
พรุ่งนี้จะถึงพิธีลั่นระฆังวิวาห์ของอั๋น-ดร.ภูวนาท คุนผลิน และจ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์ แล้ว โดยทั้งคู่จะทำพิธีแต่งงานแบบคริสเตียนที่คริสตจักรวัฒนา ย่านอโศก และจะจัดงานเลี้ยงฉลองในวันที่ 16 ม.ค. ที่โรงแรมพลาซาแอทธินี กรุงเทพ วันนี้ OK! นำบทสัมภาษณ์เรียกน้ำย่อยมาฝากกันก่อนที่จะได้ชมภาพบรรยากาศสุดชื่นมื่นในวันพรุ่งนี้
ทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไร
จ๋า: จ๋าเชิญเขามาร้องเพลงโดยคำแนะนำจากเพื่อนคือเจตน์ โสภิษฐ์พงศธร พอดีจ๋าจะเปิดโรงแรมวู้ดแลนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต เลยหานักร้อง อยากได้ราคาถูก (หัวเราะ) เจตน์ก็แนะนำว่ามีเพื่อนชื่ออั๋นร้องเพลงเก่งนะ เราก็เลยเชิญเขามาร้องเพลงในงานเปิด แต่เราก็รู้ว่าเขาอยู่ในแวดวงเพื่อนๆ ที่เตรียมอุดมฯ และที่จุฬาฯ ของเรา (ทั้งคู่เรียนจบที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) แต่เพราะความที่ไม่ได้สนใจ ตอนที่เราเรียนหนังสือที่จุฬาฯ เราก็ไปเรียน ไปรับไปส่งน้อง ไม่ได้ดูหรือติดตามเรื่องดารา และเพลงไทยนี่ก็ไม่ฟังเลย
อั๋น: ตอนไปร้องเพลงก็เกือบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ เราร้องเพลงไป เขาก็รับแขกของเขาไป แต่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของเพื่อน วันรุ่งขึ้นก็นัดทานข้าว แล้วก็กลับบ้าน
จ๋า: หลังจากนั้นก็เชิญเขามาเป็นพิธีกรงานประกวดมิสทิฟฟานี่ ตอนแรกคิดว่าเขาจะไม่รับ เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นเกย์ก็จะไม่รับ แต่จ๋าอยากได้พิิธีกรที่ดูกลางๆ ไม่ต้องเป็นเกย์ก็ได้
อั๋น: เขาโทรมาเองเลยว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร อยากให้นำเสนอเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องความงาม ไม่ใช่แค่ประกวดกะเทย แต่อยากจัดประกวดเพื่อสร้างความเข้าใจ อยากพูดบางอย่างกับสังคมผ่านเวทีนี้ ผมก็เลยตัดสินใจรับงาน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้
อั๋น: ตอนนั้นดูข่าวในโทรทัศน์แล้วเห็นกิจกรรมของมิสทิฟฟานี่ นั่นเป็นครั้งแรกที่เราเห็นเขาแบบจริงๆ จังๆ ก็รู้สึกว่าเขาสวย หลังจากนั้นคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตา ก็เข้ามาอยู่ในสายตา แล้วตัวเราก็โสดมา 5-6 ปี วันๆ ทำแต่งาน ทำไมเราไม่ลองคุยกับเขาดูล่ะ ก็เลยส่งข้อความบีบีไป คุยกันไม่กี่ประโยคเอง ก่อนจะถามเขาตรงๆ ว่า “มีแฟนหรือยัง” เขาก็บอกว่ายังไม่มีแฟน แต่มีคนที่มาชอบเขาอยู่ แต่เขายังไม่ชอบใครนะ เป็นคำตอบที่สวยมาก แปลว่ายังไม่เลือกใครนะ แต่มีคนมาให้เลือกเยอะเชียว เราไม่รู้หรอกว่าเขามีจุดประสงค์เปิดทางให้เราหรือไม่ แต่เป็นอันรู้ว่าลุยได้
ตอนนั้นทั้งคู่ใช่สเป็กของกันและกันไหม
จ๋า: ไม่ค่ะ จ๋ารู้สึกว่าเขาเป็นคนคุยเหมือนเพื่อน
