้แก่ศิลปินที่ไม่ปกปิดเพศวิถีของตัวเอง และสร้างผลงานให้สังคมตระหนักถึงการให้ความสำคัญต่อสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ

DANCE TO THIS!

8 เพลงของทรอยที่จะทำให้คุณโยกหัวตามยามขับรถ

หรือเต้นสะบัดบนแดนซ์ฟลอร์

1.COOL

เพลงป๊อปแฝงกลิ่นอายยุค 80 เนื้อหาของเพลงพูดถึงการที่ทรอยพยายามทำตัวคูลเหมือนกับคนที่เขาชอบ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ทำตัวไม่ถูก คงเพราะเขินอายอยู่ก็เป็นได้

2. “for him. (ฟีเจอริงออลล์เดย์)”

เพลงป๊อปชวนโยกตัว เนื้อหาพูดถึงความรักที่หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งและไม่ได้ต้องเงินทองอะไร ต้องการเพียงคุณเท่านั้น

3. “There for You”

เพลงสับขาหลอกแนวอีดีเอ็มที่หนุ่มมาร์ติน แกร์ริกซ์ โปรดิวซ์และชวนทรอยมาร้องในระหว่างช่วงต่อจากอัลบั้มแรกมาสู่อัลบั้มที่ 2 ทำเอาแฟนคลับเดาไม่ถูกว่าทิศทางอัลบั้งที่ 2 จะเป็นอย่างไรกันแน่ ทั้งคู่ยังขึ้นแสดงเพลงนี้ร่วมกันที่เทศกาลดนตรี Coachella ในปี 2017 ด้วย

4. My My My!

เพลงเปิดตัวอัลบั้มที่ 2 Bloom เพลงนี้ทำให้ทรอยขึ้นแท่นขวัญใจชาว LGBTQ+ ทันที ด้วยเนื้อเพลงที่เซ็กซี่ซึ่งโตขึ้นจากอัลบั้มแรกไปมาก ทำนองที่ติดหู และท่าเต้นที่เป็นจุดเด่น จนทำให้แฟนคลับพากันเต้นตามทั่วบ้านทั่วเมือง

5.“Bloom”

เพลงรักชวนเต้น เนื้อหาคือชวนไปเที่ยวสวนที่บ้าน ดูธรรมดาแต่ที่จริงไม่ธรรมดา เพราะมีความหมายโดยนัยที่เปรียบเปรยการเบ่งบานของดอกไม้แรกแย้มกับประสบการณ์ที่ต้องเป็นฝ่ายรับและเสียเวอร์จิ้นครั้งแรก!

6. “Dance to This (ฟีเจอริงอารีอานา กรานเด)”

เพลงที่ทรอยเขียนให้แฟนหนุ่มเจคอบ บิเซนแมน เนื้อหาเล่าถึงความฮอตเกินต้านทานของเจคอบ เพลงนี้ทรอยยังได้ป๊อปสตาร์สุดจี๊ดอารีอานา กรานเด มาฟีเจอริง เคมีของทั้งคู่ลงล็อคและเพลงก็ปังมาก

7. Plum

เพลงที่ทรอยถึงความสัมพันธ์ที่ส่อเค้าว่าจะเลิกกัน นึกถึงวันดีๆ ที่เคยมีให้กันแล้วก็เสียดาย แต่ทำไงได้ในเมื่อทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แม้เราทั้งคู่จะเป็นฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ แต่ฤดูกาลก็ยังต้องผันเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ

8.“Lucky Strike”

เพลงแดนซ์สไตล์ทรอยที่ฟังได้เรื่อยๆ แต่ความพิเศษคือความเผ็ดของเอ็มวีเพลงนี้ ที่จะทำให้เราหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยจินตนาการถึงหนุ่มฮอตอย่างเนื้อเรื่องในเอ็มวีแน่นอน