อั๋น: ผมก็เริ่มต้นแบบนั้น เหมือนทำความรู้จักกันมากกว่าตั้งหน้าตั้งตาจีบ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าจะชอบหรือเปล่า เรารู้แค่ว่าเขาเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำงาน โสด สวย นี่คือกรอบภายนอกหมดเลย แต่สำคัญที่สุดคือเข้ากันได้หรือเปล่า ก็เลยโทรคุย แนะนำตัวเองว่าเราชอบกินแบบนี้ ชอบเที่ยวเมืองนอก ชอบอากาศเย็น เราเป็นคนแบบไหน ตั้งแต่คุยครั้งแรกก็ไม่ต้องพยายามทลายกำแพงอะไรทั้งนั้น เราพูดของเรา เขาพูดของเขา ตอนนั้นรู้สึกแฮปปี้มาก คุยกันถึงตี 3-4 เป็นเรื่องไม่ซ้ำกันเลย เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดจริงๆ ทั้งเรื่องการเมือง การทำงาน เขาทำโรงแรมกับธุรกิจท่องเที่ยว เราก็ทำธุรกิจท่องเที่ยว เขาทำเรื่องบันเทิง เราก็อยู่ในวงการบันเทิง เขามีพาร์ตการเมือง เราก็มีพาร์ตการเมือง
จ๋า: เราไม่รู้ไงว่าเขาเคยลงสมัคร สก. เราเคยลงสมัครนายกเมือง ก็คุยกันได้ เข้าใจกันว่ามันเหนื่อยแค่ไหน เจอเรื่องอะไรบ้าง จ๋าชอบคนที่พูดเรื่องที่จ๋าอยากรู้ เขาก็จะมีเรื่องมาพูดให้เราฟัง สรุปมาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องไปหาเพิ่ม
อั๋น: ทุกวันนี้เวลาเจอกันเขาจะถามว่า “ไหนวันนี้มีข่าวอะไรบ้าง เล่ามาซิ”
จ๋า: จริงๆ เราติดเขาเรื่องนี้ ไม่ได้ติดเรื่องอื่นเลย (หัวเราะ)
อั๋น: อย่างนั้นดู GMM News ก็ได้ (หัวเราะ) เปิดช่องนั้นนั่งดูไป ไม่ต้องแต่งงานกับผมหรอก
นานแค่ไหนถึงสรุปความสัมพันธ์
อั๋น: ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เราตกลงเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ เพราะว่าเวลาถาม เขาก็จะไม่ตอบตามตรง แต่เวลาเขาไปต่างประเทศจะซื้อของกลับมาฝาก ก็เริ่มมีข้อความสั้นๆ ฝากมา แต่ก็เป็นข้อความทื่อๆ เช่น คริสต์มาส เขาก็จะไม่พูดว่า “Merry Christmas” แต่จะพูดว่า “Santa Missed You” หรือบางทีก็บอกว่า “Love” แค่นี้คำเดียวสั้นๆ
จ๋า: ก็มันหวานไม่เป็นน่ะ
รู้สึกหวั่นไหวบ้างไหมเวลามีข่าวว่าอั๋น ภูวนาท เป็นเกย์
จ๋า: มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราคิดว่าจะไม่ต้องแต่งงานก็ได้ มีแฟนก็ไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครรู้ มันเป็นเรื่องของคน 2 คน แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทก็จะบอกว่าเราคบนี้อยู่ แต่ไม่ได้พูดรายละเอียด เกย์รุ่นใหญ่บางคนก็มาถามว่า “ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ชอบเกย์เหรอ” เราก็ไม่พูดต่อ มันเหมือนว่าสังคมมองเขาไปแบบนั้นแล้ว เราคิดในใจว่าทำไมทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่จังกับการที่ฉันจะมีแฟนที่ดูเหมือนเป็นเกย์ บางคนก็คิดว่าเราเป็นกะเทย ก็เลยพูดว่า “เกย์แต่งงานกับกะเทยเหรอ” (หัวเราะ)
อั๋น: ผมไม่คิดอะไรเลย
เคยหึงหวงกันไหม
อั๋น: ก็ไม่เชิงหึงหวง มีสงสัยบ้าง แต่ไม่เคยทะเลาะกัน ผมให้เกียรติเขาเต็มที่ แต่เคยสืบครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง ตอนนั้นฉุกคิดเพราะว่ามีคนมาพูดเยอะมาก เราก็คิดว่าไม่จริงหรอก เพราะเรารู้จักเขาดีที่สุด แต่คนพูดจนเราเริ่มเป๋ เพื่อความสบายใจก็เลยลองสืบดูสักครั้ง ตอนนั้นเขาไปต่างประเทศ เราก็คิดว่าเขาไปกับใคร มีคนที่เราสงสัยอยู่ เลยลองโทรไปเช็กว่าคนนั้นลางานที่ออฟฟิศหรือเปล่า แต่คนนั้นก็ไปทำงานตามปกติ ก็จบ (หัวเราะ) เรารู้สึกผิดมากที่ทำอย่างนั้น เพราะเหมือนไม่ให้เกียรติเขา
จ๋า: อันนี้เขาไม่เคยเล่าเลยนะ ส่วนจ๋าเป็นคนไม่ค่อยขี้หึง เอาจริงๆ แฟนเก่าก็ไม่หึงนะ เรามั่นใจในตัวเองว่าเราดีพอ อีกอย่างเราเห็นชีวิตเขาผ่านสื่อตลอด เช้าสายบ่ายเย็น
งานแต่งงานจะออกมาแบบไหน เพราะทั้งคู่ก็เป็นคนมีชื่อเสียงและมีคนรู้จักเยอะมาก
อั๋น: ทำทุกอย่างตามความเหมาะสม ตามสมควร ไม่ได้บ้าคลั่งเพ้อเจ้อ
จ๋า: แต่งานนี้เป็นงานที่ยากที่สุดเลย แม้เราทำอีเวนต์มาเยอะมาก มันเครียด ทำไม่ถูก ทำไม่เป็น
อั๋น: จ๋าเหมือนจะน้อย แต่ก็เยอะ ผมทำมาเสร็จ เขาก็มาแก้ แล้วตอนแรกเขาบอกว่าจะเชิญแขกแค่ 300 คน แต่สุดท้ายเขาก็มาบอกว่าเราจัดแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะ
จ๋า: จ๋าบอกอั๋นว่าไม่ต้องจัดงานอะไรมากหรอก คิดว่าเราทำงานมาจนเหนื่อย ไม่อยากจะทำอะไรเยอะอีกแล้ว ไม่อยากจัดงานแต่งงานเลย เราเห็นงานใหญ่มาเยอะ รู้สึกว่ามันสิ้นเปลือง แล้วก็สงสารแขกที่มางาน กลัวว่าจะไม่มีที่ยืนกัน ตอนแรกคิดไว้ง่ายมากๆ แต่ก็คงไม่ได้แล้ว อย่างตอนนี้มิสทิฟฟานี่ทุกปีเริ่มมีธีมชุดกันแล้ว เหมือนจะมาฆ่าเราให้ตาย (หัวเราะ)
อั๋น: พูดตรงๆ นะว่าเราก็แปลกใจว่าทำไมมันเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ มีคนโทรมาหากลัวเราลืมเชิญเขา นักการเมืองก็โทรมา คนนั้นคนนี้ก็มาบอกว่ายังไม่ได้การ์ดเลย
จ๋า: หรืออย่างเพื่อนพ่อที่เป็นนักการเมืองรุ่นเก่า ก็ไม่คิดว่าท่านจะจำจ๋าได้ แล้วพ่อเราก็ไม่อยู่แล้ว ก็โทรมาบอกว่าให้ส่งการ์ดไปให้ด้วย เราก็คิดว่าเพราะข่าวที่ออกไปเนี่ยล่ะ
คิดอย่างไรกับข่าวลือที่ว่าทั้งคู่แต่งงานเพราะต้องการต่อยอดทางธุรกิจ หรือแต่งงานเพราะอยากทำให้พ่อแม่สบายใจ
จ๋า: การแต่งงานเพื่อธุรกิจมันจะยิ่งซับซ้อนนะ มองว่าเขาพูดเพ้อเจ้อ อย่างธุรกิจของเรา 2 คนเป็นธุรกิจของครอบครัว มันก็มาบวกกันยาก จ๋าว่าเขาคิดกันไปเอง เพราะเขามองว่าคนทำธุรกิจ 2 คนมาแต่งงานกัน ถ้ารู้จักอั๋นจริงๆ จะรู้ว่าเขาทำงานด้วยตัวเอง และเขาก็มีอาชีพชัดเจน เขาทิ้งอาชีพตัวเองไม่ได้หรอก จริงๆ มันเพราะคนไม่ยอมรับมากกว่าว่า 2 คนนี้มารักกันได้อย่างไร จ๋าคิดว่ามันเป็นความคึกคะนองสนุกปากเลยไม่เอามาใส่ใจ อย่างน้องๆ ในโรงละครเวลามีคนมาถาม เขาก็จะบอกว่าคุณจ๋าไม่ใช่คนโง่นะ เขาต้องคิดว่าอั๋นเป็นคนดีจริงๆ เขาถึงเลือก
อั๋น: เรา 2 คนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงานด้วยเหตุผลใดๆ ไม่มีการบังคับ หรือฝืนแต่ง เราเลือกกันและกัน
(ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ใน OK! ฉบับที่ 285 เดือนมกราคม)
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตามนิตยสาร OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : http://www.okmagazine-thai.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
♥ Twitter : https://twitter.com/okthailand
Comments
comments